บท
ตั้งค่า

บทที่ 4. เพราะโลกกลมหรือพรหมลิขิต…

“อุ้ย... ว้าย...” เสียงอุทานอย่างตระหนกของหญิงสาวดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มต้องรีบคว้าเอวบางของเธอไว้ด้วยกลัวว่าเจ้าหล่อนจะล้มลงไปทำให้ร่างบางลอยคว้างเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงอย่างอัตโนมัติหรือตั้งใจก็ไม่อาจจะรู้ได้ เมื่อแขนเรียวของเธอโอบรอบลำคอแกร่งอย่างพอดิบพอดีเหมือนจับวาง...

“เป็นอะไรมากรึเปล่าครับคุณ...” ธามถามคนที่จ้องหน้าเขาตาโตด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะได้รับอันตรายอะไรแต่หญิงสาวกลับกะพริบตาปริบๆ ด้วยจริตก่อนจะยิ้มให้เขาอย่างเอียงอาย ความสวยงามของเธอเฉิดฉายจนเขาเองก็เผลอมองแต่ก็แค่นั้นเพราะมันไม่ได้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกเหมือนกับที่เขามีต่อพริตตี้คนนั้น... บ้าจริงทำไมเขาต้องเอาไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงคนนั้นด้วย พิมพ์ภัสสร...

“มะ ไม่เป็นไรค่ะ จินนี่แค่ตกใจ... ขอบคุณนะคะที่ช่วยจินนี่ไว้ ไม่อย่างนั้นคงล้มกลิ้งได้อายคนแน่ๆ เลยค่ะ”

“ครับ”

“ชื่อจินนี่นะคะ แล้ว เอ่อ คุณ...” หญิงสาวนามว่าจินนี่เอ่ยอ่อนหวาน

“ผมธามครับ ถ้าไม่เป็นไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ พอดีธุระต้องรีบไป...” ธามตัดสินใจเมินสะพานที่ทอดมาอย่างแนบเนียนของเจ้าหล่อนแล้วรีบเดินจากไป ปล่อยให้หญิงสาวมองตามเขาด้วยความหมายมาด

ก่อนที่เธอจะทันได้ทำอะไรเสียงกรี๊ดกร้าดด้วยความชื่นชมก็ดังขึ้นทำให้เธอจะรีบเดินออกไปจากตรงนั้นแต่ก็ไม่ทันเมื่อผู้คนมากมายหลายสิบล้อมหน้าล้อมหลังเธอ...

“อุ้ย นี่คุณจินนี่ นางเอกเรื่องเงาริษยารึเปล่าคะ”

“จริงๆ ด้วย คุณจินนี่ ตัวจริงสวยกว่าในทีวีนะคะ ขอลายเซ็นหน่อยค่ะ...” จินนี่นางเอกสาวถูกรายล้อมด้วยแฟนคลับของเธอที่ปรี่เข้ามาชื่นชมนางเอกในดวงใจ ดาราสาวชื่อดังจึงแจกยิ้มให้แฟนๆ ของเธออย่างหวาดหยด

“โอ๊ย นี่พวกแกไปไหนมาฮะ ทั้งสองตัวเลยปล่อยให้ฉันถูกพวกนั้นรุมอยู่ได้ รู้มั้ยมันทำให้ฉันพลาดอะไรที่สำคัญๆ ไป” ดาราสาวตวาดสองสาวต่างด้าวซึ่งเป็นลูกไล่ของเธอที่ชื่อ มดดำกับมดแดง อย่างฉุนจัด

“ขอโทษค่ะ พอดีมดแดงท้องเสียค่ะเลยไม่ได้ตามดูแลคุณจินนี่”

“มดดำก็ไปเลื่อนรถมารอคุณจินนี่หน้าโรงแรมตามที่สั่งไงคะ” มดดำผู้ทำหน้าที่เป็นคนขับรถรีบตอบออกมายิ่งทำให้จินนี่ อยากจะกรีดร้องด้วยความไม่พอใจ

“นี่พวกแกเถียงฉันเหรอ นังมดแดง นังมดดำ...”

“อุ๊ย ลูกจินนี่ขาอย่าเสียงดังสิคะลูก อย่าเหวี่ยงอย่าวีนนะคะลูก เราเป็นนางเอกจำไว้สิคะ นางเอกกกกก...” นางจันวิภา เอ่ยเตือนสติลูกสาวที่กำลังจะกลายร่างเป็นนางมาร จินนี่หันมามองอย่างไม่พอใจแต่ก็ได้แต่กระแทกตัวนั่งที่เบาะหลังอย่างไม่สบอารมณ์ขณะที่รถเคลื่อนผ่านหน้าขบวนแฟนคลับของเธอที่โบกมือให้เธออย่างตื่นเต้น ดาราสาวกับมารดารีบเลื่อนกระจกลงโบกมือทักทายแฟนคลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วก็กลับเป็นบึ้งตึงเมื่อกระจกสีดำปิดลง

“ฉันจะหักเงินเดือนแกสองคนคอยดู ที่บังอาจทำให้ลูกจินนี่ฉันอารมณ์เสีย” นางจันวิภาตวัดสายตามองอย่างขุ่นเคือง สองแม่ลูกก็ยิ้มให้กันอย่างถูกอกถูกใจเมื่อลิ่วล้อทั้งสองเงียบไป

จินนี่ ดาราสาวสุดฮอดในขณะนี้ที่ใครๆ ต่างกล่าวขวัญถึงความสวยงามและดีกรีนักเรียนนอกนั้นกำลังเป็นที่จับตามองว่าเธอเป็นดาราหน้าใหม่ที่มาแรงของค่ายสถานีโทรทัศน์ชื่อดัง

เมื่อฟังบุตรสาวเล่าเรื่องชายหนุ่มผู้หล่อเหลาซ้ำยังเป็นมหาเศรษฐีระดับโลกอย่างธามแล้ว สองแม่ลูกต่างนั่งเพ้อฝันเฟื่องถึงวันที่จะได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลธอมป์สัน และชีวิตความเป็นอยู่ของพวกตนจะต้องเริดหรูอลังการจนใครๆ ก็ต้องอิจฉา...

“แม่ว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปหาเขาด้วยแผนไหนดีแม่ เขาหล่อล่ำถูกใจฉันมากเลย ฉันจะเอาเขามาเป็นผัวให้ได้เลยคอยดูสิ” เมื่ออยู่กันสองคนแม่ลูก จินนี่กับนางจันวิภาต่างก็เผยตัวตนที่แท้จริงออกมา จินนี่เดินไปนั่งไขว้ห้างด้วยท่าทางรานางพญาผู้เย่อหยิ่งซึ่งผู้เป็นแม่ก็หัวเราะชอบใจ

“ดีมากไงล่ะลูก เราจะต้องร่ำรวยมหาศาลแน่ๆ คิดดูสิ คุณธามเขาร่ำรวยขนาดนั้นหากแม่ได้เขามาเป็นเขย โอย ไม่อยากจะคิด แม่จะเอาเงินไปฟาดหัวอีพวกที่มันเคยดูถูกเราให้หัวแตกเลยคอยดู...”

“เราซื้อรถใหม่กันเถอะแม่ คันนี้มันเก่าแล้วเอาไปเทรินกับเพื่อนของแม่ซิ แล้วถอยคันใหม่ออกมาเอาที่ราคาแพงๆ ให้สมกับที่ฉันเป็นนางเอกดังนะแม่จะได้ไม่อายเวลาไปหาคุณธามเขา” จินนี่สั่งมารดาเสียงเข้มใบหน้าเริ่มกร้าวขึ้นมา

“อะไรกันลูก เราเพิ่งเปลี่ยนมาใช้คันนี้ยังไม่ถึงสามเดือนเลยนะ”

“อยากเป็นไฮโซเราก็ต้องเปลี่ยนรถบ่อยๆ สิแม่ อีกอย่างพวกที่คอยตามทวงหนี้มันจะได้จำเราไม่ได้ไง ที่สำคัญฉันเป็นนางเอกดังจะใช้รถคันเก่านานๆ ได้ยังไงกัน อายเขาแย่ แล้วเนี่ยกระเป๋าถือก็ต้องเปลี่ยน ฉันเห็นนังน้ำผึ้งนางเอกอีกช่องมันถือกระเป๋าใบละแสนฉันล่ะหมั่นไส้มัน มันคอยทำตัวแข่งกับฉันทุกเรื่องเลยเชียว...” หญิงสาวเบ้หน้าอย่างหงุดหงิดเมื่อพูดถึงนางเอกคู่แข่งพลางโยนกระเป๋าหนังที่เธอซื้อต่อจากเพื่อนมาด้วยราคาหลายหมื่นแต่บอกใครๆ ว่าตนซื้อมาใหม่ราคาหลักแสน

“จ้ะๆ ลูก แล้วแม่จะคุยกับเสี่ยวิทิตให้นะจ๊ะ เอาเป็นว่าลูกแม่นอนได้แล้วล่ะเดี๋ยวหน้าจะไม่สวย พรุ่งนี้มีถ่ายละครตอนเช้านะ...”

“ฉันล่ะเบื่อ อีเจ๊ใหม่ เมียไอ้ เสี่ยอานนท์ จังเลยแม่ นี่ขนาดว่าผัวมันตายแล้วแทนที่มันจะเพลาๆ ความเรื่องมากลงบ้าง นี่กลายเป็นว่ามันเยอะทุกเรื่อง นี่หากว่าฉันไม่ติดสัญญากับมันอยู่นะ ฉันไปช่องอื่นแล้วไม่อยู่ดักดานให้มันโขลกสับแบบนี้หรอกโอ๊ย เบื่อๆๆ” นางเอกสาวหน้างอหงุดหงิดเมื่อนึกถึงภรรยาเสี่ยเจ้าของสถานีโทรทัศน์ชื่อดังที่เธอสังกัดอยู่ ซึ่งเสี่ยอานนท์เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปลายปีที่แล้ว นางเอกสาวกรีดร้องด้วยความพลุ่งพล่านที่ไม่ได้ดังใจก่อนจะเดินลงส้นเท้าเข้าห้องน้ำแล้วปิดประตูดังสนั่น...

“มาทำไม...” พิมพ์ภัสสรถามอย่างไม่มองหน้าหญิงสาวที่แจ้งกับประชาสัมพันธ์ของสตูดิโอว่ามาพบเธอ

“เมื่อวันก่อนเธอเป็นพริตตี้ในงานของเสี่ยมงคล”

“แล้วไง... ฉันก็ไม่เห็นว่ามันเกี่ยวอะไรกับเธอนี่”

“ก็ไม่เกี่ยวกับฉันโดยตรงหากคนที่ฉันรักไม่มาดูเธอโชว์แก้ผ้าอาบน้ำให้ผู้ชายเป็นร้อยๆ คนดู...” น้ำเสียงหมิ่นแคลนของคนที่เธอไม่ชอบหน้าทำให้พิมพ์ภัสสรหันมาเผชิญหน้ากับแทนฤทัยด้วยแววตากร้าว

“หึ ที่มาขอพบฉันนี่แค่จะมาเห่าแค่นี้เหรอ ขอโทษนะ ฉันมีงานต้องทำเยอะแยะไม่ว่างฟังหมาเศรษฐีเห่าหอนอะไรที่ไร้สาระหรอกนะ...”

“นี่เธออย่าจองหองให้มันมากนักนะ หากเทียบกันแล้วเธอกับฉันมันคนละชั้นกัน...” แทนฤทัยกัดฟันพูดเลยทีเดียวเมื่อเจอสายตาเหยียดหยันอย่างที่เธอชอบมองคนอื่นตอกกลับมา

“ถ้าฉันอยู่คนละชั้นกับเธอจริงๆ เธอจะมาหาฉันทำไมล่ะจ๊ะ มีอะไรพูดมาตรงๆ ดีกว่า”

“ฉันมีงานจะเสนอ...”

“หึ ฉันไม่รับงานจากเธอหรอก กลับไปซะ...”

“ฉันรู้ว่าเธอมีฝาแฝด...” คำพูดของแทนฤทัยทำให้เท้าบางที่กำลังจะเดินจากไปหยุดกึกพิมพ์ภัสสรหันมาเผชิญหน้ากับแทนฤทัยช้าๆ ประกายตาของเธอกร้าวจนแทนฤทัยเองก็นึกหวั่นอยู่ไม่น้อย แต่ก็แสร้งทำทีขึงขังกลบเกลื่อน

“กลับไปซะก่อนที่ฉันตบเธอกระเด็น สาบานเลยว่าฉันทำได้”

“อยากเป็นเมียน้อยเสี่ยวิทิตก็ตามใจนะ... แต่หากเปลี่ยนใจรับทำงานงานหนึ่งให้ฉัน เธอจะไม่ต้องเป็นเมียน้อยใครแถมยังอยู่สบายไปเป็นชาติๆ” พูดจบแทนฤทัยก็โยนนามบัตรใส่หน้าพิมพ์ภัสสรก่อนจะก้าวออกไปอย่างสบายใจ

แทนฤทัยเดินออกไปแล้วแต่พิมพ์ภัสสรยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความเจ็บปวด ดวงตากลมโตหลุบมองกระดาษแผ่นเล็กที่ร่วงแทบเท้าของตนอย่างรังเกียจผู้เป็นเจ้าของ หญิงสาวยอบกายลงหยิบกระดาษนามบัตรนั้นขึ้นมาแล้วกำมันแน่นจนยับยู่ยี่แหลกคามือด้วยความคับแค้นใจ...

“ฉันจะไม่มีวันยอมแพ้เธอเด็ดขาด...” หญิงสาวพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด ดวงตากร้าวหากแต่คลอครองด้วยน้ำใสๆ ที่จวนเจียนจะร่วงรินออกมาเผยความอ่อนแอข้างในใช่ว่าเธอจะต้องการเงินหรอกนะแต่เธอต้องการอย่างอื่นมากกว่า นั่นคือ การแก้แค้น...

“กรี๊ดดด... แม่ ดูสิอีนังน้องสาวของคุณธามนั่นมันกันท่าฉันขนาดไหน ทำอย่างกับว่าเป็นเมียไม่ใช่น้องสาว” ทางด้านนางเอกสาวที่ได้เจอกับฤทธิ์ของแทนฤทัยซึ่งคอยกันท่าพี่ชายจนเธอไม่สามารถเข้าถึงตัวธามได้ทำให้ต้องกลับมาดีดดิ้นด้วยความเจ็บใจอยู่ที่บ้าน เมื่อเช้านางเอกสาวทำทีว่ามีงานอีเวนต์ที่โรงแรมของธามซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของครอบครัวเขาเพื่อหาทางดักพบชายหนุ่มแต่สุดท้ายเธอกลับพบกับแทนฤทัยน้องสาวของธามและธามเองก็ไปดูงานที่โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ต่างจังหวัด และเมื่อเธอพบกับแทนฤทัยก็ต้องถูกสาวไฮโซด่าเสียๆ หายๆ ทั้งดูถูกเธออย่างไม่ไว้หน้าอีกด้วย...

“มันร้ายกาจจริงๆ นังไฮโซบ้านั่นมันคิดว่ามันรวยมันจะพูดอะไรก็ได้...”

“นั่นสิลูก มันร้ายกาจจริงๆ แม่ล่ะพยาย้ามพยายามจะไม่กราดเข้าไปตบมัน” จันวิภาเสริมคำพูดลูกสาวสุดที่รักด้วยท่าทางคันมือคันไม้ดูจริงจัง

“หึ คอยดูนะ ฉันจะเอาพี่ชายมันมาเป็นผัวให้ได้ ดูสิหากคุณธามเขาเป็นผัวฉันมันจะทำหน้ายังไง” สองแม่ลูกต่างพูดคุยกันด้วยอารมณ์เดือดพล่านด้วยความเจ็บใจและชิงชังน้องสาวของคนที่ตนหมายใจ...

พิมพ์ภัสสรมองเสี้ยวหน้าของหญิงสาวที่มีใบหน้าเหมือนเธอมากในคราแรกสาวแต่บัดนี้มันกลับซูบซีดไร้ความสดใสดวงตากลมโตไม่ต่างจากเธอนั้นฉายแววแห้งแล้งจนน่าใจหาย เรือนผมที่เคยดกดำร่วงหล่นเหลือเพียงไม่กี่เส้นมีให้เห็นอยู่บนศีรษะทุยสวย ร่างกายซูบผอมจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกดูน่าเวทนายิ่งนัก...

“แพง เพื่อนเอาของโปรดมาให้แพงด้วย ทานหน่อยนะน้องพี่...” หญิงสาวลูบมือที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนของน้องสาวเบาๆ แต่คำตอบคือเงียบ เธอหมั่นมาเยี่ยมพิมพ์บงกชบ่อยๆ และคุยสารทุกข์สุกดิบให้น้องสาวฟังเสมอ แต่ดูเหมือนน้องแพงของเธอจะไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ จากปากเธอ ทุกครั้งมีเพียงนิ่งเงียบมันเป็นอย่างนี้มาเกือบปีแล้วตั้งแต่ที่ร่างกายเล็กๆ แบบบางนี้ถูกโรคร้ายรุมเร้าร้ายแรงขึ้นทุกวันๆ

พิมพ์บงกชเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะสุดท้าย ที่ร้ายไปกว่านั้นเธอติดเชื้อเอซไอวีจากไอ้สัตว์นรกที่ข่มเหงเธอเมื่อห้าปีก่อนในขณะที่ไม่มีใครอยู่บ้านและคนคนนั้นก็คือนายสมศักดิ์เพื่อนของลุงพัฒน์ที่เธอกับน้องสาวพยายามหนีมาได้หลายปี ไม่น่าเชื่อเลยว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้ กลมจนพิมพ์บงกชต้องมาสูญสิ้นความสดใสของวัยสาวเพราะผู้เป็นลุงเห็นแก่เงินเล็กๆ น้อยๆ ที่เพื่อนเสนอให้ไปซื้อเหล้าเท่านั้นเอง แต่ที่พิมพ์บงกชยังอยู่มาได้ในทุกวันนี้ก็เพราะยาที่ใช้รักษามีคุณภาพ ได้รับการเอาใจใส่ที่ดี และพิมพ์บงกชก็มีกำลังใจที่ดี เพียงแต่หนึ่งปีให้หลังมานี้ดูน้องสาวของเธอจะซึมๆ ไปจนน่าใจหาย...

“เพื่อน...” เสียงเรียกเบาๆ จากเจ๊หวานทำให้เธอหลุดออกมาจากภวังค์ที่เริ่มจะเข้าไปสู่ความมืดมิด

“คะแม่หวาน...”

“หมดเวลาเยี่ยมแล้วจ้ะ”

“ขอเวลาอีกนิดได้มั้ยคะ เพื่อนอยากอยู่กับแพงอีกสักนิด”

“มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะเพื่อน ในเมื่อมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น หนำซ้ำยังจะทำให้เพื่อนเศร้าไปกว่าเดิม”

“แต่เพื่อน...”

“หมดเวลาเยี่ยมแล้วค่ะ ถ้ายังไงพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่นะคะพี่เพื่อน” เสียงพยาบาลสาวคนสวยดังย้ำ พิมพ์ภัสสรจำต้องก้มหน้าเดินออกมาด้วยน้ำตา...

“แม่หวานขา” หญิงสาวโผเข้ากอดร่างอวบหนาของเจ๊หวานแน่นเหมือนว่าเจ๊หวานคือเสาหลักในชีวิต

“เพื่อน อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ในโลกนี้เราสามารถแก้ไขได้เป็นบางอย่าง แต่บางเรื่องบางอย่างมันก็เกินความสามารถของเรานะ”

“เพื่อนเข้าใจค่ะ”

“เข้าใจก็เช็ดน้ำตาซะ แล้วกลับไปทำงานเราต่อ อย่าลืมนะว่าเราต้องมีเงิน...”

“ค่ะ เพื่อนจะพยายาม...” หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วยิ้มให้เจ๊หวานเนือยๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel