ตอนที่ 3. เปล่งเสียงไม่ได้
เพราะโดนจู่โจมไม่ทันตั้งตัวทำให้บุรุษร่างใหญ่ถึงกับผงะปล่อยมือจากข้อมือเรียวเล็ก ย่าหยารีบพลิกตัวหนีแต่เพราะรีบร้อนจนเกินไปทำให้เธอตกเตียงดังตุ๊บ! พร้อมกับเสียงร้องเจ็บปวด
“นี่ เธอ!” ชายหนุ่มยันกายขึ้นแล้วลงจากเตียงหวังจะไปช่วยหญิง แต่ภาพที่เห็นคือผ้าแถบที่รัดรอบอกคลายออกจนเห็นปลายถันสีหวานชูชันท้าทายสายตา
“!”
ย่าหยามองตามสายตาตกตะลึงก็พบว่าตนเองแทบจะเปลือยหน้าอกให้เขาดูแล้ว เธอหันซ้ายหันขวาเห็นชายผ้าห่มแพรห้อยอยู่ข้างเตียงจึงรีบคว้ามันมาคลุมร่าง
“ย่าหยา! ย่าหยาอยู่ไหน! ย่าหยา!”
เธอได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเธอ แม้จะไม่คุ้นกับเสียงเรียกนั้นแต่ก็ทำให้ย่าหยาตัดสินใจวิ่งออกไปจากห้องนี้ทันที ทว่าเมื่อก้าวพ้นธรณีประตูก็ต้องตกใจ เธอไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน หรือว่าเธอถูกลักพาตัวมา
“นี่! จะออกไปแบบนั้นไม่ได้นะ”
ย่าหยาสะดุ้งสุดตัว เธอหันไปเห็นผู้ชายคนนั้นเต็มตา ตัวเขาสูงใหญ่ผิวสีเข้มและเต็มไปด้วยมัดกล้ามเพราะเขาไม่ได้สวมเสื้อ! ทำให้เธอตัดสินใจวิ่งไปตามเสียงเรียกที่ได้ยิน เท้าเปลือยเปล่าวิ่งออกมาจากบ้านทรงไทย พื้นหญ้าอ่อนนุ่มและชุ่มชื้นทำให้รู้ได้ว่านี่เป็นของจริง ไม่ใช่ความฝัน
“ย่าหยา!”
หญิงสาวในชุดผ้าแถบคาดอกและนุ่งผ้าโจงกระเบนเมื่อเห็นร่างเล็กถลาออกมาจากเรือนไม้ก็ยื่นมือไปโอบร่างนั้นไว้ในอกอย่างปกป้อง โดยไม่ทันสังเกตว่าคนในอ้อมกอดมีสีหน้าเช่นไร
“น้องไปไหนมา พี่ตามหาเสียทั่ว” หญิงสาววัยประมาณยี่สิบสองบ่นแล้วยกมือขึ้นลูบใบหน้าของอีกฝ่าย “เหตุใดซุกซนถึงเพียงนี้ เอาผ้าห่มมาคลุมกายทำไมเล่า”
หญิงสาวมึนงงสับสนไปหมด ผู้หญิงคนนี้เรียกเธอว่า ‘ย่าหยา’ แต่เธอกลับไม่รู้จัก ซ้ำยังทำเหมือนเป็นพี่สาวเธอด้วยซ้ำ แต่เธอเป็นลูกคนเดียว พลันจู่ๆ หัวสมองเหมือนมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากถาโถมเข้าใส่ เธอปวดศีรษะจนต้องยกมือขึ้นกุม
“ย่าหยา! น้องเป็นอะไร! ไม่สบายตรงไหนบอกพี่สิ”
“ปะ...ปวด...หัว...”
น้ำเสียงแห้บแห้งพยายามเปล่งเสียงออกมา ย่าหยาปวดศีรษะจนแทบจะเป็นลม สองขาไร้เรี่ยวแรงทรุดฮวบลงไป
“ว้าย!” หญิงสาวผู้นั้นร้องเสียงร้องรีบประคองร่างน้อยไว้แต่ไม่อาจมีเรียวแรงพอจะอุ้มได้ เธอเงยหน้าขึ้นหมายจะส่งเสียงขอความช่วยเหลือ แต่ร่างสูงใหญ่ก้าวพรวดเข้ามาช้อนร่างของย่าหยาขึ้นอุ้มอย่างรวดเร็วและทำเหมือนกับว่าอุ้มแมวน้อยตัวหนึ่ง
“คุณสินธุ์”
“หล่อนเป็นน้องสาวของเธอรึ”
“เจ้าค่ะ ย่าหยาน้องสาวของอิชั้นเอง”
“เช่นนั้นฉันจะพาไปส่งที่เรือน”
‘คุณสินธุ์’ อุ้มร่างที่เบาหวิวตรงดิ่งไปที่เรือนจรุงจิตซึ่งเป็นเรือนที่ ‘หลวงพิชัย’ ยกให้เมียรองได้อยู่อาศัยนั้นก็คือ ‘ยี่สุ่น’ ซึ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ราวๆ สิบวันแล้ว โดยมีบ่าวรับใช้ชื่อแจ่มและน้องสาวที่ได้ยินว่าสติไม่ค่อยดีชื่อย่าหยามาอยู่ด้วย
ชายหนุ่มร่างกำยำอุ้มร่างเล็กที่ไม่มีแรงดิ้นรนขัดขืนมาถึงเรือนจรุงจิต บรรดาบ่าวรับใช้แตกตื่นแต่ไม่กล้าส่งเสียงพูดอันใด ได้แต่ก้มหน้าหลุบตาลงไม่กล้ามอง ‘เจ้านาย’ ยี่สุ่นที่วิ่งตามมารีบเดินไปเปิดประตูห้องเล็กซึ่งเป็นห้องของย่าหยาให้เขาเข้าไปเพื่อว่างร่างที่ไร้เรี่ยวแรงลงบนเตียง
“ย่าหยา! เหตุใดเป็นเช่นนี้”
ยี่สุ่นบีบมือน้องสาวที่รักราวกับเป็นลูกก็ว่าได้ เพราะมารดาตายจากไปตอนที่ย่าหยาอายุเพียงแปดขวบ นางเป็นพี่จึงเลี้ยงดูน้องคนนี้แทนมารดาทุกสิ่ง และเมื่อตนต้องแต่งงานออกเรือนมาเป็นเมียรองของหลวงพิชัย นางก็ขออนุญาตให้พาย่าหยามาด้วย เพราะที่บ้านไม่เหลือใครแล้ว หากนางไม่อยู่ก็ไม่มีใครดูแลย่าหยา ซึ่งหลวงพิชัยก็เมตตารับน้องสาวของนางมาอยู่ด้วย
“แจ่มไปละลายยาหอมมาเร็วๆ แล้วให้คนไปตามหมอมาด้วย”
“เจ้าค่ะคุณยี่สุ่น”
เกิดความโกลาหนภายในเรือนหลังเล็ก ยี่สุ่นเพิ่งสังเกตว่าใต้ผ้าห่มที่คลุมร่างของน้องสาวนั้นคือผ้าแถบที่หลุดรุย นางหันไปทางคุณสินที่ยืนกอดอกจ้องมองอยู่ นางอาจไม่ใช่คนฉลาดนักแต่พอเดาได้ว่าเกิดเรื่องใด
“คุณสินธุ์เจ้าคะ อย่าได้ถือสาหาความน้องสาวของอิชั้นเลยนะเจ้าคะ ย่าหยากำพร้าแม่มาตั้งแต่เด็ก อิชั้นเป็นคนเลี้ยงดูน้องจนมาถึงตอนนี้ ถ้าย่าหยาทำสิ่งใดล่วงเกินคุณสินธุ์ไป อิชั้นขอกราบ..”
“ไม่ต้อง” ชายหนุ่มร้องห้าม “อย่างไรเสียเธอก็มีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ฉัน แม้จะเป็นเมียรองของพี่ชายฉันก็เถิด” เขาอดมองไปยังร่างเล็กที่เหมือนจะหลับไปแล้ว
“ขอบพระคุณที่คุณสินไม่ถือสา ย่าหยาเพิ่งเข้ามาอยู่ที่นี่ น้องคงหลงทางจึงได้ไปอยู่ที่เรือนคุณสินธุ์ได้”
“ช่างเถิด”
เขามองแล้วก็รู้สึกผิด คงตื่นตกใจถึงกับเป็นลมไปเลยสินะ หางตารับรู้การเคลื่อนไหวจึงเบี่ยงตัวหลบให้บ่าวรับใช้รีบเอาแก้วยาหอมเข้ามา ยี่สุ่นประคองร่างของน้องสาวขึ้นนั่งแล้วค่อยๆ ป้อนยาหอมให้จิบที่ละนิดจนหญิงสาวได้สติ ดวงตากลมคู่หนึ่งกะพริบตาปรับสายตาครู่หนึ่งก่อนมองมาทางเขาแล้วท่าทางหดคอเหมือนเต่าตัวน้อย
