ผู้ชายที่มีสัมพันธ์
“โอ้ย! จะคิดทำไมเนี่ย”
คิดถึงคิริวทีไรรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เสียวแปล๊บๆตรงจุดที่เพิ่งทำให้มันแห้ง จะว่าไปริวแม่งโคตรช่ำชอง ต่างจากเธอที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็นเลย ยกเว้นจูบเท่านั้นที่เธอรู้สึกว่าเหนือกว่า
“อย่ายืนเอ๋อตรงทางเดินสิ เกะกะ!”
เสียงทุ้มคุ้นหูดังอยู่ด้านหลัง ทำให้พราวนภาเอี้ยวใบหน้าหันไปมองด้วยความตกใจ ร่างสูงที่ยืนจนจะชิดแผ่นหลังทำให้เธอทำได้แค่นั้น ลมหายใจอุ่นร้อนที่กระทบใบหน้า ทำให้เลือกหันใบหน้ากลับไปในทิศทางเดิม
“มา มาทำไม”
พราวนภาจำต้องปล่อยให้คนที่สูงกว่าหายใจรดต้นคอของเธอ ไม่กล้าขยับหนี เพราะมีสายตาหลายคู่มองมาทางนี้ ทางมันมีเยอะกว่าจริง แต่ตอนนี้เธอยืนเหม่อขวางประตูเข้าออกระหว่างห้องที่ใช้ถ่ายทำอยู่นะสิ
“ทำงาน ถอยสิ เกะกะ”
คิริวย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง เพราะด้านหลังเขานั้น มีเพื่อนมาด้วยสองคนเป็นนายแบบเหมือนกันและมาทำงานที่นี่เหมือนกัน เขาไม่อยากให้พวกมันรู้จักเธอ ทำเป็นไม่รู้จักเธอ น่าจะดีต่อตัวเธอที่สุด
“อ๊ะ! จะเข้าไปข้างในเหรอ โทษที!”
พราวนภาขยับตัวหลบ เพราะดูเหมือนทุกคนที่ที่อยู่ด้านในจะมองมาทางนี้แล้ว คงรอนายแบบกัน เธอที่ขวางทางอยู่จึงต้องรีบเปิดทางให้ แต่เพราะรีบเกินไป รองเท้าที่สูงเกือบสองนิ้วจึงพลิกไปด้านข้าง ส่งผลให้ร่างของเธอเซไปชนกับกรอบประตู
“ซุ่มซ่าม!”
คิริวคว้าไหล่เธอไว้ได้ทัน เมื่อมั่นใจว่าไม่เป็นอะไร ก็เดินหนีเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
หงุดหงิดชิบหาย! ทำไมต้องมาเจอพี่พราวที่นี่ก็ไม่รู้
“น้องริวรู้จักพี่พราวเหรอคะ”
อินทิราถามด้วยใบหน้าสงสัย มองคนที่เดินเข้ามาใกล้สลับกันไปมา แม้คิริวจะหันไปทักทายพี่ๆในกองเหมือนนายแบบคนอื่นๆ แต่เธอเห็นสายตาตอนที่เขามองพี่พราวก่อนหน้านั้น มันดูมีอะไรสักอย่าง และเธอไม่ชอบใจเอาซะเลย
“เปล่านี่ แค่บอกให้หลีกทาง”
คิริวทักทายพี่ๆในกองเสร็จก็หันกลับมาตอบคำถามนางแบบสาวรุ่นพี่ที่อายุห่างกับตัวเองแค่หนึ่งปี
อิงค์เป็นผู้หญิงสวยและเก่ง ฝีมือเธอนั้นเป็นที่ยอมรับไปทั่วประเทศ เป็นนางแบบอายุน้อย ที่ไม่ได้รับแค่งานถ่ายแบบเดินแบบเท่านั้น เธอยังรับงานละคร และค่อนข้างแสดงเก่ง และไม่ใช่แค่เก่งตอนอยู่ในจอด้วย นอกจอก็เช่นกัน เขาเลยไม่ชอบขี้หน้า เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้เธอกำลังเหม็นหน้าผู้หญิงที่กำลังจัดแจงเสื้อผ้าให้เธออยู่ แม้จะไม่แสดงออกมาก แต่เขาเสือกดูออกไง
“พี่พราวพอแล้ว จะจัดอะไรนักหนา”
พราวนภาเงยหน้าขึ้นจากช่วงเอวที่กำลังจัดเข็มขัดให้เข้าที่ ก็ไม่อยากจัดอะไรนักหนาหรอกนะ ถ้าอินทิราไม่ปลดเข็มขัดออกจนมันจะหลุด แต่เธอเป็นมืออาชีพพอไง ได้แต่ยิ้มกลับไป แล้วเก็บคำโต้แย้งพวกนั้นไว้คนเดียว
อินทิราไม่ได้เป็นเด็กก้าวร้าวเท่าไหร่ นั่นทำให้เธอทำงานกับอินทิรามาร่วมปีโดยที่ไม่มีปัญหา แม้จะจู้จี้ขี้บ่น แต่เธอรับมือไหว นี่ก็นิสัยปกติ เธอจึงไม่ถือสาเด็กที่อายุน้อยกว่า คนเราก็ต้องมีเรื่องที่ตัวเองไม่พอใจบ้าง เป็นธรรมดาของมนุษย์
“ใครแต่งตัวเสร็จแล้ว ช่วยมารวมกันตรงนี้หน่อยครับ”
พี่ช่างภาพเอ่ยเรียกนายแบบ นางแบบ ให้ไปรวมตัวกัน เพื่อพูดคุยคอนเซ็ปงานอีกครั้ง
คิริวถูกเรียกตัวมาแทนเพื่อนอีกคนที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาล การถ่ายแบบครั้งนี้ ต้องถ่ายรวมกับคนอื่นหลายคน เขาไม่ชอบเลย แต่เพราะปฏิเสธไม่ได้ จึงต้องไปยืนรวมกันกับเพื่อนอีกสองคน โดยมีอินทิรานั่งอยู่บนโซฟาสีแดงด้วยท่าทางราวกับนางพญา
การถ่ายแบบเริ่มขึ้นทันที ที่นางแบบและนายแบบยืนเตรียมตัวโพสต์ท่าพร้อมถ่าย พราวนภายังคงยืนแสตนบายอยู่รวมๆกับสตาร์ฟคนอื่นๆ สายตาจ้องมองภาพตรงหน้านิ่งๆ มองทุกๆสิ่งที่นายแบบนางแบบกำลังกระทำ และหัวใจเต้นเร็วทุกครั้ง ที่คนพวกนั้นเปลี่ยนท่าทางการโพสต์
ใบหน้าสวยหันหนีไปทางอื่น เมื่อไม่สามารถทนมองต่อไปได้ ผู้ชายที่เคยมีสัมพันธ์กับเธอในคืนนั้น กำลังนั่งอยู่บนโซฟา บนตักเขามีผู้หญิงคนอื่นนั่งทับ ลำคอที่เธอเคยกอดเกี่ยว ถูกผู้หญิงคนอื่นกอดซ้ำ ใบหน้าที่เธอมองว่าหล่อเหลา กำลังถูกผู้หญิงคนอื่นจ้องมองด้วยแววตาหวานฉ่ำ
นายแบบที่อิงค์พูดถึงคือคิริวงั้นเหรอ?
ทำไมตอนที่อิงค์พูดเธอถึงจับใจความไม่ได้ มาจับใจความได้อะไรเอาปานนี้ ถ้าอิงค์สนใจคิริวจริงๆเธอจะทำยังไง เธอมีอะไรสู้ผู้หญิงอย่างอิงค์ได้ล่ะ ไม่มีเลย!
ครอบครัวเธอไม่ได้ยากจนก็จริง แต่ครอบครัวของอินทิรานั้นเป็นถึงข้าราชการระดับประเทศ การศึกษาเธอก็ดีกว่า เพราะกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ที่เน้นเรื่องการสอบเข้ามาเป็นอันดับหนึ่ง เรียกได้ว่าทั้งเก่ง สวย และรวย ครบสูตร
ดูเหมาะกันดี!
“พราว? ไม่สบายเหรอ?”
พราวนภาส่ายหน้าให้ปุรินทร์ เจ้าของสตูดิโอการถ่ายทำในครั้งนี้ ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาอยู่ใกล้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ใกล้จนเธอได้กลิ่นบุหรี่อ่อนๆจากตัวเขา
“เปล่าค่ะพี่ปุรินทร์”
พราวนภาพูดปฎิเสธย้ำไปอีกครั้ง เมื่อคนตรงหน้าดูเหมือนจะไม่เชื่อและขยับเข้ามาใกล้ ปุรินทร์ตัวสูงพอๆกับคิริว แต่หุ่นล่ำกว่ามากเพราะเขาเข้าฟิตเนสเป็นประจำ เขาเข้ามาใกล้แบบนี้ทำให้เธอรู้สึกกลัวแปลกๆ
“แต่พี่เห็นเราตาแดง เหมือนจะร้องไห้”
ใบหน้าคมก้มลงไปใกล้ผู้หญิงที่ตัวเองสนใจ เขารู้จักพราวนภามานาน เพราะสตูดิโอของเขานั้น มักมีคนมาเช่าถ่ายแบบอยู่ประจำ ทำให้มีโอกาสเจอเธอที่ทำงานเป็นสไตล์ลิสอยู่บ่อยๆ ชวนคุยจนค่อนข้างสนิทกัน แต่เขาดันไม่มีความกล้าที่จะจีบเธอ นั่นเพราะเธอเป็นคนสวย เขาคิดว่าคนสวยแบบเธอคงมีคนจับจองเป็นเจ้าของแล้วนั่นเอง
“ไม่ได้ร้องค่ะ แสงไฟมันส่องตาค่ะ”
“เหรอครับ ? พี่ไม่เคยเห็นริวรับงานกลุ่มเลย ถือว่าเป็นบุญตานะเนี่ย”
ปุรินทร์มองตามสายตาคู่สวยไป เมื่อเห็นว่าใครอยู่ที่ปลายสายตาของเธอ ก็เหยียดยิ้ม คำพูดเอ่ยชม แต่แววตากลับแข็งกระด้างน่ากลัว ถ้ามีคนสังเกตเห็นนะ แต่เพราะว่าไม่มีใครเห็นไง เขาถึงกล้ามองไอ้เด็กนั่นด้วยสายตาแบบนี้
“ค่ะ”
พราวนภารับคำเนือยๆ เธอไม่เคยเห็นคิริวถ่ายแบบหรอก แต่ได้ยินวินพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง ว่าคิริวรับงานถ่ายแบบด้วย ถ้าช่วงนั้นเธอสนใจเขาเหมือนตอนนี้ เธอคงรู้จักมุมนี้ของเขาบ้าง
คิริวตอนนี้ดูจริงจังสุดๆ ให้ความรู้สึกโตเป็นผู้ใหญ่ ใบหน้าเรียบเฉยที่เธอไม่เคยเห็น ให้ความรู้สึกน่าค้นหา มากกว่าใบหน้ากวนตีนอย่างที่ผ่านมา ที่เห็นแล้วอยากเขกมะเหงกหลายๆที ทำไมกันนะ คิริวก็ยังเป็นคิริวคนเดิม แต่ทำไมเธอถึงมองเขาไม่เหมือนเดิม
