บท
ตั้งค่า

ตอนที่15 มีพุง?

“ฉันหมดเรื่องที่จะคุยแล้ว” หญิงสาวบอกหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเงียบมาสักพักก่อนจะลุกขึ้นแต่ทันทีที่ลุกขึ้นอาการหน้ามืดก็เข้าเล่นงานจนเซล้มไปใส่ราชนาวี ชายหนุ่มรับร่างบางไว้ด้วยความตกตะลึง รัมภาภัสร์หน้ามืดหมดสติไปแล้วโดยที่ไม่มีอาการอะไรล่วงหน้า

“รุ้ง! สีรุ้ง”

เปลือกตาสวยเปิดขึ้นก่อนที่ดวงตาแววหวานแต่ดื้อรั้นและเปิดเผยออกมา หญิงสาวกระพริบตาขับไล่ความเลือนลางก่อนที่จะเห็นใบหน้าคมมองมาอย่างเป็นห่วงค่อย ๆ ฉายชัดขึ้น

“ฟื้นแล้วเหรอ? อย่าเพิ่งรีบลุกสิ” เขาตำหนิมาพร้อมกับเข้ามาประคองให้เธอลุกขึ้นนั่ง

“ฉันเป็นอะไรไป?”

“เธอลุกขึ้นแล้วก็หน้ามืดหมดสติไป ช่วงนี้เธอพักผ่อนพอหรือเปล่า หน้ามืดแบบนี้ไม่ดีนะ” ชายหนุ่มบอกแล้วก็ยื่นแก้วน้ำมาให้ “ดื่มสักหน่อยจะได้สดชื่นขึ้น”

รัมภาภัสร์รับแก้วน้ำมาดื่มช้า ๆ ก่อนจะส่งคืนให้ มือบางยกขึ้นนวดคลึงขมับ ทำไมอยู่ ๆ ถึงรู้สึกหน้ามืดวิงเวียนแบบนี้ต่อหน้าเขาได้นะ

“ลุกไปนอนไหวไหม ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวฉันพาไป” เพราะเห็นว่าดึกแล้วราชนาวีจึงคิดจะพักเรื่องที่พูดกันไว้ก่อน ตอนนี้เขาห่วงแค่อาการของหญิงสาวเท่านั้น

“ไม่ต้อง ฉันไปเองได้” เธอบอกปฏิเสธแต่ไม่ทันจะลุกขึ้นก็ต้องยกมือปิดปาก รู้สึกวิงเวียนและอยากจะอาเจียนขึ้นมากะทันหัน

“เป็นอะไร? จะอ้วกเหรอ?”

“รู้สึกอยากอ้วกแต่ก็ไม่อ้วก” รัมภาภัสร์ตอบไปตามความจริง

“งั้นนั่งพักอีกสักหน่อย ดีขึ้นแล้วค่อยกลับห้อง”

“อือ” เธอตอบรับก่อนที่จะเอนตัวลงพิงโซฟาก่อนจะเบนสายตาไปทางราชนาวีด้วยท่าทีอิดโรยเป็นครั้งแรก “หิวอะ มีโจ๊กสำเร็จอยู่ในตู้ ชงให้หน่อยได้ไหม?”

ชายหนุ่มพยักหน้าโดยไม่มีท่าทีอิดอวดแล้วก็หายลับเข้าไปในห้องครัว ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกับโจ๊กร้อน ๆ กลิ่นหอมยั่วน้ำลาย

“ขอบคุณ”

ราชนาวีนั่งมองหญิงสาวทานโจ๊กพร้อมกับพิจารณาเรือนร่างบางไปด้วย และแล้วเขาก็ได้เห็นสิ่งผิดปกติเมื่อมองไปช่วงลำตัว หน้าท้องที่เคยแบนราบของรัมภาภัสร์ในตอนนี้ดูนูน ๆ ขึ้นมาไม่น้อยแต่ก็ไม่มาก คนเคยเห็นร่างบางมาแล้วทุกส่วนอย่างเขาพูดได้เลยว่ามันนูนขึ้นนิดนึง

คำถามหนึ่งผุดขึ้นในหัว สาวเจ้ามีพุง? หรือท้อง?

“ดีขึ้นไหม?”

“อือ” เธอตอบ “ว่าแต่นายมองอะไรเนี่ย”

“มองนี่ไง” เขาตอบพร้อมชี้ไปที่หน้าทองของเธอ “มีพุง?”

“นี่ พูดเรื่องพุงเรื่องหน้าท้องผู้หญิงนี่มันหยาบคายนะยะ”

“ก็มันไม่เหมือนเดิมนี่” เขาตอบก่อนที่จะเก็บชามและเอาน้ำมาให้ คนอาการไม่ค่อยดีก้มลงมองหน้าท้องตัวเอง

ให้ตายเถอะ มันดูเปลี่ยนไปจริง ๆ นี่เธออ้วนขึ้นเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?

ไม่นะ!!!

ราชนาวีหลุดยิ้ม ได้เห็นอาการรับไม่ได้ที่ดีเล่นใหญ่เกินจริงของหญิงสาวแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอ็นดู

“ดูทำหน้าทำตาเข้า เฮ้อ ทำไมถึงมีเมียเว่อร์แบบนี้เนี่ยเรา”

ใบหน้าบางหันควับไปมองคนบ่น “อีกหน่อยนายก็ไม่ต้องมีแล้วล่ะเมียเว่อร์น่ะ”

“อีกหน่อยอะไร ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีวันนั้น”

“ทำไมจะไม่มี พอหย่ากันวันนั้นก็มาถึง” เธอแย้ง

“แล้วใครเขาจะหย่า ใบหย่าเซ็นต์คนเดียวไม่มีผลน่ะ”

“ก็ไหนว่าไม่อยากทะเลาะ เซ็นต์ใบหย่าซะแล้วก็ต่างคนต่างไปไม่ต้องทะเลาะกันอีก ไม่ดีเหรอ?”

“ไม่ดี” เขาส่ายหน้า

“นายนี่ยังไงทะเลาะก็ไม่ชอบ หย่าก็ไม่ดี ตกลงนายจะเอายังไง” เธอถามด้วยน้ำเสียงฉุน ๆ ราชนาวีนี่ยังไงตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่

“ก็ไม่ทะเลาะ แล้วก็ไม่หย่า”

“หึ เคยไม่ทะเลาะกันได้ด้วยเหรอ?” เธอถามเสียงเยาะ

“ได้สิ ถ้าเราพบกันครึ่งทาง เธอไม่ขัดใจฉัน ฉันไม่ขัดใจเธอ”

“ไม่มีทาง ตั้งแต่ไหนแต่ไรมีสักวันไหมที่นายจะไม่ขัดฉัน”

“ก็อย่าไปมองอดีตสิ เริ่มกันใหม่ เปิดใจเข้าหากัน” เขาบอก “ฉันเบื่อที่จะเถียงกับเธอแล้วรุ้ง ต่อไปฉันจะตามใจเธอทุกอย่าง แบบนั้นดีไหม?”

“ทำได้?”

“ไม่มีอะไรที่คนอย่างราชนาวีตั้งใจแล้วจะทำไม่ได้” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง หญิงสาวกรอกตาไปมาอย่างครุ่นคิดก่อนที่จะพยักหน้า

“งั้นฉันจะรอดู ว่าจะเลิกทะเลาะแล้วตามใจฉันได้สักกี่น้ำ”

“ได้ตลอดชีวิตถ้าเธอจะมองฉันเป็นสามีไม่ใช่แค่พ่อของลูก” ชายหนุ่มบอก

“ทำไมฉันจะต้องมองนายแบบนั้นด้วย”

“เรารู้กันดีรุ้ง ว่าเราเบื่อที่จะไปเป็นแบบเดิมแล้ว นอกจากการแยกทางก็มีอีกวิธีที่จะทำให้เราไม่กลับไปเป็นแบบเดิม นั่นก็คือเธอมองฉันในฐานะสามี และฉันมองเธอในฐานะภรรยา มองกันในฐานะของคนรักกัน คนเข้าใจกัน ดังนั้นเราควรเปิดใจให้กัน” นายทหารหนุ่มร่ายยาวก่อนที่จะยืนมือไปกุมมือบาง “ต่อไปฉันจะตามใจเธอ จะไม่ขัดใจ และจะทำทุกวิถีทางให้เธอรักฉัน มองฉันเป็นสามีให้ได้”

“หึ” เธอพูดก่อนจะลุกขึ้นยืนและหันไปทางห้องนอน “คิดจะทำให้ฉันรัก รักฉันให้ได้เสียก่อนเถอะ”

พูดจบก็เดินกลับห้องไปช้า ๆ ทิ้งให้ราชนาวีมองตามไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย สรุปแล้วเขาก็ดึงรัมภาภัสร์มาเป็นพวกช่วยง้อลูกสาวไม่ได้ แถมยังกลายเป็นว่าเขาต้องหันมาแก้ปัญหาไม่ให้แม่ของลูกพูดเรื่องหย่า แยกทางก่อนเรื่องง้อลูกเสียอย่างนั้น แต่ก็เอาเถอะ ดูเหมือนเรื่องนี้ใหญ่กว่าเรื่องอาการโกรธงอนของลูกสาวเสียอีก เขาไม่ยอมหย่าหรอก ต้องยอมลงให้รัมภาภัสร์ก็ยอม

การจะกลับไปอยู่ด้วยกันอีกครั้งเขาอยากให้ปัญหาเดิม ๆ มันหมดไป ชีวิตครอบครัวของเขาจะได้มีความสุขสักที

พี่น้องบ้านอัศวโยธินอย่างรัมภาภัสร์ รติภัทรและน้อง ๆ ใช่ว่าจะรักใครง่าย ๆ นิยามคนรักของพี่น้องบ้านนี้คือ ถ้าอยากได้ใจ ต้องเอาใจมาแลก หรืออยากให้รัก ก็ต้องรักเสียก่อน รัมภาภัสร์จะยกใจให้เขาหรือไม่นอกจากความเอาใจใส่ของเขาแล้วยังต้องอาศัยหัวใจด้วย ไม่ยกให้ทั้งใจก็ไม่คืนมาทั้งใจ

ถ้าคิดจะให้เธอรัก เขาต้องรักเธอก่อน ถ้าตัดเรื่องชอบทะเลาะไปแล้วล่ะก็เขาคิดว่าเขารักเธอได้ ไม่น้อยไปกว่ารักหนูน้อยรัมภาวีร์

“มันเป็นไปได้ สีรุ้ง ฉันไม่เชื่อว่ารักเธอมันจะยากสำหรับฉัน” เขาเอ่ยก่อนที่จะเอนตัวลงพักผ่อน เขาไม่ได้มั่นใจเกินไป แต่ถ้าเขาได้เปิดใจทำไมเขาจะไม่สามารถรักรัมภาภัสร์ได้ล่ะ ในเมื่อตอนเด็ก ๆ เขายังเคยแอบมองเธออยู่บ่อย ๆ จนโดยพ่อเธอหมายหัวมาแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel