คืนนี้ฉันเป็นของคุณ

19.0K · จบแล้ว
wayang
12
บท
945
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"เธอเป็นเพียงเด็กฝึกงานในสายตาทุกคน...แต่สำหรับเขา เธอคือผู้หญิงที่เขายอมเสียทั้งชื่อเสียง ตำแหน่ง และอนาคต เพื่อได้รัก" ความสัมพันธ์ลับระหว่าง ‘นาวี’ ทนายหนุ่มมาดสุขุม กับ ‘ไยไหม’ เด็กฝึกงานหน้าใส กลายเป็นบทพิสูจน์ของหัวใจ เมื่อความลับเริ่มเปิดเผย และโลกภายนอกเริ่มตั้งคำถาม เขาไม่สนเสียงซุบซิบ ไม่กลัวจะถูกรังเกียจ ไม่แคร์ว่าจะต้องลาออกจากหน้าที่การงานขอแค่ได้กอดเธอไว้ในทุกค่ำคืน...

นิยายรักโรแมนติกผู้ชายอบอุ่นแบดบอยสัญญาทางรักรักแรกพบโรแมนติกเจ้าเล่ห์18+

ตอนที่ 1 คืนฝนพรำ

ตอนที่ 1

คืนฝนพรำ

เสียงฝนเม็ดใหญ่โหมกระหน่ำซัดสาดกระทบกระจกหน้าต่างดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับม่านน้ำตกที่ทอดยาวลงมาจากฟากฟ้า พัดพาทุกสรรพสิ่งให้จมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความเงียบงันยามราตรี แต่ภายในสำนักงานกฎหมายใจกลางมหานครที่ควรจะร้างผู้คน บัดนี้ยังคงมีแสงไฟดวงน้อยส่องสว่างเรืองรองออกมาจากห้องทำงานของเขาเพียงห้องเดียว... ห้องของ นาวี ทนายความหนุ่มผู้มากฝีมือและเคร่งขรึม

“คุณนาวีคะ...” เสียงหวานใสเจือความเกรงใจเอ่ยขึ้นแผ่วเบา เมื่อร่างเล็กอรชรของเด็กสาวในชุดนักศึกษาฝึกงานโผล่หน้าเข้ามาในกรอบประตูห้องท่ามกลางแสงไฟสีนวลตา

ไยไหม ร่างกายของเธอเปียกชุ่มเล็กน้อยจากละอองฝนที่สาดกระเซ็นยามที่เธอรีบวิ่งฝ่าความมืดออกไปซื้ออาหารและเครื่องดื่มเล็กๆ น้อยๆ กลับมาให้พี่ๆ พนักงานในทีมที่ยังคงนั่งประชุมกันอย่างเคร่งเครียด

ดวงตาคมเข้มใต้คิ้วหนาของนาวีตวัดมองมายังเธอ รอยยิ้มบางเบาที่ยากจะจับต้องได้ปรากฏขึ้นบนเรียวปากหยักลึก เขาเงยหน้าจากกองเอกสารตรงหน้าแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงแววบางอย่างที่ ไยไหมอ่านไม่ออก

“ฝนตกหนักขนาดนี้ ยังจะออกไปข้างนอกอีกเหรอ”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถาม ดวงตาคู่คมที่ปกติจะมองเธออย่างเป็นทางการและรักษาระยะห่าง บัดนี้กลับมีประกายระยิบระยับที่ยากจะอธิบายวูบผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ไยไหมหัวเราะแหะๆ อย่างน่ารัก พลางยกมือขึ้นเกาแก้มแก้เขิน

“ไหมไม่คิดว่าจะตกหนักขนาดนี้ค่ะ รถเมล์ก็ไม่มีรถแท็กซี่ก็หาไม่ได้เลยค่ะคุณนาวี” เธอตอบพร้อมทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย ความหนาวเย็นจากเสื้อผ้าที่เปียกชื้นทำให้เธอเผลอสั่นสะท้านขึ้นมาเบาๆ

ชายหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบา พลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานอย่างสง่างาม มือหนาเอื้อมไปหยิบเสื้อสูทสีเข้มที่พาดอยู่บนพนักเก้าอี้ ก่อนจะก้าวเดินอ้อมโต๊ะทำงานตัวใหญ่เข้ามาหาเธออย่างเชื่องช้า แสงไฟจากโคมไฟบนโต๊ะกระทบกับโครงหน้าคมสันทำให้เงาของเขาดูสูงใหญ่และน่าเกรงขาม

“ไป เดี๋ยวฉันไปส่งเอง” เขาเอ่ยเสียงเรียบ แต่แววตาที่มองมากลับเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ไยไหมไม่เคยได้รับจากเขามาก่อน

“แต่ว่า... มันดึกมากแล้วนะคะ คุณนาวีจะลำบาก...” ไยไหมเอ่ยเสียงอ่อย ความเกรงใจตีตื้นขึ้นมาจนเต็มอก

“ฉันไม่ให้เด็กฝึกงานของตัวเองนอนค้างที่สำนักงานคนเดียวกลางฝนหรอก ไปเถอะ”

นาวีตัดบท มือหนาแตะลงบนแผ่นหลังของเธอเบาๆ แล้วดันให้เธอก้าวเดินนำหน้าออกไปจากห้องอย่างนุ่มนวล แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้

นอกอาคาร สำนักงานฝนยังคงเทกระหน่ำไม่ขาดสายไม่ต่างจากฟ้ารั่ว รถยนต์หรูของนาวีพุ่งทะยานฝ่าสายน้ำที่น่วมขังอยู่บนท้องถนน เสียงยางบดเบียดกับแอ่งน้ำกระเซ็นเป็นละอองขาวกระจายรอบล้ออย่างทรงพลัง บรรยากาศภายในรถเงียบงันจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่ ความเงียบนั้นไม่ได้ช่วยให้ใจของไยไหมสงบลงเลยแม้แต่น้อย เธอกลับรู้สึกว่าร่างกายร้อนผ่าวราวกับมีไข้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอุณหภูมิภายในรถที่ถูกควบคุมให้อบอุ่นจนเกินไป หรือเป็นเพราะสายตาคมกริบของเขาที่บางครั้งเหลือบมองเธอผ่านกระจกมองหลังอย่างไม่ได้ตั้งใจ จนทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ

เมื่อรถเลี้ยวเข้าสู่ลานจอดรถใต้ดินของคอนโดหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ไยไหมก็หันขวับด้วยความตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

“มาที่นี่ทำไมคะ?” เธอถามเสียงสั่น

นาวีดับเครื่องยนต์ หันมาสบตาเธอตรงๆ ด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา “ห้องเธออยู่ไกลเกินไป ถนนก็ปิดหลายสาย ตอนนี้รถเข้าไม่ถึง หาที่พักใกล้ๆ ก็เต็มหมด... ฉันมีห้องว่างอยู่ชั้นบน”

ไยไหมอ้ำอึ้งไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรดี เพราะนั่นเป็นทางออกเดียวที่เธอจะไม่ต้องเดินตากฝนไปต่ออีกเกือบกิโลเมตรในคืนที่พายุฝนโหมกระหน่ำเช่นนี้ ท้ายที่สุดแล้ว เธอทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างจำยอม

เมื่อขึ้นมาถึงห้องชุดสุดหรูของเขาที่ชั้นบนสุด นาวีหยิบผ้าขนหนูผืนหนานุ่มส่งให้เธอ พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อยที่ทำให้หัวใจของไยไหมกระตุกวาบ

“ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นกว่าที่เคย ไยไหมไม่กล้าขัด เธอรับผ้าขนหนูมาแล้วตรงเข้าห้องน้ำไปอย่างว่าง่าย

เพียงไม่นาน เธอก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันกายไว้เพียงหลวมๆ เส้นผมยาวสลวยสีดำขลับยังคงเปียกชื้นเล็กน้อย หยดน้ำบางหยดเกาะพราวพราวบนผิวขาวเนียนละเอียด กลิ่นสบู่หอมละมุนอ่อนๆ จากเรือนกายเธอโชยมาแตะจมูกนาวีทันทีที่เธอเปิดประตูออกมา กลิ่นหอมบริสุทธิ์นั้นปลุกเร้าสัญชาตญาณบางอย่างในตัวเขาให้ตื่นขึ้น

ไยไหมหน้าแดงก่ำ กอดผ้าขนหนูแน่นราวกับจะหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ดวงตาหวานฉ่ำกวาดมองไปทั่วห้องอย่างประหม่า ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาหวิว

“ไหม...ขอเสื้อค่ะ”

ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาลุกขึ้นจากโซฟาตัวยาวที่เขานั่งอยู่ แล้วก้าวเดินเข้ามาหาเธอช้าๆ อย่างตั้งใจ แววตาคมกริบของเขาจับจ้องลึกลงไปในดวงตาหวานใสของเธอราวกับจะสะกดจิต ความเงียบภายในห้องเริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุม ราวกับเวลาหยุดหมุนเมื่อเขาก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอเพียงไม่กี่ก้าว

“ทำไมเธอน่ารักขนาดนี้นะ...ไยไหม...รู้ตัวบ้างไหม?” เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยขึ้น แววตาที่มองมาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ยากจะปิดบัง

ไยไหมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขายกมือขึ้นสัมผัสเส้นผมของเธอเบาๆ ปลายนิ้วเรียวสวยลูบไล้ลงมาตามกรอบหน้า ก่อนจะค่อยๆ ลากลงมาหยุดที่ซอกคอขาวเนียนอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่แสนอ่อนโยนนั้นทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมาจากอก

“คุณนาวี...” เธอพึมพำเสียงสั่นพร่า

“แค่คืนนี้... ขอฉันได้ไหม...” เสียงของเขาแหบพร่ากว่าเดิม ราวกับต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการกลั้นอารมณ์ดิบที่ไม่ยอมจำนนต่อขอบเขตของมารยาทใดๆ ไว้อย่างเต็มที่

ไม่มีคำพูดใดๆ อีกต่อไป นาวีดันร่างบางของไยไหมให้ถอยหลังไปช้าๆ จนแผ่นหลังเนียนนุ่มชนเข้ากับผนังห้องเย็นเฉียบ แสงไฟสีส้มนวลจากโคมไฟมุมห้องทอดเงาเรือนร่างของเธอให้เด่นชัด ผิวขาวนวลผ่องเปล่งประกายระยับราวกับผ้าไหมชั้นดีที่ถักทอขึ้นจากแสงจันทร์ยามราตรี เขาโน้มใบหน้าลงมา ก้มลงจูบซอกคอหอมกรุ่นอย่างแผ่วเบา ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาปะทะผิวเนียนละเอียดจนเธอขนลุกซู่ไปทั้งร่าง

“หวานมาก... เหมือนขนมที่ผมอยากกินมานานแล้ว...” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาสอดเข้าไปใต้ชายผ้าเช็ดตัวอย่างเชื่องช้า ก่อนจะค่อยๆ ดึงมันออกจากเรือนกายเธออย่างบรรจง เผยให้เห็นผิวเนื้อที่เรียบเนียน ปราศจากที่ติ จนเขาเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

ไยไหมยืนตัวสั่นระริก ดวงตาหวานฉ่ำเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ สบประสานกับดวงตาคมกริบของเขาอย่างสั่นไหว ปากอิ่มขยับจะเอ่ยบางอย่าง แต่เสียงกลับเลือนหายไปในลำคอ

“ไหมไม่เคย... แต่ว่า... ถ้าเป็นคุณ...” เสียงเธอเบาหวิวราวกับเสียงกระซิบจากสายลม ทว่าถ้อยคำที่ขาดหายนั้นกลับเพียงพอที่จะจุดไฟปรารถนาในตัวเขาให้ลุกโชนจนควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกต่อไป

นาวีไม่รอช้าอีกต่อไป เขาช้อนตัวเธอขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างแผ่วเบาราวกับเธอเป็นของล้ำค่าที่เปราะบาง แล้วพาไปวางลงบนพรมขนแกะหนานุ่มหน้าเตาผิงอย่างนุ่มนวล ก่อนจะโถมกายลงทาบทับจูบเธออย่างอ่อนหวานและเร่าร้อนไปพร้อมกันริมฝีปากหยักลึกบดเบียดคลึงเคล้ากับกลีบปากนุ่มหยุ่นของเธออย่างดูดดื่ม มือของเขาลูบไล้ไปทั่วทุกส่วนสัดของเรือนร่างเธออย่างทะนุถนอม ราวกับหวงแหนทุกตารางนิ้วบนผิวเนื้อเนียนละเอียด ปลุกเร้าความรู้สึกปรารถนาที่ซ่อนเร้นมานานให้ตื่นขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว

“คืนนี้... เธอเป็นของฉัน” เขาพึมพำเสียงพร่า พลางซุกไซ้ใบหน้าลงกับซอกคอหอมกรุ่นของเธอ สูดดมกลิ่นกายหอมละมุนอย่างลืมตัว

ในห้วงยามนั้น ร่างสองร่างที่เปลือยเปล่าแนบชิดกันบนพรมหนานุ่ม ร้อนระอุด้วยไฟปรารถนาที่แผดเผา

นาวีคลั่งเธอในทุกสัมผัสที่ได้มอบให้ และไยไหมก็หลอมละลายให้เขาในทุกจังหวะของการเคลื่อนไหวที่เชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง ความอ่อนโยนผสานกับความเร่าร้อนก่อเกิดเป็นบทเพลงแห่งรักที่แสนเร้าใจในค่ำคืนที่ฝนยังคงโปรยปรายลงมาไม่หยุดหย่อน...

คืนเดียว... คืนที่พายุฝนโหมกระหน่ำ... คืนที่เต็มไปด้วยความปรารถนาที่แสนเร่าร้อน... มันจะเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขาตลอดไป ไม่มีสิ่งใดจะเหมือนเดิมอีกต่อไปหลังจากค่ำคืนนี้...