ตอนที่ 2 ไร่ร้อนรัก
ตอนที่ 2
ไร่ร้อนรัก
พลับพลึงก้าวเดินตามหลังร่างสูงใหญ่ของเขาขึ้นไปบนชั้นสองของคฤหาสน์ไม้สักหลังงาม เสียงฝีเท้าของเธอที่ย่ำไปบนพื้นไม้ดังเอี๊ยดอ๊าดในความเงียบยามวิกาล คล้ายกับเสียงบีบรัดของหัวใจที่เต้นระรัวหนักหน่วงขึ้นทุกขณะ
เธอยังไม่รู้แม้แต่ชื่อของเขาดีด้วยซ้ำ ไม่รู้แม้กระทั่งว่าชายผู้ซึ่งเดินนำหน้าเธอไปนั้น กำลังจะทำอะไรกับเธอในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า แต่ขาเรียวเล็กของเธอกลับยังคงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า ไม่มีการหันหลังกลับแม้แต่น้อย ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างฉุดรั้งให้เธอต้องก้าวต่อไป
“ห้องนั่น เข้าไป”
เสียงเย็นเยียบและทุ้มต่ำเอ่ยสั่งสั้นๆ เพียงเท่านั้น โดยที่เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง พลับพลึงหยุดชะงักอยู่เบื้องหน้าห้องหนึ่ง ประตูไม้สักหนาหนักบานใหญ่ทึบ มีเพียงแสงสลัวๆ จากโคมไฟริมระเบียงที่ส่องลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาเป็นริ้วบางๆ เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ลมหายใจติดขัด ก่อนจะเอื้อมมือที่สั่นเทาออกไปเปิดบานประตูไม้ช้าๆ แล้วก้าวเท้าเข้าไปในความมืดที่รออยู่เบื้องหน้า
ภายในห้องนั้นกว้างขวางเกินกว่าที่หญิงสาวตัวเล็กๆ อย่างเธอจะจินตนาการได้ เตียงไม้ขนาดใหญ่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางห้อง ปูด้วยผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดตาที่ดูราวกับไม่มีใครเคยใช้มาก่อน ผ้าม่านโปร่งบางปลิวไหวพลิ้วตามแรงลมเบาๆ ที่สอดเข้ามาทางหน้าต่าง เปิดรับกลิ่นไอของธรรมชาติยามค่ำคืนเข้ามาในห้อง เสียงประตูปิดลงอย่างเงียบเชียบตามหลังเธอ ทำให้พลับพลึงรู้สึกราวกับถูกขังอยู่ในกรงทองที่มองไม่เห็น
“ถอดเสื้อ”
คำสั่งนั้นดังขึ้นในความเงียบงัน ทำเอาพลับพลึงสะดุ้งเฮือก หันขวับกลับไปเผชิญหน้ากับเขา ก็พบว่าเขายืนพิงบานประตูไม้ ดวงตาคมกริบของเขายังคงจ้องมองมายังเธอไม่กะพริบ ราวกับกำลังจะกลืนกินเธอลงไปทั้งตัว เขาไม่ได้เดินเข้ามาใกล้ แต่คำสั่งนั้นกลับหนักแน่นและมั่นคง จนคล้ายกับมีเชือกที่มองไม่เห็นมัดเธอไว้กลางห้อง ให้ไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้
“จะให้ฉันทำให้”
เสียงเย็นชาและแววตานั้นทำให้เธอส่ายหน้ารัว แก้มขาวๆ ของพลับพลึงร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที มือเรียวเล็กของเธอสั่นระริกขณะที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวบางออกทีละเม็ดอย่างเชื่องช้า ความอับอายและประหม่ากำลังแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย
ดวงตาของเขายังคงจับจ้องแทบไม่กะพริบ ขณะที่แสงสลัวจากดวงไฟบนหัวเตียงค่อยๆ เผยให้เห็นผิวขาวเนียนละเอียดของเธอที่แม้จะถูกแดดเผาจนมีสีน้ำผึ้งจางๆ แต่กลับดูน่าสัมผัส นมสาวตูมเต่งงดงามรับกับเรือนร่างบอบบางที่ไม่ได้สวมชุดชั้นในราคาแพงใดๆ แต่กลับดูบริสุทธิ์และเย้ายวนอย่างไร้เครื่องประดับใดๆ
ในที่สุด เสื้อเชิ้ตก็ร่วงหล่นลงบนพื้นไม้ในที่สุด ราวกับเป็นสัญญาณ…ที่อนุญาตให้เขาขยับตัวได้เสียที เขาก้าวเดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน แต่ทุกย่างก้าวกลับมั่นคง หนักแน่น ราวกับเสือร้ายที่เลือกเหยื่อแล้ว และกำลังเดินเข้าหาอย่างใจเย็น
มือหนาใหญ่เอื้อมมาสัมผัสแก้มเนียนของเธอเบาๆ นิ้วโป้งอุ่นร้อนลากไล้จากปลายคางขึ้นไปจรดขมับอย่างเงียบงันและเชื่องช้า ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะกระซิบถามข้างใบหูเธอ
“เคยมีใครรึยัง?”
เธอส่ายหน้าเบาๆ ดวงตาหลุบต่ำ ไม่กล้าสบกับดวงตาคมกริบคู่นั้น
“ดี...ฉันไม่ชอบของมือสอง”
เสียงกระซิบที่แผ่วเบา แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่อาจเข้าใจ ทำให้พลับพลึงสั่นสะท้านไปทั้งตัว มือแกร่งของเขาผลักร่างบางของเธอลงบนเตียงอย่างไม่รุนแรงนัก แต่กลับมั่นคงและหนักแน่นพอที่จะควบคุมร่างเล็กบอบบางให้ไร้ทางหลบหนีไปไหน
ริมฝีปากของเขาที่ประทับลงมานั้นร้อนผ่าว ราวกับเปลวไฟที่แผดเผาผิวเนื้ออ่อนนุ่มของเธอด้วยแรงจูบที่ไม่ได้มีความอ่อนโยนใดๆ เจือปน มีเพียงความดิบเถื่อนและความปรารถนาที่ยากจะควบคุม เขากัดเบาๆ ที่เนินไหล่มนของเธอก่อนจะลากปลายลิ้นอุ่นร้อนเลียไล้ไปตามรอยฟันของตัวเองช้าๆ สร้างความรู้สึกวาบหวิวไปทั่วสรรพางค์กาย พลับพลึงสะท้านเฮือก พยายามขยับหนีแต่ก็ไร้เรี่ยวแรง
มือข้างหนึ่งของเขาครอบครองเนินอกอวบอิ่มที่ยังไม่เคยถูกใครสัมผัสมาก่อน บีบเคล้นนวดคลึงราวกับจะจดจำรูปร่างของมันให้ขึ้นใจ ปลุกเร้าความรู้สึกแปลกใหม่ที่วิ่งพล่านไปทั่วกายเธอ
“เสียงของเธอ...ฉันอยากได้ยิน”
เขากระซิบชิดข้างใบหู ก่อนจะก้มลงครอบครองยอดอกสีชมพูระเรื่อด้วยริมฝีปากร้อนจัด ปลายลิ้นสากไล้วนดูดเม้มสลับกับคมฟันที่ขบเม้มเบาๆ จนร่างบางสั่นสะท้านไปทั้งตัว ความรู้สึกที่แปลกใหม่และรุนแรงนี้ทำให้พลับพลึงอ่อนระทวยลง
“อื้อ...มะ...ไม่...”
เสียงครางที่เปล่งออกมาสั่นพร่าและหอบหายใจอย่างหนักจนเธอไม่แน่ใจว่าเธอกำลังร้องห้าม หรือกำลังร้องเรียกให้เขากระทำมากกว่าเดิมกันแน่ เขาไล้มือจากเอวบางคอดกิ่วลงไปยังสะโพกกลมกลึงได้รูป ก่อนจะสอดมือล้วงเข้าไปใต้ผ้าถุงของเธออย่างไม่มีความลังเลใจใดๆ
“ไม่ใส่ข้างใน?”
เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างพอใจในคำตอบที่เขารู้ดีอยู่แล้ว ก่อนจะกระตุกผ้าถุงออกจากร่างของเธอเพียงครั้งเดียว ผืนผ้าปลิวละลิ่วไปตกอยู่ที่ปลายเตียง บัดนี้...หญิงสาวนอนเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าเขา เผยให้เห็นเรือนร่างที่บริสุทธิ์และงดงามในสายตาของเขา
เขาไม่รอช้า...ก้มลงแนบจูบกลางหน้าท้องแบนราบที่ยังคงกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ ก่อนจะเลื่อนต่ำลงอย่างจงใจและเชื่องช้า ปลายลิ้นของเขาเย็นวาบเมื่อสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ยังไม่เคยถูกรุกล้ำ พร้อมกับลมหายใจร้อนแรงที่เป่ารด สร้างความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ความอับอายที่แผ่คลุมไปทั่วใบหน้าของพลับพลึง
เสียงครางเล็กๆ เล็ดลอดจากริมฝีปากของหญิงสาว ขณะที่เธอพยายามจะหลบสายตาของเขา
“คุณ...อืม...อย่ามองแบบนั้น”
“แต่ฉันชอบมอง...โดยเฉพาะเวลาที่เธอขยับสะโพกไปตามจังหวะของฉันแบบนี้”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากอย่างหื่นกระหายและเย้ายวน ก่อนจะสอดนิ้วแกร่งเข้าไปช้าๆ...ทีละนิ้ว...อย่างจงใจ เพื่อให้เธอรับรู้ถึงการรุกล้ำที่กำลังจะเกิดขึ้น ความเจ็บปวดระคนกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่แล่นพล่านไปทั่วกาย ทำให้ร่างของพลับพลึงบิดเร้าไปมาอย่างห้ามไม่ได้หลังฉากรัก...และสัญญาที่ยังคงอยู่
“แสบ...ตรงนั้น...เดินไม่ไหวเลย”
เสียงของพลับพลึงพึมพำแผ่วเบา ขณะที่เธอพยายามจะขยับตัวพลิกตะแคง พยายามที่จะผ่อนคลายความเจ็บปวดที่ยังคงหลงเหลืออยู่จากค่ำคืนอันยาวนาน
ภคินยืนอยู่ที่ปลายเตียง มือทั้งสองข้างไขว้หลัง จ้องมองเธออย่างเงียบงันด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา ก่อนจะเอ่ยเพียงสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเย็นชา
“ชินแล้วจะไม่เจ็บ”
ประโยคนั้นทำให้พลับพลึงรู้สึกสะท้านไปถึงทรวงอก มันคือการย้ำเตือนว่าเรื่องราวเหล่านี้จะยังคงดำเนินต่อไป
“คืนนี้แค่เริ่มต้น...พรุ่งนี้จะหนักกว่านี้”
เขาหันหลังเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ ทิ้งให้พลับพลึงนอนกอดผ้าห่มด้วยหัวใจที่สั่นคลอน ไม่ใช่เพียงเพราะความเจ็บปวดทางกาย แต่เป็นความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ...ความรู้สึกที่บอกว่าผู้ชายเย็นชา ดุดัน และเถื่อนคนนี้ กำลังแทรกซึมเข้ามาในทุกอณูของเธอโดยที่เธอไม่ทันรู้ตัว
