
บทย่อ
ภาพลวงตาที่สร้างขึ้น เขาอบอุ่นราวกับแสงอาทิตย์ในยามเช้า หากแต่ความจริง...เขาคือดวงอาทิตย์ที่พร้อมจะสาดแสงร้อนระอุ แผดเผาทุกสิ่งให้กลายเป็นเถ้าถ่าน มาดำดิ่งไปกับการหลงอยู่ใน "กลรัก" ของเธอ และการ "แก้แค้น" ของเขา โดยทั้งคู่มี "หัวใจ" เป็นเดิมพัน คือเธอ นำเสนอเรื่องราวของคนสองคนที่ต้องแต่งงานกันเพราะต่างคนต่างมีเหตุผล นำไปสู่เรื่องราวทั้งสุขและทุกข์ หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยอ่านนิยายแนวทำร้ายจิตใจกันมาเยอะแล้ว และไรต์ก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่าไม่ควรสนับสนุนให้สังคมเรามีผู้หญิงที่ยังยอมให้ผู้ชายทำร้ายจิตใจ มองไม่เห็นคุณค่าตัวเอง แต่อย่างไรไรต์ก็อยากให้ทุกคนลองเปิดใจให้กับ อาทิตย์กับมุกริน อีกสักคู่นะคะ รับรองว่าไรต์จะเสริฟอะไรที่มากกว่าการทำร้ายจิตใจกันอย่างแน่นอน คำเตือน 1.ในเนื้อหามีการบรรยายฉากบนเตียง จึงควรใช้วิจารณญาณในการอ่านและเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป 2.มีคำหยาบในบทสนทนาระหว่างเพื่อน เช่น กู มึง แต่ไม่เยอะค่ะ 3.บางช่วงบางตอนของเนื้อเรื่อง มีความผิดหวัง เศร้า เสียใจและการใช้ความรุนแรงซึ่งเป็นฉากบังคับขืนใจอันเป็นไปตามเนื้อเรื่องที่ทางผู้เขียนสร้างขึ้นจากจินตนาการ จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ชอบความรุนแรงหรืออ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้นะคะ 4.ห้ามคัดลอก ดัดแปลงเนื้อหา ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
บทที่1 จากจุดเริ่มต้น 1
ความรัก...เมื่อมีได้ก็ย่อมหมดลงได้ หากเราได้รับความรักจากใครสักคนจงรักษามันไว้ให้ดี จงดูแลทนุถนอมให้เติบโตอย่างสวยงาม
เพราะเมื่อไหร่ที่ความรักถูกความเจ็บปวดเสียใจเอาชนะ เมื่อนั้นเราก็อาจจะสูญเสียคนที่รักเราไปตลอดกาล
ไนท์คลับหรูแห่งหนึ่งอบอวลไปด้วยแสงสี กลิ่นเหล้า บรรดานักท่องราตรีต่างก็ดื่มด่ำกับบรรยากาศของเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มโดยมีแอลกอฮอล์หลากหลายชนิดเป็นตัวขับเคลื่อนความสนุก ท่ามกลางผู้คนที่กำลังวาดลีลา ชายหนุ่มร่างสูงหุ่นนายแบบกำลังเดินขึ้นไปยังชั้นสอง ซึ่งเป็นโซนที่จัดไว้สำหรับลูกค้าวีไอพีโดยเฉพาะ ก่อนจะเดินผ่านชายหญิงหลายคู่ที่กำลังนัวเนียแลกจูบกันโดยไม่สนสายตาคนอื่น เพราะพวกเขารู้ดีว่าทุกคนที่มาสถานที่แบบนี้ต่างก็มาเพื่อหาความสุขใส่ตัว เพราะถึงแม้ว่าสิ่งยั่วยุเหล่านี้จะหาความจริงใจได้ยากและเป็นเพียงความสุขชั่วข้ามคืน หากก็เป็นสิ่งที่ใครหลายคนต่างก็ต้องการ โดยเฉพาะกับคนที่จำเป็นต้องใช้ของมึนเมาพวกนี้เป็นเหมือนเครื่องลบความทรงจำ ให้ช่วงเวลาในทุกค่ำคืนที่มีภาพจำอันเลวร้ายหลอกหลอนผ่านพ้นไปได้ก็เท่านั้น
เมื่อมาถึงยังโซฟาด้านในสุดซึ่งถูกจัดไว้สำหรับลูกค้าวีไอพี บริกรหนุ่มหน้าตาคุ้นเคยก็นำ Scotch Whisky มาเสิร์ฟให้ชายหนุ่มอย่างรู้หน้าที่ ดวงตาคมกริบจดจ่ออยู่กับแก้วเหล้าที่หมุนอยู่ในมืออย่างคนใช้ความคิดมาสักพักใหญ่ ภายในใจมืดบอดกำลังจมอยู่กับเรื่องราวในอดีต แม้ว่าจะมีสาวสวยหมุนเวียนกันเข้ามาทำความรู้จัก ต่างก็ต้องพากันหน้าหงิกหน้างอลุกออกไปจากโต๊ะเพราะนอกจากเขาจะไม่สนใจพวกเธอแล้วยังทำราวกับมองไม่เห็นพวกเธออีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่วิสัยของเขาสักนิด เพียงแต่ทุกครั้งที่ปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความทรงจำเหล่านั้น รอบข้างของเขาก็มักจะว่างเปล่าแบบนี้เสมอ
กระทั่งสติสัมปชัญญะที่เหมือนถูกปิดตายมาพักใหญ่รับรู้ว่าเจ้าของเสียงเอะอะที่ดังอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้เป็นใคร ชายหนุ่มถึงสามารถพาตัวเองออกมาจากวังวนนั้นได้
“ชิ่งเลยนะมึง อยู่ช่วยกูหน่อยก็ไม่ได้ ดูซิเนี่ยกว่ากูจะออกแบบให้ถูกใจคุณพินิจคิดช้านั่นได้ แก้แล้วแก้อีก” เจ้าของน้ำเสียงหงุดหงิดที่ชอบพ่วงฉายาลูกค้าคือ ภูวเนศ ศิระโยธิน สถาปนิกอีกคนของบริษัทออกแบบชื่อดังอย่าง ตะวันฉาย ดีไซน์ สาเหตุที่หนุ่มหน้าตี๋เดินเข้ามาเหมือนจะมาหาเรื่องใคร เป็นเพราะเขาถูกเพื่อนซึ่งควบตำแหน่งคนจ่ายเงินเดือนทิ้งให้อยู่รับหน้าลูกค้าเรื่องมากรายหนึ่ง แล้วหนีมานั่งดื่มสบายใจเฉิบคนเดียว
“โธ่ ไอ้ทูดดดค้าบบ มึงก็พูดเหมือนไม่รู้ว่าคุณอาทิตย์เขากำลังจะแต่งงานอีกไม่กี่วันนี้อยู่แล้ว เขาก็ต้องรีบกินรีบเที่ยวรีบกลับบ้านซ้อมไว้ก่อนสิวะ เพราะอีกหน่อยแต่งงานแล้วเมียคงไม่ยอมให้ออกมาเที่ยวข้างนอก” น้ำเสียงติดสำเนียงพูดไม่ชัดสวนขึ้นกลางวงเหล้านี้เป็นหนุ่มร่างใหญ่เชื้อชาติอังกฤษชื่อ มาคัส คาร์เธอร์ เจ้าของธุรกิจอาบอบนวดชื่อดัง ซึ่งท้ายประโยคของหนุ่มผิวขาวยังมีเสียงหัวเราะห้อยท้ายมาด้วย เพราะจู่ๆ คนที่หวงแหนชีวิตอิสระอย่าง อาทิตย์ อัครราช ก็บอกกับทุกคนว่ากำลังจะแต่งงาน แถมยังเป็นวิวาห์สายฟ้าแลบอีกต่างหาก แล้วแบบนี้จะไม่ให้พวกเขาแซวแล้วแซวอีกได้ยังไงกัน
