ตอนที่ 2-2
“มีเยลลี่เกาหลีมาใหม่ค่ะกำลังฮิต คุณลูกค้ารับด้วยไหมคะ”
“รับก็ได้ค่ะ พอแล้วนะคะ ไม่ต้องนำเสนออะไรอีก วันนี้ยังไม่มีอารมณ์กินขนม อยากกินคนมากกว่า” นาราตัดความรำคาญเพราะอยากรีบๆ ออกจากร้าน ส่วนคนที่เธอว่าไม่ได้หมายถึงสาวแคชเชียร์
ทว่า น้ำเสียงแข็งขัดกับใบหน้าหวานล้ำทำเอาสาวพนักงานยิ้มแห้งๆ คิดว่าตนเองนำเสนอสินค้ามากเกินไป รีบก้มหน้าก้มตาคิดเงินอย่างรวดเร็ว ในขณะที่นารารีบเปิดกระเป๋าหยิบถุงผ้าสีขาวที่พับไว้ออกมาคลี่เตรียมจะหยิบของที่พนักงานคิดเงินเสร็จแล้วใส่ลงไป
พนักงานสาวรีบแจ้งราคา “ทั้งหมดสองร้อยเจ็ดสิบสองบาทค่ะ คุณลูกค้า”
นารารีบล้วงมือไปในกระเป๋าสะพายที่แนบลำตัวแล้วควานหากระเป๋าสตางค์ แต่ไม่เจอ พอก้มลงไปมองก็พบว่า...
‘ตายแล้ว ลืมหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา’
ให้ตายเถอะ คราวนี้ คนยิ้มแห้งๆ จึงเป็นเธอ ไม่ใช่พนักงานสาวตรงหน้า คิ้วเรียวสวยยู่เข้าหากัน ก่อนถอนหายใจออกมาแรงๆ เพราะตอนนี้
‘ใจที่ว่าพัง ยังไม่เจ็บเท่าลืมเอากระเป๋าสตางค์มา’
“คือว่าพี่ลืมเอากระเป๋าสตางค์มาค่ะ รับโอนไหม”
“ถ้าอย่างนั้น คุณลูกค้าต้องโอนเงินเข้าแอปทรูมันนี่วอลเล็ตเพื่อชำระค่าสินค้าค่ะ”
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า กำลังจะทำตามคำแนะนำของพนักงานสาว คือเติมเงินเข้าทรูมันนี่วอลเล็ต ทว่าเมื่อคืน ความเมาเป็นเหตุทำให้เธอลืมชาร์จแบตฯ โทรศัพท์ แสงสว่างที่หน้าจอดับวูบลงทันตาเห็น
“แบตฯ หมดพอดี มันซวยอะไรแบบนี้วะ”
“เท่าไหร่”
เสียงที่ดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้นาราหันไปมองด้วยอาการงงๆ ปนตกใจและไม่ค่อยไว้ใจนัก เมื่อเห็นธนบัตรสีเทาลอยผ่านหน้าเธอไป
“นี่ครับ” คนจ่ายเงินแทนหญิงสาวไม่รอคำตอบจากพนักงาน คิดว่าสินค้าไม่เกินมูลค่าธนบัตรที่เขายื่นให้ เมื่อครู่ เขาได้ยินทั้งหมดว่าหญิงสาวลืมเอากระเป๋าสตางค์มา
ไม่คาดคิดว่าจะมีคนมาจ่ายเงินแทนให้ นารากลอกตาขึ้น ใบหน้าสวยหวานหันกลับไปมองเขา แวบแรกเธอเห็นดวงตาทอประกายยั่วเย้าของคนคิ้วเข้มที่โน้มหน้าหล่อเข้ามาใกล้
“คุณคงไม่ว่า ถ้าผมช่วยจ่ายแทนให้”
“เอ่อ ไม่ว่า แต่นาราเกรงใจค่ะ”
“ถ้าคุณไม่สบายใจก็เอาเฟซ เอาไลน์ผมไปขอเลขบัญชี แล้วโอนเงินคืนให้ทีหลังก็ได้”
เวลานี้ นาราไม่มีเงินติดตัวสักบาท แล้วเงินที่เขาช่วยออกให้ก่อนก็ไม่ได้มากมายอะไร เธอไม่ใช่คนเรื่องเยอะ จึงพยักหน้ารับ แล้วกล่าวขอบคุณที่ชายหนุ่มช่วยเหลือจ่ายค่าสินค้าให้ก่อน
“ขอบคุณมากนะคะ เดี๋ยวนาราขอแอดไลน์ ทักไปขอเลขที่บัญชี แล้วจะโอนเงินคืนให้”
ชาร์ลส์ลอบยิ้ม “ครับ”
เขาโน้มตัวลงมาจนได้กลิ่นกายหอมสะอาด หอมยิ่งกว่าตอนที่พี่หมอเคยมอบดอกไม้วาเลนไทน์ให้เธอเมื่อปีที่แล้วและพยายามจะขอหอมแก้ม แต่เธอรู้สึกทั้งเขินทั้งจั๊กจี้ อีกทั้งเกสรของดอกไม้ยังทำให้เผลอจามใส่หน้าเขา จนพี่หมอรีบถอยร่นออกห่างจากเธอไปสามก้าว แม้ว่านาราจะยกมือปิดปากทันก็ตาม
ทุกอิริยาบถของนารากับชาวต่างชาติมาดนักธุรกิจบุคลิกดีเยี่ยมตกอยู่ภายใต้สายตาคมเข้มของหมอหนุ่มวัยยี่สิบเก้าปี ที่เริ่มสับสนในอารมณ์ของตนเองอย่างบอกไม่ถูก จนต้องสูดหายใจลึกๆ เหลือบตามองอดีตแฟนสาวที่กำลังหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าเพื่อแลกไลน์กับอดีตบอสหนุ่ม ในบริษัทที่เคยฝึกงานด้วย
“คุณหมอหึงเธอเหรอครับ”
ประโยคที่ดังขึ้นมาจับน้ำเสียงได้ว่ากำลังประชด เอกรัตน์หันกลับไปมองคนที่มาด้วยกันแล้วไม่ได้ตอบอะไร พอเหลือบสายตากลับไปที่หน้าแคชเชียร์อีกครั้งก็ไม่เห็นใครอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์อีก
นาราเดินมาที่รถคันเล็กซึ่งจอดอยู่ที่หน้าร้าน ด้านขวาของเธอมีซูเปอร์สปอร์ตคาร์แบบเปิดประทุนสีน้ำเงินเงาวับ หญิงสาวได้แต่มองตาปริบๆ พอรถของเธอมาจอดเทียบกับรถคันนี้ ทำเอารถคันน้อยของตัวเองเหมือนรถของเล่นเด็กไปเลย สนนราคาลัมโบร์กินี ฮูราแคน อีโว เรียวีลไดรฟ์ สไปเดอร์ ที่เขาขับอยู่ ประมาณยี่สิบล้านต้นๆ เท่านั้นเอง
ส่วนเจ้าของที่ขับมันผ่านหน้าเธอไปก็คือคนที่ให้เฟซและไลน์เธอไปหมาดๆ กระจกรถยนต์ไฟฟ้าถูกลดลง แล้วคนหล่อ เท่ สมกับรถก็ส่งยิ้มให้เธอ
“แล้วเจอกัน”
“ค่ะ”
นารายิ้มให้เขาแบบงงๆ พอรถเขาผ่านไปแล้ว สายตาที่มองท้ายรถหรูไปก็กลั้นขำแทบไม่อยู่ เมื่อด้านหลังของรถราคายี่สิบกว่าล้านบาท มีร่องรอยข่วนของแมวเต็มไปหมด เท่านั้นยังไม่พอ เจ้าตัวแสบของเขายังฝากรอยเท้าที่เหมือนมันจะไปเหยียบกระป๋องสีก่อนที่จะมาปีนรถของเขา แล้วแมวที่ทำแบบนั้นกับรถเขาได้จะเป็นของใครล่ะ ก็คงจะเป็นแมวของเขาเอง
“เลี้ยงแมวยังไง” ถ้าเธอเจอเขาอีกครั้งก็อยากจะถามดู แต่ว่า... “จะไปเจอกันตอนไหนอีก โลกมันคงไม่กลมขนาดนั้น”
คิดอย่างนั้นแล้วก็ขึ้นรถตัวเอง ขับออกจากหน้าร้านสะดวกซื้อ หมุนพวงมาลัยไปยังทิศทางสู่หมู่บ้าน ในขณะที่รถซูเปอร์สปอร์ตคาร์คันหรูขับไปคนละทาง นาราขับรถเข้าหมู่บ้านแล้วมองไปที่สวนสาธารณะ เห็นร่างสวยคุ้นตาของญาติผู้พี่ที่มีบ้านอยู่ห่างจากเธอไปไม่มากนัก แล้วนึกแปลกใจที่เห็นมิสเตอร์ออสติน นักธุรกิจที่คนเขาลือกันหนาหูว่าเป็นพวกมาเฟีย กำลังยืนคุยกับ ‘หมอบัว’
“ฮันแน่! คู่นี้ชักจะยังไง เขาจีบกันแหละดูออก”
นาราขับรถไปใกล้คนทั้งคู่ จอดรถข้างฟุตปาธแล้วลงไปทักทายคนทั้งคู่
“พี่หมอบัว”
คุณหมอสาวหันมาฉีกยิ้มด้วยความดีใจเมื่อเห็นญาติผู้น้องที่เมื่อครู่พยายามโทร.ติดต่อ เพราะคุณป้าทองอยู่รีบร้อนออกไปจากบ้าน แล้วฝากกุญแจบ้านให้ลูกสาวไว้กับเธอ
“นารา มาพอดีเลย”
นาราส่งยิ้มให้บัวบุษยาก่อนที่จะหันไปส่งยิ้มกว้างให้ใครอีกคน “มิสเตอร์ออสตินมาทำอะไรที่นี่คะ แล้วนี่พี่หมอรู้จักกับมิสเตอร์ออสตินด้วยเหรอ”
“เอ่อ” บัวบุษยาอ้ำอึ้งไป จะปฏิเสธก็ไม่ได้ เพราะเมื่อครู่ยืนคุยกับเขา และอีกอย่าง เขาก็เป็นคนไข้ของเธอด้วย ท่าทางอึกอักเลยทำให้จาคอบเอ่ยแทน
“ผมเป็นคนไข้ของคุณหมอน่ะครับ”
