บท
ตั้งค่า

เป็นอย่างที่เคยเป็น

เจ็บ!

พราวนภารู้สึกเจ็บแปลบในอกที่โดนเมิน ให้เถียงกันแบบเมื่อกี้ยังจะดีซะกว่า แบบนี้แสดงว่าเธอกับเขาจะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ใช่ไหม ยอมรับว่าคิริวเป็นคู่กัดของตัวเอง แต่บ่อยครั้งที่เธอพึ่งพาเขาไม่ต่างจากน้องชายอย่างวินและไวท์ แต่แบบนี้รู้สึกเหมือนว่าทุกอย่างที่ผ่านมา มันพังทลายลงหมด เพราะเรื่องเมื่อคืน

คิริวขับรถพาพี่พราวมาซื้อยาไกลโข เพราะกลัวคนมองเธอไม่ดี ที่จริงเขามาซื้อเองก็ได้แหละ แต่อยากมีส่วนร่วม ไม่อยากทำอะไรตามใจ เพราะคิดว่ามันจะง่าย แต่มันดันไม่ง่ายเหมือนที่ตกลงกับเธอเมื่อคืน

“จะกินข้าวไหม”

“ไม่หิว”

“ไม่หิวก็ต้องกินไหม จะเที่ยงแล้ว”

ว่าจะไม่พูดด้วยแล้วนะ แต่อดห่วงสุขภาพไม่ไหว ตอนนี้เขาขับรถมาถึงช่วงถนนที่มีร้านค้าข้างทางมากมาย อยากจะแวะ แต่ไม่อยากตัดสินใจเอง แต่เมื่อถามแล้วได้คำตอบแบบนั้น จึงหักรถ เลี้ยวเข้าร้านขาหมูใกล้ๆทันที

ร่างสูงเดินลงจากรถไปนั่งรอเงียบๆ เมื่อเห็นพราวนภาเดินตามลงมา ก็กดล็อกรถไว้ บรรยากาศตอนนี้กำลังดี แม้จะเป็นช่วงเที่ยงของวัน แต่ฟ้าครึ้มเหมือนฝนจะตก การนั่งกินข้าวมองหน้าบึ้งๆของพี่พราว เลยไม่ได้แย่!

“เอาขาหมูสอง”

“พี่ไม่ชอบขาหมู”

“สั่งให้ตัวเองเถอะ อยากกินอะไรก็สั่งดิ ตามสั่งก็มี นู้น มีให้เลือกเยอะแยะ”

คิริวพยายามทำตัวให้เหมือนปกติที่สุด เพราะไม่อยากให้ทุกอย่างแย่ลง เขาไม่ได้สั่งให้เธอจริงๆ เพราะรู้ไงว่าเธอไม่ชอบ แต่ตรงนี้มีร้านค้าให้เลือกกินเยอะแยะไง เดินไปสั่งเอาดิ ถ้าไม่อยากกินขาหมูอะ จะรู้ไหมว่าอยากกินอะไร!

“เจ็บ!”

พราวนภาพูดแค่นั้นก็นั่งนิ่ง ไอ้เด็กนี่ปากเน่า พูดไม่คิด แค่เดินลงรถมาถึงนี่ได้ก็บุญหัวอีพราวแล้วไหม ให้เดินไปสั่งอาหารกินเองในสภาพนี้ อีพราวเลือกอดดีกว่า เจ็บ…จะตายอยู่แล้ว!

“จะกินอะไร!”

น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากสมกับเป็นคิริวแหละ แต่ฟังแล้วของขึ้นกว่าเดิมจนเธอเลือกที่จะไม่ตอบ นั่งกอดอกเชิ่ดๆ นิ่งๆ เป็นการประท้วงไปในตัว ถ้าอยากกำราบอีพราว ต้องพูดดีๆรู้ไหม

“พราว! ถาม!”

“…”

พราวนภาเบ้ปากใส่ ทั้งยังเมินหน้าหนี รู้ดีว่าทำกิริยาแบบนี้ ยิ่งทำให้ไอ้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโมโห แต่เขาควรเรียนรู้ที่จะพูดกับเธอดีๆบ้างปะ ไม่ใช่พูดกับเธอเหมือนเดิม ทั้งๆที่ได้ตัวเธอไปแล้ว

“แล้วแต่นะ”

คิริวนั่งกินข้าวขาหมูที่มาเสริฟเงียบๆ จนใจจะพูดกับพราวนภาจริงๆ แม่งโคตรดื้อเลย!

พราวนภากลืนน้ำลายลงคอ หิวจนแสบไส้ไปหมดแล้ว แต่จะให้เดินไปสั่งอาหารมันก็ไม่ไหว ได้แต่นั่งมองคนตรงหน้ากิน แล้วแม่งทำหน้าทำตาเอร็ดอร่อยยั่วโมโหเธออีกนะ

“ริว! จานนี้ขอกินได้ไหม”

พราวนภาถามเสียงเบา มองจานข้าวขาหมูมันเยิ้มอีกจานที่ยังไม่โดนเจ้าของมันตักสักคำ กลืนน้ำลายลงคอ เมื่อใบหน้าหล่อเหลาทำเป็นไม่ได้ยิน

“ริว พี่ขอกินข้าวของริวจานนี้ได้ไหมคะ”

มือเรียวยาวเชยใบหน้าที่ก้มกินข้าวขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงและแววตาออดอ้อน จนคนตรงหน้าชะงักมือ ก็เธอหิวมากเลยอะ ครั้นจะทำตัวแบบเดิม เธอต้องไส้ขาดแน่ๆ

“อืม”

คิริวปัดมือที่คางออกเบาๆ ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย รู้ว่าพี่พราวแม่งฝืนใจทำ เพราะต้องการข้าวจานนั้น แต่ทำไมตื่นเต้นขนาดนี้วะ พี่พราวจะรู้ตัวไหม ว่าตอนทำหน้าอ้อนๆ น่ารักมากกว่าทำหน้าเหวี่ยงๆอีก

น่ารักจนเขาตกหลุมรักไม่หยุด!

พราวนภาเบ้ปาก เมื่อสิ่งที่ทำได้ผลตรงข้ามกับที่คิด แม้จะได้ข้าวตรงหน้ามาเป็นของตัวเองอย่างที่หวัง แต่ปฏิกิริยาของริวนั้น ไม่เหมือนกับเวลาที่เธออ้อนวินหรือไวท์น้องชายเลย

กินข้าวเสร็จคิริวก็พาพราวนภากลับมาบ้าน สั่งให้เธอไปนอนพักด้วยคำพูดไม่กี่คำ จากนั้นก็เดินหนีไปตากผ้าที่ซักไว้ เสร็จแล้วก็เดินขึ้นไปข้างบน ตั้งใจจะไปบอกเธอว่าจะกลับแล้ว แต่ปรากฏว่าเธอหลับไปแล้ว จึงกลับไปเงียบๆ โดยไม่ได้บอกอะไรเลย

บางทีเขาควรปล่อยให้เธอได้คิดทบทวนสักหน่อย ไม่ควรยัดเยียดความรับผิดชอบให้เธอ รวมทั้งไม่ควรยัดเยียดตัวเองให้เธอด้วย เหมือนเธอพยายามลืมและพยายามทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเองก็ไม่อยากฝืนอะไรมากนัก

แม้จะรู้สึกแย่มากก็ตาม ที่เธอจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ ไหนจะคำพูดที่พูดกับเขา จนเขาคล้อยตาม แต่เขาคงต้องปล่อยให้มันกลับไปเป็นแบบเดิม แบบที่เธอกับเขาเคยเป็น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel