บท
ตั้งค่า

4 ตั้งจิตอธิษฐาน

‘เนื้อคู่ของเอ็งน่ะ เป็นคนมีบุญวาสนา หล่อ รวย พรั่งพร้อมไปด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ สูงใหญ่ กำยำสมชายชาตรีมีหนวดเคราคมเข้ม แต่เอ็งต้องรอเขาหน่อย เขาจะมาตอนอายุใกล้ 27 ปี’

เสียงของหมอดูชราคนนั้น ยังคงก้องในหูของคนที่ปักใจเชื่อมายันทุกวันนี้ เหตุเพราะในวันนั้น ท่ามกลางสายตาของเพื่อน ๆ ในคณะ

ใคร ๆ ก็ไม่คาดคิดว่าคนอย่างเธอจะมีคนมาชมชอบได้ เหตุเพราะแม้หุ่นจะดีเหมือนสวรรค์ปั้น แต่เพราะไม่ค่อยจะชอบแต่งตัวเท่าไหร่

ทำให้หุ่นจากสรวงสวรรค์นั้น หลบซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อนักศึกษาตัวโคร่งมากกว่า

ไวชญานีก์มีโครงหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตใสดุจแก้วแวววาว ขนตางอนเด้งนั้นต้องอาศัยเครื่องดัด และเติมมาสคาราหน่อย ถึงจะเป็นอันใช้ได้

คิ้วเรียวยาว เรียงเป็นระเบียบลงตัวสวย อาศัยเพียงการแต่งแต้มตัดขอบให้ชัดอีกนิด ก็กินขาด

ผิวหน้าเนียนละเอียด เหมือนไร้รูขุมขน มีความมันวาวเล็กน้อย คราที่เธอไม่ใคร่จะลงแป้ง

แถมกรอบแว่นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ด้วยลงไป เธอก็เหมือนยัยเฉิ่มซ่อนสวยคนหนึ่ง เพียงเท่านั้น

ผิดกับปัจจุบัน...ที่เธอเสริมจมูกได้รูปสวยแต่สันของมันค่อนข้างจะเตี้ยไปหน่อย ก็เลยต้องไปสอยมาเพิ่ม

เพิ่มเพียงนิด แต่ทำให้โครงหน้ารูปไข่มีมิติมากขึ้น และริมฝีปากบางเล็ก กระจุ๋มกระจิ๋ม ส่งผลให้เธอดูเป็นคนพูดเก่ง ซึ่งก็เก่งจริง ๆ นั่นแหละ

‘จะได้แต่งงานตอนอายุ 27 ปี ดวงมันว่างี้อ่ะ’ เพื่อนรักนักดูดวงที่ศึกษาเรื่องพันธุ์นี้มาตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลาย ดูให้แบบนั้นมาตลอด

ข้อความตรงกันจากทั้งเพื่อนรักและหมอดูขาจร ส่งผลให้มันดูมีน้ำหนักมากขึ้น มากขึ้น...มากจนเธอจำต้องรีบเร่ง จ้ำอ้าว สาวเท้า เพื่อทำทุกอย่างให้ตัวเองเจอ คนคนนั้น เร็ว ๆ

‘ข้าพเจ้านางสาวไวชญานีก์ สุดธิรักษ์ วันนี้มีความประสงค์จะมาขอให้เนื้อคู่ ได้มาเจอกันสามวันเจ็ดวันด้วยเถอะนะเจ้าค่ะ’ ว่าแล้วก็คำนับไปสามครั้ง กับเทพเจ้าในวัดดังเรื่องการขอคู่ ในฮ่องกง

พูดขณะคีบด้ายแดงในสองมือ ด้วยการทำสัญลักษณ์ตามที่ทางวัดได้แนะนำ โดยคนซุ่มซ่ามพยายามที่จะไม่ทำให้ด้ายแดงหล่น เลื่อน หรือหลุดออกไป

รักษา ด้าย เท่าชีวิต!

หลังจากนั้นเธอก็ได้เดินไปยังรูปปั้นเจ้าสาว พร้อมบอกลักษณะเนื้อคู่ ที่ตัวเองปักใจเชื่อมาตลอด

‘สูงกำยำ หล่อรวย มีหนวดด้วย เกินสามได้มั้ยเนี่ย...’ บ่นอุบอิบในใจ แต่ก็คำนับสามครั้ง ก่อนเดินไปยังรูปปั้นเจ้าบ่าวต่อ

‘ขอให้พบเนื้อคู่ในเร็ววัน ภายในสามวันเจ็ดวันนี้เลยนะคะ’ พร้อมกระทำการผูกด้ายแดงที่ฝั่งเจ้าบ่าว และลูบเท้าสามครั้ง

ภายใต้สติไม่รู้ตื่น ในโรงพยาบาลเอกชนที่ถูกส่งตัวไปรักษาด่วน เธอฝันถึงเรื่อง ‘วันนั้น’ ซ้ำ ๆ

วันที่เธอเดินไปทางไปฮ่องกงเพียงลำพัง เพื่อสิ่งเหล่านี้ ไปมาเมื่อ สามวัน ที่แล้ว แต่กลับไร้วี่แววที่จะได้พบกับ ‘เนื้อคู่’ ตามที่ปรารถนา

หมู่นี้ไวชญานีก์เหมือนจะยอมทำทุกอย่าง เพื่อที่จะได้พบกับเนื้อคู่ เพราะอายุเธอใกล้เลข 27 ปี บริบูรณ์เข้าไปทุกวัน

“ไวน์...ไวน์”

เสียงแผ่วเบาอันแสนจะคุ้นหูของเพื่อนรัก ดังแว่วมาจากที่แสนไกล จนเธอพยายามที่จะตะเกียกตะกายตัวเองขึ้นไปหา

“อื้อ” เสียงครางจากคนที่นอนสลบไสลทำเอาคนที่เฝ้ารอมานับร่วมชั่วโมงกว่า ๆ ใจชื้นขึ้น

“เป็นไงบ้างแก ฉันเป็นห่วงแกแทบแย่” ยิปซัมวิ่งเข้ามาหา พร้อมจับมือเพื่อนเอาไว้แน่น พร้อมสังเกตสีหน้าอิดโรยนั้นอย่างนึกสงสาร

“นี่...ฉันอยู่ที่ไหน” เสียงแหบโหย นำพามาซึ่งการกระแอมไอในที่สุด

“แกเป็นลมไปนะสิ ทางโรงแรมก็เลยส่งมาที่โรงพยาบาล คุณหมอตรวจแล้วทุกอย่างปกติ แค่ตกใจจนน่าจะสลบไป ดื่มน้ำหน่อยนะ”

ไวชญานีก์พยายามเรียบเรียงสติรู้ตื่นสุดท้าย และค่อยๆ มองบรรยากาศโดยรอบ ที่ไม่คุ้นชินนี้นักเท่าไหร่

เธอไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาล ไม่ชอบแบบคิดว่าตัวเองคงจะทนอยู่ในโรงพยาบาลไม่ได้

ยิ่งในสภาพที่กำลังสวมชุดคนไข้ อยู่แบบนี้

“ขอบใจ แต่ฉันอยากกลับบ้านแล้วว่ะ” สีหน้าเหมือนเด็กกำลังจะร้องไห้นั้น ทำให้คนที่รู้จักเธอดีกว่าใครรีบส่ายหน้า

“รู้ว่าไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาล แต่แกเพิ่งฟื้นเองนะ จะกลับไหวได้ไง นอนสักคืนเถอะ เดี๋ยวฉันกลับไปอาบน้ำแล้วจะมานอนเป็นเพื่อน”

“ไม่เอาอ่ะ ฉันนอนไม่หลับหรอก ต้องอยู่ในสถานที่ที่ไม่ชอบแบบนี้”

ไวชญานีก์ถ้าแปลไทยเป็นไทยตามลักษณะนิสัย ก็คงจะหมายถึงเด็กดื้อดีดีคนหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่าจะโตไปกว่านี้ได้ยังไง

“อย่าดื้อไม่เข้าเรื่องได้ปะ นี่มันก็ห้าทุ่มแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ได้กลับแล้ว อย่าดื้อ”

เสียงเข้ม ๆ ที่บ่งบอกว่าเอาจริง ก็คือเอาจริงตามนั้นของเพื่อนรัก ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก

“แล้วแกจะกลับมาตอนไหน”

“คงจะอาบที่นี่แหละ รอให้ยนต์เอาชุดมาส่งก็ได้ เดี๋ยวไลน์บอกมัน อีกยี่สิบนาทีคงมาถึง มันพักอยู่คอนโดใกล้ ๆ” คนพูดกำลังหมายถึงน้องชายเพียงคนเดียว ที่อายุน้อยกว่าห้าหกปีได้

“แล้วตกลง ใครได้ช่อดอกไม้ไปวะ”

“ยังจะไปห่วงอีก ห่วงตัวเองก่อนมะ”

