17 สู่ขอ
“แล้วถ้าเจนเกิดท้องแล้วยังไม่มีฤกษ์แต่งล่ะคะ” หล่อนถามเขาเพื่อหยั่งเชิง อะไรสักอย่าง
“ไม่เป็นไรถ้าคุณท้อง ผมจะพาคุณไปจดทะเบียนก่อนเลย” ภาคินัยบอกด้วยน้ำเสียงที่ยอมรับอย่างหนักแน่น น่าแปลกที่เขารู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาอย่างประหลาดเมื่อคิดว่าเจนจิราจะท้องจริงๆ
คนในอ้อนแขนยิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ทันที ตั้งใจว่าจะยั่วเขาไปอย่างนั้นเองจึงเสนอเขาว่า....
“ถ้าอย่างนั้นระหว่างที่อยู่ที่นี่ เพื่อไม่ให้พลาดอีกเรานอนแยกห้องกันดีกว่านะคะ ที่ผ่านมาแล้วลูกอาจจะยังไม่ปฏิสนธิก็ได้”
เจนจิราข่มใจพูดอย่างกับนักวิชาการ ทั้งที่เขินจนไม่รู้จะเขินยังไงกับการพูดคุยอย่างเปิดอกลึกซึ้งขนาดนี้
ในขณะที่หญิงสาวยิ้มกริ่มกับความรอบคอบของตัวเอง ชายหนุ่มที่กําลังไม่พอใจกับข้อเสนอเป็นอย่างมากกําลังรัดหล่อน แน่นพอแหงนหน้าขึ้นไปมองก็ถูกสายตาร้อนแรงกำกับคาดโทษ เอาไว้
“ปล่อยให้คุณนอนคนเดียวเนี่ยนะ”
“ค่ะ เราจะได้ปลอดภัยช่วงนี้ไงค่ะ”
“ผมไม่ตกลงครับเจน”
“ทำไมล่ะคะ”
“ผมขาดคุณไม่ได้แล้วตอนนี้”
“บ้า!..”
“จริง ๆ นะที่รัก เรานอนด้วยกันเถอะ ท้องก็แต่งไม่ท้องก็แต่ง เดี๋ยวผมจะบอกแม่ผมเย็นนี้เลย นะนะ..คนดี” บอกได้แค่นั้นภาคินัยก็จูบปิดปากตัดบททันที ...มันเป็นการตัดบทที่เอาเปรียบที่สุดเท่าที่หล่อนเคยรู้สึกมา...แต่อีกนิด ...มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก จูบนั้นก็แค่ทำให้ใจเต้นรัวเร็ว เรี่ยวแรงหายไปไหนหมดก็ไม่รู้
ภาคินัยยิ้มอย่างนึกได้ ...เมื่อคืนกับเมื่อเช้าไม่มีการป้องกันใดๆ ถ้าหากลูกๆ จะมาเกิดเอาตอนนี้จริงๆเขาก็ยินดี และพร้อมเสมอ
“ไม่ต้องกังวลไปนะ..ที่รัก รับรองผมไม่ทอดทิ้งคุณ”
“สัญญาได้มั้ยละคะ” พอริมฝีปากอิ่มสวยเป็นอิสระหล่อนก็เอื้อนเอ่ยทันที ทั้งที่หายใจสะท้านซึ่งเป็นผลพวงจากการลงโทษของเขานั่นเอง
“สัญญาครับที่รัก” ภาคินัยรีบบอกเธอแล้ว
“คุณภาคย์ค่ะ อย่าค่ะ อื้อ ปล่อยเจนก่อนสิคะ” คำขอร้องบอกออกไปแล้วเจนจิราก็สบเข้ากับดวงตาเฉียบคมที่มองลงมาพอดิบพอดี ประกายร้อนแรงที่สัมผัสได้ทันทีทําให้เธอครางออกมาด้วยความอ่อนใจ หล่อนพลาดอีกแล้ว...แล้วหลังจากนั้นภาคินัยก็ทําให้หล่อนยอมรับกับตัวเองแล้วล่ะว่า การร่วมรักกันไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรเลย เพราะจําได้ว่าหล่อนกับเขาได้ร่วมรักกันมาแล้วหลายต่อหลายครั้งท่ามกลางคืนวันอันวาบหวามเกือบตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา
“คุณภาคย์คะ ปิดไฟเถอะค่ะ”
“อายผัวเหรอ..ที่รัก”
“เจนขอร้องนะคะ”
“ปิดก็ได้ แต่โคมไฟผมไม่ปิดนะ”
“อืม..ก็ได้ค่ะ”
“อืม..เดี๋ยวก็ก่อนสิค่ะ อร๊าย คุณภาคย์ อื้อ!!” บทเพลงรักดำเนินต่อไปจนหญิงสาวเผลอหลับด้วยความอ่อนล้าไปในอ้อมแขนอันอบอุ่นของเขา แวบหนึ่งที่เจนจิราได้ยินเสียงกระซิบบอกรัก เสียงเขาบอกเธออย่างอ่อนโยน
“เจนจ๋า ผมรักคุณ”
“ค่ะ..เจนก็รักคุณภาคย์!!” หญิงสาวกระซิบตอบด้วยเสียงแผ่วเบาและหลับลงอย่างหมดแรง
เช้าวันนี้ ทั้งคู่ก็ได้โอกาสเดินทางกลับ เจนจิรามีงานรออยู่ สวนภาคินัยเองก็จะต้องกลับไปทำหน้าที่เพื่อแบ่งเบางานในบริษัทช่วยคุณแม่ของเขา
“คุณไม่ลืมอะไรแล้ว..นะที่รัก” ภาคินัยถามขึ้น
“ถ้ามีโอกาสพาเจนมาที่นี่อีกนะคะคุณภาคย์”
“ได้สิครับ แต่งงานแล้ว ถ้าคุณอยากมาฮันนีมูนที่นี่ก็ได้นะ”
“ก็ดีนะคะ”
“แต่ผมว่าที่นี่ จะมาเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าเราแต่งงานกันเสร็จ ผมจะพาคุณไปฮันนีมูนที่เมืองนอก แต่เป็นที่ไหนนั้นของอุ๊บไว้ก่อนนะ”
