14 เดินตามดวง
“นี่แกไม่ไปดักเจอเนื้อคู่เหรอ มานั่งชิลล์อยู่ที่ร้านกาแฟแบบนี้ได้ยังไง”
แม่หมอดูออนไลน์แวะทักทายเพื่อนสาว ผู้ที่มีงานเต็มโต๊ะในมุมเงียบสงบของร้าน แบบหาจุดที่เป็นส่วนตัวสุด ๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ชิลล์เหรอ หน้ายุ่งแบบนี้แถวบ้านแกเรียกชิลล์เหรอ”
“โอโฮ ไม่เห็นแกโหมดนี้มานานมากละ ทำไมวะ เมื่อวานไปประชุมมาแล้วโดนเจ้านายคนโปรดเฉ่งมาเหรอ”
“แกช่วยพูดอะไรที่มันน่าเป็นไปได้อะไรหน่อยได้ป่ะ คนอย่างฉันเนี่ยนะ ไวชญานีก์ผู้ล้ำเลิศเนี่ยนะ ที่จะถูกเจ้านายเฉ่ง” พยักหน้าเชิงยอมแล้ว แต่เบ้ริมฝีปากใส่ พร้อมชะเง้อมองที่หน้าจอไอแพดตรงหน้าเพื่อน แบบอดที่จะเผือกไม่ได้
“ลืมไป คนอย่างแกมันก็เก่งทุกอย่างแหละ ยกเว้นภาษาอังกฤษไว้แค่เรื่องเดียว”
เย้าเข้าให้ เมื่อเห็นเพื่อนกำลังเรียนคอร์สการสื่อสารภาษาอังกฤษในไอแพดเชิงเคร่งเครียดอยู่
“ก็ใช่ไง นี่ฉันเป็นถึงเนื้อคู่ของคนที่เรียนจบจากอเมริกาเลยนะเว้ย มานั่งคิด ๆ ดู ฉันสืบดูว่าเพื่อนเขาเนี่ยฝรั่งล้วน ๆ ถ้าวันหนึ่งคบกันไปแล้วฉันสื่อสารกับเพื่อนเขาไม่ได้ เป็นเครียดเลยนะเว้ย”
“เป็นการคิดการณ์ไกล ที่โอเวอร์มาก นึกว่าเครียดเรื่องอะไร” ว่าแล้วก็ดูดชาเขียวใส่นมเยอะ ๆ ของตัวเองอึกใหญ่
“มากไปกว่านั้น ฉันเพิ่งจะได้โปรเจคใหม่ที่ฉันนำเสนอไปนั่นแหละ บอสให้ฉันดูแลเว้ย แล้วบอกว่าเจ้าของบริษัทที่จะพาทำสตาร์ทอัพที่ฉันจะต้องไปดีลด้วยเนี่ย เก่งภาษาอังกฤษมาก เหมือนบอสรู้ว่าฉันจะโดนทดสอบก็เลยแจ้งมาก่อน ว่าให้ฉันฝึกคุยภาษาอังกฤษให้ได้ในเบื้องต้นด้วย”
“แกก็เลยหาแรงบันดาลใจในการต่อสู้ภาษาอังกฤษ จากเนื้อคู่เนี่ยนะ”
“สมกับที่เป็นเพื่อนรักจริง ๆ เลยว่ะ หรือว่าฉันไม่ควรจะมีผัว แล้วเอาแกเป็นเมียแทนดีวะ” ยิปซัมได้ยินดังนั้นก็แทบจะยกแก้วชาเขียวเย็นลุกหนี
“ขนลุก หึย...”
“แต่เดี๋ยวก่อนนะ แกไม่เอะใจเรื่องคำว่าสตาร์ทอัพเหรอวะ ทำไมฉันรู้สึกว่ามันคุ้น ๆ มากเลยอ่ะ” ไวชญานีก์คิดตามในสิ่งที่เพื่อนพูดแล้วแทบจะกรีดร้องออกมา
“จริงด้วย! ฉันลืมไปได้ยังไงวะ!”
“ใช่เลย! แผนของไอ้ว่านที่ให้แกไปที่ร้านอาหารริมน้ำนั่น แกก็ยังพูดถึงบริษัทวินวินเทคคู่แข่งทางบริษัทสตาร์ทอัพของคุณอัฑฒ์เขาอยู่เลยอ่ะ แกลืมไปได้ยังไง”
“เดี๋ยว ๆ ตั้งสติกันก่อน บริษัทในประเทศไทย...ที่เกี่ยวกับการทำสตาร์ทอัพ มันมีกี่บริษัทกันวะ ที่จะมีความสามารถโดดเด่นที่เก่งภาษาต่างประเทศขนาดนั้นอ่ะ” ยิปซัมหัวใจเต้นแรง ตื่นเต้นตามเพื่อนรักอย่างอดไม่ได้
ล่าสุดที่ไวชญานีก์ไปชนกับเขาที่หน้าประตู ก็บอกชัดแล้วว่า กฎแรงดึงดูดแห่งเนื้อคู่กำลังทำงานอย่างบ้าคลั่ง
แต่ถ้าเพื่อนได้ไปร่วมงานกับเขา...แบบที่ไม่ได้ดิ้นรนอะไรเลย นั่นก็แสดงว่า...
คาถาและมายาอาคมที่เพื่อนเพียรกระทำ ได้ส่งผลให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว
“ไม่มีแล้วว่ะ เด่นสุดก็อาร์ทออลเทค วินวินเทคก็เพิ่งจะตีขึ้นมาในปีนี้ ฉันว่าต้องใช่แน่เลยว่ะ”
“ฉันดีใจจังเลยอ่ะ ที่ดวงชะตาเริ่มเดินอย่างที่ฉันเคยฝัน...” คนคลั่งดวงว่าราวกับเพ้อฝัน หลงลืมช่วงอารมณ์หงุดหงิดทุกครา ที่ได้พบหน้าเขาไปเสียสิ้น
‘เสริมดวงเถิดจะเกิดผล สนใจดูฤกษ์ออกรถ สีรถที่เหมาะ...เดี๋ยวไวน์เจาะให้เอง’
แคปชั่นเด่นหราในอินสตาแกรมของคนที่เพิ่งจะโหลดมาหมาด ๆ และกดค้นหาชื่อเธอตามข้อมูลที่เพื่อนร่วมเรียนและกำลังกลายมาเป็นลูกค้า ทิ้งเอาไว้ให้
ภาพของเธอกำลังถือแก้วกาแฟอยู่ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ไม่ได้ไกลจากบริษัทเท่าไหร่
Mood café
เธอแท็กชื่อร้านไว้ชัดเจน ด้วยรอยยิ้มสดใส ในชุดนั่งเล่นชิลล์ กางเกงขาสั้นทรงหลวม กับเสื้อแขนกุดเอวลอยนิด ๆ สีหวาน
ผมยาวสยายถูกรวบเอาไว้ลวก ๆ แต่ดูดี
มันขัดใจคนรักความเป็นระเบียบอย่างเขานัก หากแต่กลับดึงดูดอย่างประหลาดด้วย
“เอ่อ คุณอัฑฒ์จะออกไปไหนเหรอคะ” เลขาสาวใหญ่มองตามร่างสูงใหญ่ ที่ถอดสูททิ้งเอาไว้ในห้อง เดินตัวตรงดิ่งออกไปในทั้ง ๆ ที่สวมแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวรับกับกางเกงสแล็คสีดำ
ถามทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาน่าจะไม่บอก เวลาใกล้เที่ยงแบบนี้ ปกติอัฑฒ์จะไม่ออกไปหาอะไรรับประทานเอง แต่จะให้เธอสั่งมาให้มากกว่า
“เสร็จซะที มหากาพย์คอนเทนต์นำเสนอนี้” ว่าพร้อมยืดเหยียดร่างกายที่เหนื่อยล้า ยืนขึ้นบิดตัวไปมาแบบไม่แคร์สายตาผู้อื่น
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ”
เสียงสองของพนักงานร้านมีความระริกระรี้ชัด จนผู้หญิงเห็นผู้หญิงอย่างไวชญานีก์อดที่จะหันไปเผือกไม่ได้
แผ่นหลังกว้างอันคุ้นตา เส้นผมเรียงเป็นระเบียบที่เธอจำลักษณะมันได้แทบทุกเส้น เพราะหารูปเขาดูอิริยาบถต่าง ๆ ก่อนนอนดูทุกคืน จนจำรายละเอียดได้แทบจะหมด
“ดูรูปเขาจนเก็บมาตาฝาดเลยเหรอวะเราเนี่ย” ว่าพร้อมขยี้ตาไปมา หันไปมองอีกทีหนึ่งเขากลับไม่ยืนอยู่ที่เดิมแล้ว
“ตาฝาดจริงด้วย...ว้าย!” พอหันกลับมาที่โต๊ะตัวเองก็พบว่าเขามายืนอยู่ตรงหน้า จนต้องร้องตกใจ
“คะ...คุณ มาได้ไงอ่ะ” คนใจคว่ำใจหาย หายใจหอบเหนื่อยขึ้น เป่าลมออกจากปากเหมือนคนวิ่งหนีผีมาเหนื่อย ๆ
“คนนะไม่ใช่ผี ตกใจอะไรขนาดนั้น”
และก็ไม่รอให้เธอได้เชื้อเชิญ เขาทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม แบบหน้านิ่ง ๆ พูดเชิงเรียบ จนเธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่านี่เขาตัวจริงหรือเปล่า
ตัวจริงสิ...ตัวจริงต้องเย็นชาแบบนี้แหละ!
“คุณจะมาเอาคืนที่ฉันเคยนั่งผิดโต๊ะเหรอ” ทรุดนั่งตามบ้าง แต่ฉายแววความหวาดระแวงอยู่ลึก ๆ
“ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น”
ว่าพลางสำรวจของระเกะระกะที่เธอวางเอาไว้ จนเธอต้องมองตาม
“แสดงว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ คุณตั้งใจมาหาฉัน?” เขาพยักหน้า พร้อมยื่นโทรศัพท์ของตัวเองที่มีโปรไฟล์ของเธอเด่นหราอยู่
“ผมเป็นคนถ้าตัดสินใจอะไรแล้ว มักจะลงมือเลย เพราะไม่อยากจะรอ”
“เหมือนจะเข้าใจ...แต่ยังไม่กระจ่าง” หันมาจดจ้องใบหน้าเขาเชิงค้นคว้า แม้จะยังคงไปด้วยความเรียบเฉย
“รู้จักเพอโซนัลแบรนด์ดิ้งใช่มั้ย”
“อือฮึ การขายตัวตนคือการขายที่ดีที่สุดในยุคออนไลน์แบบนี้” ตอบทันควันฉับไว จนต้องเม้มริมฝีปาก...ตอบไวไปหรือเปล่าวะ เดี๋ยวจะหาว่าเราไม่คิดก่อนพูดอีก
“แล้วสอนให้คนอื่นสร้างตัวตนได้รึเปล่า”
“ฮะ? ฉันเนี่ยนะ...ที่จะไปสอนคนอื่นสร้างตัวตน” สีหน้าเชิงหน่ายปรากฏชัดขึ้นมาบนใบหน้าที่เริ่มจะแสดงความรู้สึก
“มันเป็นประโยคคำถาม ไม่ใช่ประโยคบอกเล่า”
“เออ นั่นแหละ...ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันจะสอนคนอื่นสร้างตัวตนได้อ่ะ”
“ผลลัพธ์มันก็มีอยู่”
ไวชญานีก์อึ้งไปเล็กน้อย คำที่เขาพูด...เหมือนกับที่เธอชอบพูดเป๊ะ ‘ผลลัพธ์’ คือสิ่งที่เธอให้ความสำคัญ
“ไม่แน่ใจว่าจะสอนได้หรือเปล่า แต่ถ้าจะให้แนะนำ ก็อาจจะพอทำได้นะ” ว่าอย่างจริงใจ เหมือนคุยกับเพื่อนมากกว่ามองว่าเขาคือเนื้อคู่ของตัวเอง
“นี่นามบัตรผม ลองไปคิดดูก่อนได้...แล้วค่อยติดต่อมา”
“เดี๋ยวนะ...แล้วคนที่ฉันจะต้องไปสอนนี่ใครเหรอ?” สองสายตาประสานกันอยู่ครู่ใหญ่
“ผมเอง”
นั่นเหมือนจะไม่ใช่คำตอบ แต่มันคือคำทิ้งท้าย พอพูดจบเขาก็ลุกเดินออกจากร้านไปทันที ปล่อยให้คนที่กะพริบตาได้ไม่ถึงสามครั้ง นั่งงงงวยเป็นรูปปั้นหูพร่า
ได้ยินถูกแล้วใช่มั้ยวะ