ชายหนุ่มคนที่ตัดตัวเองออกจากโลกภายนอกร่วมชั่วโมงคือ อาทิตย์ อัครราช เขาเป็นสถาปนิกหนุ่มอนาคตไกลที่ได้รับการยอมรับจากบรรดาลูกค้าที่เคยว่าจ้างรวมถึงเพื่อนร่วมอาชีพเดียวว่าเขาคือหนึ่งในสถาปนิกฝีมือเยี่ยม และเขาก็กำลังจะสละโสดตามที่เพื่อนแสนรู้ของเขาเพิ่งพูดมา
“ทำไมกูจะไม่รู้ กูเนี่ยรู้จักมันดีกว่าใคร อีกอย่างกูบอกมาเป็นสิบปีแล้วว่ากูชื่อภู! ชื่อภูเว้ยย! เมื่อไหร่จะเรียกชื่อกูถูกครับ” หลังจากเจอลูกค้าเรื่องมากมาทั้งวันแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ภูวเนศก็เลยต้องหาที่ระบาย ประจวบกับที่มาคัสก็ไม่เคยเรียกชื่อเขาถูก แถมยังเปลี่ยนชื่ออันเป็นที่ภาคภูมิใจของเขาเสียจนน่าเกลียดอีกด้วย
“ช่วยไม่ได้ก็ภาษาไทยกูไม่แข็งแรงนี่หว่า” หนุ่มผิวขาวหุ่นล่ำไหวไหล่สองข้างอย่างไม่ยี่หระต่อนิสัยขี้โวยวายของภูวเนศ
“ถุยยย ไม่แข็งแรงอะไร เมื่อกี้ก่อนเข้ามามึงยังใช้ภาษาบ้านกูหลอกล่อสาวหุ่นบึ้มคนนั้นไปต่อที่อื่นอยู่เลย” ภูวเนศสวนกลับอย่างรู้ทันนิสัยรักสนุกของมาคัสพลางหันไปมองสาวสวยที่มาคัสเพิ่งจะเข้าไปหว่านเสน่ห์มา
“กับผู้หญิงไทยกูพูดชัด แต่กับผู้ชายไทยกูพูดไม่ชัดเว้ยยย” ถ้าไม่ติดว่ามาคัสเป็นฝรั่งกล้ามโตแถมยังเพิ่งเรียนจบหลักสูตรแม่ไม้มวยไทยมาหมาดๆ ภูวเนศคงจะง้างหมัดปิดปากมาคัสไปแล้ว
“ไอ้สาดดด กูขี้เกียจจะเถียงกับมึง ส่วนมึง คืนนี้เลี้ยงเหล้ากูแล้วก็โทรตามสาวสวยๆ มาให้กูเลย โทษฐานที่ทิ้งกูไว้จนกูเกือบจะเสียเอกราชให้คุณพินิจไปแล้ว” พอนึกถึงลูกค้ารายใหญ่ภูวเนศก็ทำท่าขยาดก่อนจะเอามือลูบแขนตัวเอง เพราะลูกค้าคนดังกล่าวมีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน และดูเหมือนว่าที่เจาะจงให้เขาเป็นคนออกแบบบ้านให้เพราะสนใจในตัวเขา ถ้าไม่ติดว่า ดนุนัย เพื่อนอีกคนของพวกเขาที่มีอาชีพเป็นทนายติดธุระด่วน เขาคงจะให้ตัดสินผิดถูกไปแล้ว
“กูก็อยากอยู่ช่วยมึงนะ แต่บังเอิญว่ากูเป็นเจ้าของบริษัทและกูก็ต้องเอาความต้องการของลูกค้ามาก่อน” ท่าทางยียวนขณะกระดกวิสกี้ราคาแพงทำให้ภูวเนศแทบอยากจะง้างหมัดปิดปากอาทิตย์อีกคน ที่เอาหน้าตาอันหล่อเหลาของเขาไปหากินกับลูกค้าที่จ้องแต่จะลวนลามเขาให้ได้ แต่ภูวเนศก็ทำได้แค่ง้างหมัดไว้กลางอากาศเท่านั้นเพราะนอกจากอาทิตย์จะเป็นเพื่อนกินเพื่อนร่วมหัวจมท้าย อาทิตย์ยังเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้เขาดังที่เจ้าตัวกล่าว หากตัดนิสัยชอบใช้อำนาจไปในทางที่ผิด อาทิตย์ก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่คบหาได้คนหนึ่ง อีกอย่างในเวลางานอาทิตย์ก็เป็นเจ้านายที่ทุ่มเทให้กับการทำงานพอๆ กับพนักงานทุกคน แต่หากจะพูดให้ถูก อาทิตย์เป็นคนที่ทุ่มเทให้กับงาน โดยไม่เคยโยนงานไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ไปให้ลูกน้องรับผิดชอบ ทั้งที่ถ้าเขาจะทำแบบนั้นก็สามารถทำได้
“ว่าแต่งานแต่งมึงเตรียมไปถึงไหนแล้ววะ เมื่อวานมึงเพิ่งไปลองชุดแต่งงานมาไม่ใช่เหรอ” พอคิดถึงปากท้องขึ้นมาภูวเนศก็ลืมทันทีว่าอาทิตย์ทำแสบอะไรกับเขาไว้บ้าง และพอพูดถึงเรื่องนี้ภูวเนศก็ทำท่าสนอกสนใจ เพราะเขาเชื่อว่าเจ้าสาวที่อาทิตย์ถึงขั้นแต่งเข้าบ้านจะต้องมีดีกว่าผู้หญิงที่ผ่านๆ มาอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นมีหรือที่คนไม่ชอบการผูกมัดจะยอมเอาโซ่เส้นใหญ่มาแขวนคอตัวเองแบบนี้
“อืม” คำตอบสั้น ๆ มาพร้อมสายตาคมกริบที่จดจ่ออยู่กับแก้ววิสกี้เบื้องหน้าราวกับบนแก้วใบนั้นมีใบหน้าของเจ้าสาวปรากฏอยู่
“มีรูปไหมกูขอดูหน่อยดิ” คนขอไม่ได้รอฟังคำอนุญาต หยิบมือถือเฉียบบางที่วางอยู่ตรงหน้าเจ้าของมันขึ้นไปดูพร้อมกับกดรหัสปลดล็อกเองเสร็จสรรพ ก่อนที่สายตาแพรวพราวของภูวเนศจะให้ความสนใจกับรูปถ่ายในมือถืออย่างเห็นได้ชัด
“พระเจ้าเว้ยยย พอใส่ชุดเจ้าสาวแล้วเมียในอนาคตมึงโคตรสวยเลยว่ะไอ้ทิต นี่ขนาดยังไม่แต่งหน้าทำผมนะ แล้วดูชุดเจ้าสาวสิ ใครเป็นคนเลือกวะ เย…เข้!” ระหว่างที่หนุ่มเจ้าสำราญกำลังพรรณนาถึงว่าที่เจ้าสาวของเพื่อนด้วยสายตาแทะโลมอย่างไม่เกรงใจเขาอยู่นั้น ภูวเนศก็ถูกเจ้าของมือถือแย่งคืนไปก่อนจะกระดกวิสกี้นุ่มลิ้นลงคอรวดเดียว ซึ่งอากัปกิริยาไม่คุ้นนี้มีหรือที่เพื่อนที่ร่วมหัวจมท้ายกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมอย่างภูวเนศกับมาคัสจะดูไม่ออกว่าอาทิตย์จะต้องไม่พอใจแน่ๆ ที่เมื่อครู่ภูวเนศเสียมารยาทมองเนินเนื้อขาวๆ ที่โผล่พ้นออกมาจากชุดเจ้าสาวโชว์เนื้อหนังนั่น
“ยังไม่ทันจะได้เขาเป็นเมียมึงก็ออกลายหวงของแล้วเหรอวะ อะแหน๊…ยังไง ยังไงวะไอ้ทีตตต” ภูวเนศชี้หน้าล้ออย่างนึกชอบใจที่ยังไม่ทันไรอาทิตย์ก็ทำท่าจะเป็นจงอางหวงไข่ซะแล้ว ซึ่งมาคัสก็ยังดูออก
“ไร้สาระ” คนถูกล้อปฏิเสธทันควันพร้อมกับปัดนิ้วน่ารำคาญของภูวเนศออกจากใบหน้า ก่อนจะกระดกน้ำเมารสชาติดีลงคอรวดเดียวอีกครั้ง เขาไม่ใช่ประเภทจะไม่พอใจกับเรื่องแค่นี้หรอก
“แปลว่ามึงไม่หวงคุณมุกเลยว่างั้น งั้นปาร์ตี้ตอนกลางคืนกูขอยืมตัวคุณมุกออกไปเต้นรำได้ไหมวะ ได้สินะ”
“ก็ลองดูสิ” น้ำเสียงและสีหน้าเบื่อทุกคนบนโลกก่อนหน้านี้ฉายความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน ว่าเขาไม่อนุญาตให้ผู้ชายหน้าไหนมาแตะเนื้อต้องตัวว่าที่ภรรยาของเขา และถ้าขืนภูวเนศยังไม่เลิกสนใจเจ้าสาวของเขาล่ะก็… พรุ่งนี้เตรียมลาออกจากบริษัทได้เลย
“ใจเย็นดิวะ กูก็พูดเล่นไปงั้นแหละ อย่างกูต้องมีสาวควงออกงานอยู่แล้ว ดีไม่ดีสาวๆ ทั้งงานมีแต่จะขอให้กูเต้นรำด้วย” ถึงทีที่ภูวเนศจะไหวไหล่บ้าง ซึ่งถึงแม้ว่ามาคัสจะเกลียดนิสัยหลงตัวเองของภูวเนศเขาก็ไม่ได้พูดอะไรแต่กลับหันไปคุยกับอาทิตย์แทน
“แล้วตกลงมึงรักหรือไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้นวะ” มาคัสติดนิสัยพูดจาตรงไปตรงมาจากเชื้อชาติและการเลี้ยงดู เขาเลยเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าพวกเขาสองคนจะรู้จักกับอาทิตย์มานาน แต่บางครั้งก็ดูไม่ออกว่าในใจเพื่อนคิดอะไรอยู่
ทว่ากลับไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกจากปากของคนถูกตั้งคำถามนอกเสียจากสีหน้านิ่งขรึมที่ยากจะคาดเดาได้
“กูกลับก่อนนะ ลงบิลกูไว้แล้วกัน”
“อ้าว เห้ย! ชิ่งกูสองคนง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอวะ กูสองคนเพิ่งมาเองนะเว้ย อยู่ดื่มด้วยกันก่อนสิไอ้ทิต ไอ้….!” ภูวเนศตะโกนไล่หลังคนที่เดินออกไปจากโต๊ะโดยไม่สนใจฟังเสียงของตนสักนิด เมื่อกลางวันอาทิตย์ก็เพิ่งจะทิ้งให้เขาอยู่รับมือลูกค้าโรคจิต ตอนนี้ยังจะหนีกลับก่อนอีก
“เชิญมึงโวยวายไปคนเดียวเลย กูขอตัวล่ะ” ว่าแล้วเจ้าพ่อธุรกิจอาบอบนวดก็วางขาข้างที่ไขว่ห้างอยู่ลงพื้นก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะลุกออกไปจากโต๊ะแล้วเดินไปหาสาวสวยหุ่นบึ้มที่เชื่อมสัมพันธ์ไว้ก่อนหน้านี้ ทิ้งให้ภูวเนศนั่งอยู่คนเดียว ทว่าคนอย่างเขาก็ไม่ได้คิดจะโกรธเคืองเพื่อนเพราะเรื่องพวกนี้ เพราะตอนที่มาคัสก้าวออกไปจากโต๊ะเขาก็ให้บริกรของไนท์คลับจัดผู้หญิงมาปลอบใจถึงสองคน