“หึ..คุณภาคย์นี่ขี้โกงตลอดเลยนะคะ จะเซอร์ไพรส์อะไรกันนักหนา”
“เอาไว้ใกล้ ๆ แล้วผมจะบอกนะครับ”
“ค่ะ งั้นเราเดินทางกันดีกว่านะคะ”
“คุณจะให้เจนช่วยขับรถก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรครับเจน ผมขับไหว”
“ถ้าเจนง่วง จะหลับก่อนก็ได้นะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ช่วยคุณดูทางดูกว่า”
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ วันนี้ภาคินัยเดินทางมาพร้อมกับมารดา คุณนายนวลฉวี ที่จะมาสู่ขอเจนจิราให้เป็นเรื่องเป็นราว
“อิฉันก็ร้อนใจค่ะ พอดีว่ารู้ชายอิฉันเร่งวันเร่งคืนจะให้มาสู่ขอหนูเจน ถ้าทางนี้คุณยายกับคุณแม่ของหนูเจนไม่ขัดข้องอะไร ก็อยากให้แต่งงานกันเสียเลย อิฉันเกรงว่าจะเป็นขี้ปากชาวบ้านละแวกนี้นะสิคะ
“อืม!.. เด็ก ๆ เค้าตกลงกันมาแล้ว ดิฉันก็ไม่ขัดหรอก ส่วนเรื่องสินสอดก็แล้วแต่คุณนายจะเห็นสมควรนะคะ ดิฉันไม่เรียกร้องอะไรหรอก ขอเพียงทั้งสองรักกันก็พอ
“คุณแม่ครับ ผมรักเจนครับ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้น้องเจนเสียใจเป็นอันขาด” ภาคินัยพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เล่นเอาหญิงสาวหน้าแดงก่ำ
“ถ้าอย่างนั้นเดือนหน้าดิฉันจะจัดงานแต่งระหว่างลูกชายดิฉันกับหนูเจนเลยนะคะ” คุณนายนวลฉวีรีบสรุปทันที
“ได้ค่ะ ขอบคุณคุณนายมากนะคะ ที่เอ็นดูลูกสาวดิฉัน”
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ดิฉันก็อยู่กับลูกชายเพียงแค่สองคน มีหนูเจนไปอยู่ด้วยก็คงไม่เหงา อีกหน่อยก็มีตัวเล็ก ๆ วิ่งเต็มบ้านคงสนุกหน้าดูนะคะ”
“ถ้าคุณแม่กับคุณยายเหงา เอาไว้ผมจะมารับหาเจนบ่อย ๆ นะครับ หรือไม่ผมกับเจนก็จะมาค้างบ้านคุณแม่บ้าง รับรองว่าผมสองคนจะไม่ปล่อยให้คนแก่อยู่เหงากันตามลำพังแน่นอนครับ”
“พ่อคุ๊ณ..มีน้ำใจจริง ๆ ยังห่วงกลัวว่าคนแก่จะเหงา เห่อ!.. ถ้าไม่รังเกียจคนแก่ละก็ มาทุกเมื่อนะคะ ถ้าคราวหน้ามาอีกยายจะทำขนมให้กิน ของโทรของแม่เจนเค้าหน่ะ”
“เออ..ยังไงหนูเจน ก็ไปโชว์ฝีมือที่บ้านแม่บ้างนะ”
“ได้ค่ะคุณป้า”
“เรียกแม่ได้แล้วลูก”
“ค่ะคุณแม่” เสียงตอบรับนั้นกระตือรือร้นจนภาคินัยกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่...ใบหน้าที่จะแดงเห่อขึ้นด้วยความเขินอาย
“อืม มันต้องอย่างนั้น
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ แล้วเดือนหน้าจะมารับหนูเจนไปเตรียมตัวเข้าพิธีแต่งงาน”
วันนี้ทั้งคู่ก็เตรียมไปถ่ายพรีเวดดิ้งและก็ลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว ทั้งคู่เดินทางไปแจกการ์ดงานแต่งงานให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ ทั้งทางฝ่ายเจ้าสาว และฝ่ายเจ้าบ่าว ก้องเกียรติและสุรีย์พรต่างก็มาช่วยเพื่อนของเขาแจกการ์ด พอพักเที่ยง ภาคินัยจึงอาสาเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารกลางวัน ทั้งสี่คนจึงร่วมรับประทานอาหารร่วมกัน
“ไอ้ก้องแกต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ฉันนะ”
“เออน่า..ไม่ใช่ฉันจะเป็นใครไปได้วะ”
“คุณพรล่ะ เป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วยมั้ย”
“ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นจบการของฉัน เพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวก็ร่อนการ์ดงานแต่งต่อเป็นไง
“เฮ้ย!.. บ้าเพื่อน แกถามคุณพรของฉันหรือยัง”
“แหม่!!... คุณพรครับ เห็นใจเพื่อนผมเถอะครับ”
“ยังต้องดูพฤติกรรมก่อนนะคะ”
“ระวังมีลูกไม่ทันใช้น้า...” เจนจิรารีบแซวเพื่อน
“เออหน่า..ใช้ให้แกล่วงหน้าไปก่อนเลย”
