บทที่ 1
“เราเลิกกันเถอะ”
“นุล้อมุกเล่นใช่ไหม”
มุกปรินทร์เอ่ยถามภานุพงศ์ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่น ก็นี่มันเอพริลฟูลเดย์หรือวันแห่งการโกหก
“นุซีเรียสนะมุก”
รอยยิ้มบนใบหน้าของมุกปรินทร์เลือนหายไปเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนั้น
“พูดจริงเหรอ”
“ใช่” ภานุพงศ์ตอบกลับไปโดยไม่ลังเลแบบชัดถ้อยชัดคำ
จะมีใครโชคร้ายแบบมุกปรินทร์อีกไหม
ที่โดนคนรักบอกเลิกในวันฉลองครบรอบห้าปีที่คบกัน
ผู้ชายที่เธอคิดจะฝากชีวิตไว้กับเขา แต่เขากลับทรยศเธอได้อย่างเลือดเย็น และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก
“ทำไมเราถึงต้องเลิกกัน” มุกปรินทร์ย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“เพราะผมไม่ได้รักมุกแล้ว”
วินาทีที่ได้รับคำตอบนั้นเธอรู้สึกเจ็บที่หัวใจอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดที่ได้รับมันมากเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
“แล้วใครคือผู้หญิงที่นุรัก!”
ภานุพงศ์ใช้ความเงียบแทนคำตอบ
“มุกถามว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครทำไมไม่ตอบ”
“เจนจิรา”
มุกปรินทร์ช้ำใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าผู้หญิงที่ภานุพงศ์รัก คือผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเธอเคยจับได้ว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งด้วย
“จำได้ไหมว่านุเคยร้องขอโอกาสจากมุก ตอนที่มุกจับได้ว่านุมีอะไรกับเจนจิรา นุสัญญาว่าจะเลิกกับเธออย่างเด็ดขาด แล้วนี่อะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
“นุพยายามแล้วมุก แต่ความรู้สึกที่นุมีต่อมุกมันเปลี่ยนไป มันไม่เหมือนเดิม”
“ห้าปีที่เราคบกันมามันไม่มีค่าหรือมีความหมายสำหรับนุเลยเหรอ”
“ยอมรับเถอะว่าเราไปด้วยกันไม่ได้ อย่าฝืนอีกเลยนะมุก”
“บอกเหตุผลที่แท้จริงมาดีกว่าว่าอะไรทำไมนุตัดสินใจเลิกกับมุก”
ภานุพงศ์หยิบการ์ดใบหนึ่งออกมาจากเสื้อสูทที่เขาสวมใส่พร้อมกับยื่นไปตรงหน้าเธอ
“นี่อะไร!”
“เปิดดูแล้วมุกก็จะรู้เอง”
หญิงสาวหยิบมันขึ้นมาเปิดดูถึงได้รู้ว่ามันคือการ์ดแต่งงานระหว่างแฟนหนุ่มของเธอกับผู้หญิงคนนั้น
“นุเตรียมการกันมาก่อนหน้านี้แล้วทำไมต้องปิดบังมุก”
“มันเป็นเรื่องยากสำหรับนุที่จะต้องบอกเลิกมุก”
“แต่ก็ยังทำ”
“มันจำเป็นเพราะเจนท้อง นุจึงต้องรับผิดชอบ ที่สำคัญเจนเขาให้นุได้ทุกอย่างตามที่นุต้องการ”
“สรุปว่านุต้องการชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบายในแบบที่มุกให้ไม่ได้”
ภานุพงศ์พยักหน้ายืนยันว่าความคิดของเธอนั้นถูกต้อง
“มุกถูกทิ้งเพราะผู้หญิงคนนั้นเขารวยกว่าและให้ความสุขสบายกับนุได้มากกว่า”
“ใช่”
มุกปรินทร์กะพริบตาถี่ๆ เพื่อขับไล่น้ำในตาไม่ให้มันไหลออกมาให้เขาเห็นถึงความอ่อนแอของเธอ
“ในเมื่อนุหมดรักมุกแล้ว มุกก็คงไม่หน้าด้านยื้อนุไว้”
ภานุพงศ์เอื้อมไปกุมมือมุกปรินทร์ ผู้หญิงที่เขาเคยรัก
“ขอบคุณที่เข้าใจและหวังว่ามุกจะไปร่วมงานของนุ”
ยังจะหวังให้เธอไปร่วมแสดงความยินดีกับเขาอีกอย่างนั้นเหรอ
มันมากเกินไปแล้วภานุพงศ์
มุกปรินทร์จ้องมองเขาด้วยแววตาแห่งความเจ็บช้ำ
“นุไปก่อนนะ”
“เชิญ อยากทำอะไรก็ทำ”
ภานุพงศ์เดินออกจากร้านโดยไม่ลังเล เขาเดินไปโอบกอดเจนจิราที่ยืนรอเขาอยู่นอกร้านด้วยความสนิทสนมต่อหน้าต่อตาเธอ
มุกปรินทร์กำมือทั้งสองข้างไว้แน่นในขณะที่มองภาพความสนิทสนมเหล่านั้น น้ำตาแห่งความเสียใจที่เก็บกดเอาไว้ไหลลงมาไม่ขาดสาย เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาด้วยความเจ็บช้ำโดยไม่แคร์สายตาใคร ก่อนจะหันไปเรียกพนักงานมาเก็บเงินค่าอาหาร ทั้งที่ยังไม่ได้แตะต้องสิ่งเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย
หญิงสาวเดินออกจากร้านราวกับร่างไร้วิญญาณ เธอเดินเหม่อลอยและก้าวเท้าลงไปบนถนน โดยไม่ใส่ใจรถที่กำลังวิ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง เสียงรถเบรกดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับเสียงหวีดร้องของผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ในบริเวณนั้น
แต่ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะพุ่งชนเธอ ได้มีใครบางคนวิ่งเข้ามาผลักตัวเธอให้พ้นระยะของการพุ่งชน จนเธอเสียหลักล้มลง ทำให้เธอรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด
ก่อนที่มุกปรินทร์จะหมดสติได้เห็นใบหน้าคมคายของผู้ชายคนหนึ่ง ที่วิ่งตรงเข้ามาประคองเธอพร้อมถามอาการ แต่มันช่างเป็นภาพที่ลางเลือนเหมือนภาพฝัน
“เป็นยังไงบ้างคุณ...คุณได้ยินเสียงผมไหม”
เสียงที่ถามราวกับดังมาจากที่ที่ไกลแสนไกลทั้งที่เขาอยู่ใกล้ตัวเธอ จากนั้นสติของเธอก็ดับวูบ มารู้สึกตัวอีกทีก็นอนอยู่ที่โรงพยาบาล
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
หญิงสาวเอ่ยถามพยาบาลที่เข้ามาดูอาการ
“มีชายคนหนึ่งพาคุณมาส่งที่นี่ค่ะ พอจะจำเหตุการณ์อะไรได้บ้างไหมคะ”
“จำได้ไม่แน่ชัดนักหรอกค่ะ”
“คุณเกือบถูกรถชน แต่มีคนมาช่วยคุณไว้ได้ทันก็เลยบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แล้วเขานำตัวคุณมาที่นี่”
“ทราบไหมคะว่าเป็นใคร”
“ไม่ได้แจ้งไว้ค่ะ”
“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนคะ”
“เขาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้คุณแล้วก็กลับไป”
น่าเสียดายที่เธอไม่มีโอกาสได้พบกับคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ เธออยากจะขอบคุณเขาสักครั้ง
“ฉันกลับบ้านได้แล้วใช่ไหมคะ”
“คุณหมอแจ้งว่าคุณไม่ได้เป็นอะไรมาก ถ้าจะกลับก็กลับได้เลยค่ะ”
มุกปรินทร์เดินออกจากโรงพยาบาลมาเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งเธอที่บ้าน