“ก็นั่นมันเป็นความหวังสุดท้าย ที่จะยืนยันได้ว่าฉันจะได้แต่งงานภายในอีกสามเดือนเลยนะเว้ย” เถียงเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น ใบหน้าหงิกงอ ยื่นริมฝีปาก จนยิปซัมต้องขว้างบางสิ่งบางอย่างให้

“ฉันรู้ว่าชีวิตแกอ่ะ มันอยู่ได้ด้วยความหวัง ขออาจารย์มาให้ ลองทำดู มีคนทำตามแล้วสำเร็จแปดสิบเปอร์เซ็นต์ได้”

แผ่นกระดาษสีขาวที่ถูกพับมาในขนาดเล็กพอดีมือ ถูกคลี่ออก ด้วยแววตากระหายใคร่รู้

ตัวหนังสือที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในนั้น ดูลายตาแต่ทรงพลังอย่างยิ่ง ในสายตาของคนงมงายตัวแม่!

“ขอบใจมากเพื่อนรักกกกก!”

“เฮ้ยใจเย็น! เดี๋ยวก็แข้งขาหักไป ได้นอนโรงพยาบาลต่อเลยนะเว้ย” ยิปซัมรับร่างเหมือนหุ่นนาฬิกาทรายนั้นอย่างทุลักทุเล เมื่อแม่สาวเจ้ากระโดดลงมาสวมกอด แสดงความดีใจอันล้นเหลือ

แบบไม่ได้สนใจเลยสักนิด ว่าร่างบางกรอบของเพื่อนอาจจะหักได้!

“ตั้งจิตให้มั่น...ท่องคาถาเชิงอธิษฐาน แล้วคิดไปถึงชายผู้นั้น ที่เราเชื่อว่ามีอยู่จริง” ไวชญานีก์หายใจเข้าออกลึก ๆ ตั้งจิตให้มั่น อย่างที่ปากพูด นึกไปถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตัวเองนับถือ

หลายคนอาจจะมองว่าเธองมงาย สุดโต่ง แต่ไม่ใช่แค่เรื่องนี้หรอกนะ ที่เธอตั้งจิตอธิษฐาน หรือแม้แต่ใช้คาถามาช่วยเสริม ให้สิ่งที่มุ่งหวัง ก่อเกิดความสำเร็จ

เพราะมันเกิดผลไง เธอถึงได้ตั้งใจที่จะทำมันมาอย่างต่อเนื่อง และเชื่อสุดจิตสุดใจว่า...มันจะเป็นอย่างที่เธอเอ่ยปากขอออกไป

“ขอให้เขาเดินทางมาพบลูก หรือขอให้ลูกได้เดินทางไปพบเขา ณ ที่ใด แห่งหนึ่ง ในสามวันเจ็ดวันด้วยเถอะค่าา!”

เธออธิษฐานแบบนี้มาหนึ่งสัปดาห์แล้ว นับตั้งแต่วันที่ได้มันมา แต่ วี่แวว ก็ยังคงเลือนราง ราวกับไม่มีโอกาส...

“ไม่! มันต้องมีสิ...เราต้องเชื่อ กฎแรงดึงดูดจะทำงานก็ต่อเมื่อเราเชื่ออย่างสุดจิตสุดใจเท่านั้น!”

นอกจากเจ้าหล่อนจะเชื่อมั่นในดวงชะตา บทคาถา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่เธอนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตด้วยก็คือ ‘กฎแรงดึงดูด’

ใครที่ไม่เคยใช้ พอได้ยินก็จะมองว่ามันคือความงมงายไร้สติ ของคนโง่เง่า หรือคนที่ฟังไลฟ์โค้ชเยอะเกินไปหน่อย

ไวชญานีก์เองก็เคยคิดแบบนั้น แต่เธอเป็นพวกชอบ ‘ลองของ’ จะไม่มีวันตัดสินอะไรง่าย ๆ จนกว่าจะได้ทดลองเอง

ใช่...ผลการทดลองมันออกมาดีไง เธอก็เลยใช้มันมาโดยตลอด แม้บางครั้งผลของมันจะ ช้า แต่คุ้มค่ากับการรอคอยเสมอ

“ครั้งนี้ก็เหมือนกัน มันคงจะยิ่งใหญ่ เลอค่า จนกาลเวลาใช้เวลาเหวี่ยงนานเป็นพิเศษใช่มั้ยคะ หนูจะอดทนค่ะ...จะอดทนด้วยความเชื่อสุดจิตสุดใจ!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel