15 ความสัมพันธ์ที่สั่นคลอน
“โอ้โฮ นี่มันอะไรกันคะเนี่ย” ร่างสะโอดสะองสมส่วน เยื้องย่างเข้ามาในดาดฟ้าของโรงแรมสุดหรู ตกใจกับบรรยากาศแสนหวานของโต๊ะอาหารที่ถูกจัดเอาไว้อย่างสุดแสนจะโรแมนติค
ดอกลิลลี่สีขาวที่เธอชื่นชอบ แซมสลับกับดอกกุหลาบสีขาวหลายช่อ จัดเรียงรายราวกับอยู่ในงานสำคัญสุดพิเศษ
นี่มันไม่ใช่แค่ดินเนอร์ธรรมดาแล้ว
“สุขสันต์วันครบรอบที่เราเริ่มความสัมพันธ์กัน ให้กับผมหน่อยสิครับเจ้าหญิง” แล้วคนช่างเอาใจก็คุกเข่าลงกับพื้น ยื่นดอกกุหลาบสีขาวดอกใหญ่ให้
ทำราวกับว่าเธอคือเจ้าหญิงจริง ๆ
“มีโมเมนต์แบบนี้ตลอดเลยนะคะ...น่ารักจัง” ปลายจมูกโด่งรูปหยดน้ำ จรดเข้าที่กลีบดอกเนียนกริบ มีกลิ่นหอมจาง ๆ พาพัดเข้าให้เธอได้เชยชื่นเพียงหน่อย
“ไม่ว่าคุณจะมองผมเป็นอะไร แต่สำหรับผมคุณคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตนะ”
แววตาใสเปล่งประกาย ทอแสงอ่อนลงเล็กน้อย เธอรู้สึกดีกับเขาก็จริง เขาทำเพื่อเธอได้ทุกอย่างก็จริง...
แต่เขาไม่ได้มีทุกสิ่งที่เธอต้องการ
“ขอบคุณนะคะที่มองนีมีคุณค่าขนาดนี้ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ” ว่าด้วยความซาบซึ้งจากใจ จากใจ...ที่ประดิษฐ์
กรอบตารีกว้าง...มีน้ำใส ๆ เอ่อท้นออกมาเพียงนิด ปริ่ม ๆ คล้ายจะรินไหล
วิพากษ์รีบคว้ามือเธอเอาไว้ พร้อมแนบไปที่ใบหน้าแบบไม่ยอมที่จะลุกขึ้นยืน
“เพราะว่าคุณมีคุณค่าที่สุดสำหรับผมเสมอ”
ความอบอุ่นนี่...ก็กำลังประดิษฐ์อยู่เช่นกัน เขาต้องการเธอไม่ใช่เพราะว่าเธอมีคุณค่า แต่เพราะว่าเธอเป็นของคนที่เขาเกลียดมาตลอดต่างหาก
วิพากษ์เป็นบุตรชายของเลขาบิดาของอัฑฒ์ เขามารับตำแหน่งนี้เหมือนจะสืบทอดทายาท แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่อยากจะเป็นขี้ข้าใครไปตลอดชีวิต
เป็นขี้ข้าไปจนชั่วลูกชั่วหลาน เพราะว่ามันคือความเจ็บปวดที่ฝังแน่นในใจของเขามาตลอด
เขาต้องคอยมองคนที่เหนือกว่าอยู่ข้าง ๆ แบบไม่มีวันที่เขาจะเทียบเทียมได้
แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร...เขาจะทำตัวเองให้ดีขึ้นไปเพื่ออะไร โดยเฉพาะการประชุมครั้งล่าสุด ที่อัฑฒ์สร้างความเจ็บแค้นในใจของเขาให้เด่นชัดมากขึ้น
นั่นแหละ...คือเหตุผลที่เขาจะต้องเริ่ม รุก เดินเกมนี้ให้เร็วที่สุด
“อ้วกได้มั้ยวะเนี่ย เลี่ยนชิบ” คนที่ใช้วิธีขึ้นมาเป็นเด็กเสิร์ฟบนภัตตาคารบนดาดฟ้าแบบนี้ ส่ายหน้าพร้อมแอบกดถ่ายรูปเอาไว้รัว ๆ
Yon: ส่งรูปแล้ว
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือ ทำเอาไวชญานีก์ผู้ที่กำลังปูเสื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เพื่อนรัก ที่เหมือนจะมีอยู่คนเดียวฟัง
เบรกทุกอย่างเอาไว้ก่อน
“เชี่ย...นี่แสดงว่ายัยนางงามนั่น นอกใจอีตาหน้านิ่งจริงเหรอ?” ยิปซัมคว้ารูปที่เหมือนถ่ายมารัว ๆ ไปดูด้วยสายตาตกใจยิ่งกว่า
“ชัดขนาดนี้ เป็นอย่างที่ดวงบอกจริงด้วย”
“ดวงอะไร แกแอบดูดวงให้สองคนนี้เหรอ” ยิปซัมจำต้องพยักหน้า รู้แหละว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะทำ แต่บางทีเธอก็รอรู้พร้อมกับผลที่จะเกิดจริง ๆ ตอนนั้นไม่ค่อยจะได้
“ก็คนมันอยากรู้นี่หว่า ว่าท้ายสุดเรื่องนี้จะจบยังไง อะไร ๆ มันก็ดูเป็นใจไปหมด แต่จินตนาการไม่ออกว่ามันจะจบยังไง”
“จริงของแกนะ ฉันโทรไปหาบอสมาแล้วอ่ะ...บอสบอกว่าเขาให้คอนแทคของฉันทุกอย่างกับอีตานั่นไป แล้วที่ฉันยังไม่เข้าใจว่าเขามาหาฉันเพื่อที่จะให้ฉันสอนให้เขาสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ขึ้นมา มันเหมือนโชคชะตาจะกำหนดนะเว้ย แต่มันเป็นใจจนฉันตั้งตัวไม่ทันเลยอ่ะ”
คนที่คิดเห็นเหมือนกันพยักหน้า ครุ่นคิดตามในสิ่งที่เพื่อนพูดก็ไม่มีสิ่งใดผิดเพี้ยน
ร้ายไปกว่านั้น...
คนอย่างอัฑฒ์น่ะหรือที่อยากจะสร้างตัวตน
“คือจากพื้นดวงชะตาแล้วเนี่ย คุณอัฑฒ์เป็นคนที่ค่อนข้างจะรักความเป็นส่วนตัวมาก ๆ เจ้าระเบียบ อยู่ในกรอบ ดำเนินชีวิตตามแผน และเขาไม่เคยโลดแล่นอยู่บนโลกโซเชียลเลย เขาใช้วิธีสื่อสารกับผู้คนผ่านคำว่า อาร์ทออลเทคเท่านั้นอ่ะ อยู่ ๆ เขาอยากจะมามีตัวตนบนโลกออนไลน์ มันแปลก ๆ จริงนะ”
ไวชญานีก์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พร้อมมุ่ยหน้า
“หรือว่าที่จริงแล้ว เขาอาจจะมีอะไรหลายอย่างที่เรายังไม่รู้จักเขาดีพอก็ได้นะ”
คนตัวผอมกว่าเก็บหนังสือที่วางกระจายอยู่เข้าที่ ด้วยสายตาครุ่นคิดตาม สมกับที่เป็นเพื่อนคู่คิดมาตลอด
“มันก็แน่แหละ คนนะเว้ย เหลี่ยมมุมเยอะซะยิ่งกว่าวงกลม มองแค่ภายนอกอ่ะ เราไม่มีวันตัดสินเขาได้เลยหรอก”
“แล้วแกคิดว่าฉันจะต้องเอาไงต่อวะ จะไปสอนให้เขาสร้างตัวตน แบบง่าย ๆ เล่นเฟซบุ๊ค ติ๊กต่อก ไอจีอย่างนี้เป็นก่อนมะ”
ยิปซัมเผยยิ้มกว้างออกมา คนอย่างไวชญานีก์เพื่อนรักของเธอน่ะเหรอ ที่จะมีแววตาวิตกกังวลแบบนี้ให้เห็นได้ง่าย ๆ
“ไง...ครั้งนี้เนี่ย ทำเอาอีไวน์เกือบไปไม่เป็นเหรอวะ”
“ก็ไม่เชิง ทีแรกคิดว่า...มันจะไม่เร็วขนาดนี้ไง กะว่าจะเดินเฉียดเขาไปมา ให้เยอะ ๆ กว่านี้ก่อน ใครจะไปคิดว่าเขาจะมารุกคืบแทนซะเองนี่หว่า”
“ก็แกดันไปพูดเองว่าจะให้ชะตากำหนด 70 ท่านก็จัดให้แล้วไง ทีนี้ล่ะก็...เดินเกมต่อไปให้ดี อย่าลืมว่าตัวเองมีเวลาแค่ไม่ถึง 3 เดือนแล้วนะเว้ย”
กลอกตาไปมา ด้วยสีหน้าเริ่มลำบากใจ
“ตกลงแกจะห้ามไม่ให้ฉันแย่งแฟนคนอื่น หรือว่าจะให้แย่ง เอาดีดี”
“ทีแรกก็ไม่อยากจะให้แย่งนะเว้ย แต่พอเห็นสิ่งที่ยัยนางงามมันทำ ฉันก็อดที่จะสงสารคุณอัฑฒ์เขาไม่ได้ เขาน่ะ...ตัวพ่อเรื่องซื่อสัตย์เลยนะเว้ย”
“หรือว่าที่ยัยนางงามทำแบบนี้ เพราะดวงชะตากำลังถีบนางออกจากวงโคจรวะ สาธุ ๆ อะไรจะแม่นเบอร์นี้” แม้ยิปซัมจะเชื่อเรื่องดวงแค่ไหน แต่เธอก็คิดว่าบุคลิกลักษณะนิสัยของคนก็มีส่วนอยู่ดี
คนที่มันไม่ใช่ วันหนึ่งก็ต้องหลุดไปจากวงโคจรของกันและกันอยู่ดี ไม่ใช่แค่คู่ที่เขามีปัญหากันหรอกนะ คู่ที่ดีสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง รักกันทุกอย่าง...แต่จับมือกันไม่แน่นพอก็พลาดมานักต่อนัก
“ยัยนี่มีกิ๊กมาสองปีกว่าแล้วนะเว้ย ดวงชะตาไม่น่าเกี่ยว ถ้าเกี่ยวก็น่าจะเกี่ยวตอนต้องเปิดโปงนี่แหละ”
“เออ จริงของแกว่ะ” ว่าแล้วก็กดเลื่อนดูรูปนั้นอีกครั้งให้ชัด
“ไหน ๆ ดวงชะตาก็ให้มาขนาดนี้แล้ว ฉันน่าจะต้องทำอะไรสักหน่อย”
“อะไรวะ” แล้วไวชญานีก์ก็หัวเราะหึ ๆ เหมือนแม่มดมีแผนชั่วร้าย
“ช่วงนี้งานยุ่งเหรอคะ ไม่ค่อยมีเวลาให้นีเลย” เสียงของผู้มาใหม่ที่เดินเข้ามาแบบไม่ได้สนใจว่าเขาจะว่างหรือไม่ว่าง ทำเอาอัฑฒ์ถึงกับต้องย่นคิ้ว
“ทำไมไม่เห็นส่งข้อความมาบอกเลยว่าจะมา”
“โอย อยู่กันมาจนป่านนี้แล้ว...ยังจะต้องให้ทำพิธีรีตองอะไรอยู่อีกละคะ” น้ำเสียงออดอ้อนมาพร้อมกับวงแขนที่คล้องต้นคอเขาเอาไว้จากทางด้านหลัง
เคราเขียวครึ้มที่พากันเริ่มจะยาวประปราย ถูกเธอลูบไล้เล่นแบบที่ไม่เคยจะทำมาก่อน
“นี” เขาปรามเสียงเบา พร้อมจับมือซุกซนนั้นเอาไว้แบบไม่ชอบใจ
เขาไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายเวลาที่ทำงานอยู่ เธอก็รู้...แต่ทำไมถึงยังจะทำ
“อย่าดุนีเลยนะคะ นีก็แค่คิดถึงพี่อัฑฒ์...คิดถึงตอนที่พี่อัฑฒ์ไปหานีที่คอนโดน่ะค่ะ”
“นี พี่ต้องทำงาน”
เขาแกะมือเธอออกได้สำเร็จ ใบหน้าจากเรียบเฉยกลายเป็นบึ้งตึง จนคนที่เริ่มจะทนไม่ไหวเริ่มบึ้งตาม
‘ผมจะไม่เป็นลูกน้องใครละนะ ผมมีทุนพอที่จะเปิด ฟู้ดเทคเป็นขอตัวเอง ผมระดมทุนคนได้มากพอแล้ว’
เป้าหมายในชีวิตของผู้ชายอีกคนหนึ่งที่เธอซ่อนเขาเอาไว้ในเงา รวมเธอเอาไว้ด้วยแบบไม่ต้องถาม และไม่เคยเรียกร้องอะไร ผิดกับเขาที่เธอหยิบยื่นทุกอย่างให้ แต่ไม่เคยมองเห็นคุณค่า
“ค่ะ นีรู้ว่าทุกอย่างในชีวิตของพี่อัฑฒ์สำคัญกว่านีเสมอ” แล้วเธอก็เดินเยื้องย่าง สะบัดร่างระหงของตัวเองออกไปจากห้องเขา ด้วยกิริยาที่เขาไม่ชอบ
จมูกโด่งคมสันพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่พวยพุ่งออกมา เขาไม่ชอบคนไร้เหตุผล แต่สิ่งที่เธอกำลังทำอยู่...มันเป็นแบบนั้นแทบจะทุกอย่างเลย
ท่ามกลางความลำบากใจ กลับมีเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์เข้ามาแบบที่ไม่ค่อยจะดังมาก่อนเท่าไหร่ เพราะปกติการติดต่อเขาไม่ว่าเรื่องไหนจะต้องผ่านเลขาหน้าห้องก่อนเสมอ
Vine: ส่งสติกเกอร์แล้ว
มุมปากหยักหลุบลึกลงข้างหนึ่ง เมื่อรู้ว่าเจ้าของ แอคเคาท์นี้คือใคร หลุบลงในแบบที่เขาเองก็แทบจะไม่รู้ตัวเลย
