บท
ตั้งค่า

7 ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่เหมาะสมกับเขา

“จริงเหรอแก! อร๊ายยยย...ฉันอยากเห็น ฉันอยากเห็น!” ทันทีที่เพื่อนสาวได้เล่าเหตุการณ์ของเมื่อวานให้ฟัง หลังจากตรวจคนไข้รอบเช้าจนเสร็จสิ้นและมานั่งพักรับประทานอาหาร

ก็เลยกระทำการ ลากเพื่อนรักตามมาด้วย

“มันใช่เวลาไหมฮะ แกควรจะโกรธไปกับฉันสิ ฉันเสียแชมป์ดีดลูกแก้วยืนหนึ่งของจังหวัดไปเลยนะเว้ย” กิริยาค้อนขวับ พร้อมตักข้าวเข้าปากไปด้วยของแพทย์หญิงสู่ขวัญ ทำเอาเพลินวราส่ายหน้าใหญ่

“สาบาน...ว่าแกเรียนจบแพทย์มาแล้ว แถมยังเปิดโรงพยาบาลของตัวเองมา 4 ปี? ฉันไม่เคยชินสักที ทั้งๆ ที่แกก็เป็นของแกแบบนี้มานานแล้วก็เหอะ ฮ่าๆ” ยิ่งโดนล้อมาแบบนั้น คนที่ปั้นหน้ายิ้มหวานเป็นแพทย์หญิงผู้ใจดีมาทั้งวัน ก็ทำเป็นแยกเขี้ยวใส่

จริงอยู่ที่เธอเป็นคนใจดีจริงๆ ต่อผู้ป่วยที่มารักษา ทุกอย่างทำไปด้วยใจรักไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อภาพลักษณ์ที่ดี สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับผู้ป่วยที่เข้ามารักษา

ถ้าเธอทำตัวตลกโปกฮาเป็นเด็กไม่รู้จักโต คงยากที่จะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ!

“แต่ที่น่าประหลาดใจกว่านั้นก็คือ...เด็กนอกอย่างคุณเหม เขาเคยเล่นดีดลูกแก้วด้วยเหรอ” เพลินวราว่าเชิงครุ่นคิด พยายามจินตนาการใบหน้าคมเมื่อในคราจริงจัง ตั้งจะดีดลูกแก้ว ว่ามันจะกร้าวใจได้แค่ไหน

สู่ขวัญสะดุดเมื่อได้ยินประโยคนั้น พร้อมครุ่นคิดตาม นั่นสิ...อีตานั่น เคยเล่นดีดลูกแก้วได้ยังไง

เพราะแม้ว่าเขาจะเรียนอยู่ที่นี่จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แต่ ณ เวลานั้น ลูกหลานของโชควิลาส ไม่น่าจะได้ออกมาคบค้าสมาคมกับเด็กชาวบ้านคนอื่น ทั่วๆ ไป

“ไม่รู้แหละ ยังไงฉันก็จะเอาแชมป์ดีดลูกแก้วยืนหนึ่งของฉัน กลับมาให้ได้!”

“โอ๊ย แกนี่มันจริงๆ เลยนะ...แทนที่จะสนใจว่าแผนการตั้งต้นที่ว่าจะให้เขาไปเห็น ว่าตัวเองกะโปโลแค่ไหน ไม่เพียบพร้อมและไม่คู่ควรกับเขายังไงบ้าง ดันมาสนใจตำแหน่งแชมป์ดีดลูกแก้ว!”

สู่ขวัญสะดุดอีกครั้ง สะดุดจนเกือบสำลัก คว้าน้ำดื่มขวดเล็กมาเปิดฝา จุ่มหลอด ดูดอึกใหญ่หลายอึก ถึงได้ตั้งสติเรียบเรียงคำพูดของตัวเองออกมาได้

“จริงสิ...ฉันลืมเรื่องพวกนี้ไปได้ยังไง ฉันลืมข้อสำคัญตรงนี้ไปได้ยังไง”

“แต่ถ้าฉันเป็นแกนะ ฉันจะยอมแต่งงาน แล้วก็ไปเอาคืนเขา ด้วยการดีดลูกแก้ว...ของเขาให้แตกเลย อิอิ”

“ทะลึ่ง!”

“แหม ฉันล้อเล่นหรอกย่ะ ฉันว่านะดูท่าแล้ว คุณเหมเขาไม่น่าจะถือสาเรื่องที่แกดีดลูกแก้ว เล่นลงมาดีดด้วยขนาดนั้น เรื่องนี้น่าจะไม่ใช่ปัญหาอะไรของเขาหรอก” คำพูดของเพลินวราทำเอาน่าคล้อยตามอีกแล้ว

“ไม่หรอก เพราะว่าวิถีของฉัน ไม่ได้มีแค่ดีดลูกแก้วนี่”

“ยังไงวะ แกจะทำยังไงต่อไป?” สู่ขวัญไม่ตอบ นอกจากยิ้มพรายอย่างมั่นใจ ว่ายังไงเขาก็ไม่น่าจะรับได้ ที่เธอเป็นคนแบบนี้!

เช้าวันต่อมาสู่ขวัญตัดสินใจขายเวรให้นายแพทย์โชติพัฒน์ พรมเวช  คนที่ยอมให้เธอขึ้นเวรแทน ในวันที่เธอหนีการร่วมรับประทานอาหาร ตามแผนการของสร้อยทอง

ซึ่งแน่นอนว่า นายแพทย์หนึ่งเดียวที่ยอมช่วยเหลือเธอทุกอย่างมาเสมอ ยอมให้เธอทำอย่างนั้น โดยไม่ถามถึงเหตุผลอื่นใด

“จะเอาอย่างนี้จริงเหรอลูกพี่” เด็กชายองศาเอ่ยถามอย่างรู้สึกไม่เห็นด้วย ใบหน้าแสดงความไม่สบายใจอย่างแท้จริง ตามประสาคนที่น่าจะโตที่สุดในกลุ่ม

“เออสิ รีบเร่งมือเข้า...ตรวจความพร้อมของกล้องด้วยนะ เราจะเริ่มกันสัก 11.00 น.” สู่ขวัญที่กำลังช่วยเด็กๆ ขนเชื้อเพลิงอย่างดีอย่างพวกกิ่งไม้แห้งต่างๆ มากองไว้สำหรับก่อไฟ ว่าด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ

“อ๋องเข้าใจนะลูกพี่ ว่าลูกพี่อยากจะให้เขาเห็นว่าลูกพี่เป็นผู้หญิงกะโปโลคนหนึ่ง ไม่ได้เพียบพร้อมหรือคู่ควรกับเขาเลยสักนิด แต่การทำแบบนี้ ก็เท่ากับว่าคนไข้ก็จะมองลูกพี่แบบนั้นเหมือนกันนะจ๊ะ” แม้จะกลัวว่าลูกพี่โกรธแค่ไหน แต่องศาก็ยินดี เพราะอยากให้เธอได้ทบทวนอีกสักนิด

“ข้าเข้าใจเอ็งนะองศา ว่าเอ็งน่ะ...กลัวว่าข้าจะเสียภาพลักษณ์ แต่ไม่เป็นไร ข้ามาคิดดีแล้ว ว่าภาพลักษณ์มันกอบกู้กันได้ ขอสนใจแค่ว่า ฝ่ายนั้นจะยอมยกทัพกลับไป ไม่ปักหลักที่อยากจะได้ข้าไปเป็นฐานคะแนนเสียงให้ตัวเองก็พอ”

สู่ขวัญเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกเด็กๆ ฟัง มาเสมอ เพราะสำหรับเธอ เด็กพวกนี้ไม่ใช่แค่เด็ก...แต่เป็นดังเพื่อน เป็นทุกอย่างที่สามารถไว้ใจได้

“เอาน่าพี่องศา สีน้ำว่าปล่อยให้ลูกพี่แกตัดสินใจเองเถอะ ว่าจะเอายังไงต่อไป แค่พวกเราได้อยู่เคียงข้างช่วยเหลือแกทุกอย่างใกล้ๆ ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว” เด็กหญิงสีน้ำเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก โตมากับยาย แต่มีทัศนคติและความคิดเป็นเลิศ

“ขอบใจมากนะสีน้ำ” พร้อมหันไปทางองศาที่ดูเหมือนหนักใจเหลือแสน

“ขอบใจมากนะองศาที่เป็นห่วงข้า” แล้วเด็กชายนำโชคและเด็กชายโพก็รีบพากันเดินเข้ามาสมทบ อย่างพร้อมให้กำลังใจ

“ก็ได้ลูกพี่ ยังไงพวกเราคอยช่วยอยู่เคียงข้างกันอย่างนี้ ก็คงไม่มีอะไรน่าห่วง อย่างที่สีน้ำว่าจริงๆ นั่นแหละ” แล้วองศาก็ยิ้มออก โดยมีสีน้ำทำเป็นวางท่ายักคิ้วให้ จนถูกนำโชคส่ายหน้าให้ ตามประสาคนไม่ถูกคอกัน

แต่แม้จะเป็นอย่างนั้น ทุกคนก็พากันแยกย้ายไปทำหน้าที่ เตรียมตัวถ่ายทอดสด เกี่ยวกับการเล่นกระโดดน้ำโชว์งมปลา ทำอาหารกลางป่า แบบไม่ต้องรักษาภาพลักษณ์!

ภาพเคลื่อนไหวของกลุ่มเด็กๆ ที่กำลังกระโดดน้ำกันตูมตาม มีเด็กโข่งที่ดูโตกว่าใครเป็นหัวโจก ถูกเผยแพร่ออกไปและได้รับการแชร์อย่างล้นหลามในโลกโซเชียล

โดยที่ถ้าไม่สังเกตดีดี จะไม่มีใครทราบเลยว่า เด็กโข่งคนนั้นไม่ใช่ผู้ใหญ่ไม่รู้จักโตธรรมดา แต่เป็นถึงแพทย์หญิงเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดังของจังหวัด

เหมันต์ส่ายหน้าออกมาช้าๆ เมื่อได้รับการส่งต่อมาจากวิรงรอง

‘ดูน้องทำสิ รู้ไปถึงไหน อายเขาไปถึงนั่น...เบี้ยวมื้อเย็นเราไปทีหนึ่ง คราวนี้มาทำเป็นสร้างเรื่องใหญ่ ป้านี่อยากจะเป็นลม’ ข้อความเชิงฟ้องที่เหมือนรู้กันมาตั้งแต่แรก ในความแปลกประหลาดของแพทย์หญิงสู่ขวัญ

‘แม่สร้อยทองก็เดือดเนื้อร้อนใจ ไม่รู้จะจัดการกับลูกสาวของตัวเองยังไงดี เหมช่วยหน่อยนะลูก ปรามน้องให้หน่อย เอาให้อยู่หมัด ขัดขืนอะไรไม่ได้ยิ่งดี!’

เหมันต์เลือกที่จะไม่ตอบข้อความเหล่านั้นของผู้เป็นป้า แต่มาสนใจการถ่ายทอดสดของวิดีโอที่ถูกแชร์มาแทน พร้อมยกหูหาเลขาหน้าห้อง

“ผมขอเลื่อนประชุมเป็นพรุ่งนี้” ก่อนเตรียมตัวออกไปจากบริษัททันที

“ลงทุนขายเวรออกขนาดนี้ ก็ต้องสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย” เขารู้ว่าวันนี้เธอเวรอะไร ต้องมีหน้าที่ทำอะไร การที่จะมาเห็นเธอไปโผล่ที่วังน้ำวนของหมู่บ้านได้ เธอก็ต้องเป็นคนจงใจเท่านั้น

“โห คนดูเยอะมากลูกพี่...เกือบสี่ร้อยคนแหนะ!” เด็กชายโพว่าอย่างตื่นเต้น จนคนอื่นๆ ต้องโผล่หน้าเข้ามาดู ยกเว้นลูกพี่อย่างสู่ขวัญ ที่กำลังเลือกปลาจากที่หว่านแหโชว์ใส่กล้องไป

ใช่...เธอทำมันเป็นทุกอย่างและสอนเด็กๆ ให้ทำเป็นด้วย

“เออ ให้มันเป็นธรรมชาติ อย่าไปโต้ตอบพวกเขา” เอาจริงๆ พอทำลงไปแล้วจริงๆ เธอก็แอบแคร์เหมือนกันนะ แคร์จนไม่กล้าเปิดเครื่องโทรศัพท์

ที่ถ่ายทอดสดอยู่นั่น เธอก็ซื้อใหม่มาโดยเฉพาะ สร้างบัญชีใหม่โดยเฉพาะ เพื่อการนี้โดยเฉพาะ!!

“มีคนสงสัยด้วยลูกพี่ ว่าใช่ลูกพี่รึเปล่า” โชคดีที่ช่วงนี้เด็กๆ ปิดเทอม ไม่อย่างนั้น คงไม่มีใครมาทำอะไรเป็นเพื่อนเธอ ในวันธรรมดาแบบนี้หรอก

“เออ ก็บอกแล้วไง ว่าอย่าไปตอบโต้” ว่าอย่างนั้น พร้อมกระโดดตูมลงไปในน้ำอีกรอบ ก่อนว่ายวนไปมา อย่างเริ่มไม่สบายใจว่า ที่ลงทุนไปนี่คุ้มค่าหรือไม่

สู่ขวัญก็อย่างนี้ เธอมีข้อเสียคือ ใจเร็วด่วนได้ ชอบทำไปก่อนแล้วค่อยแก้ไข้ทีหลัง เหมือนเรื่องโรงพยาบาล...ที่ทำให้ขาดทุนในช่วงแรก จนกว่าจะกอบกู้คืนมาได้ ก็ใช้เวลาหลายปี

“คะ...คุณ?” ร่างสูงใหญ่ที่ปรากฏกายแบบนิ่งๆ เดินออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ ในสภาพเสื้อยืดกางเกงบอลขาสั้นสีขาว

กล้ามเนื้อแน่นของเขา ถูกดันจนพอดีกับเนื้อผ้า จนเด็กหญิงสีน้ำตากะพริบถี่ เอามือปิดปากตัวเองอัตโนมัติ เพราะเขาส่งสัญญาณว่าให้ทุกคนเงียบ

“ฉันให้คนละร้อยไปซื้อขนม ออกไปจากตรงนี้ก่อน” เหมันต์ว่าเสียงเบา โทนนุ่ม หากแต่องศารีบส่ายหน้า

“ไม่ได้ครับ พวกเราไม่มีวันทรยศลูกพี่” ตอบกลับตามตรง ด้วยน้ำเสียงปกติ มองไปยังวังน้ำ ที่ไร้ร่างสู่ขวัญ เธอน่าจะดำดิ่งลงไปข้างล่าง ตามแบบที่ชอบทำปกติ

ซึ่งน้ำก็ลึกพอสมควร โอกาสที่จะได้ยินว่าข้างบนเกิดอะไรนั้น ยากยิ่ง

“อาฮะ เยี่ยมมาก” เขากล่าวชมอย่างไม่เดือดร้อน มองไปยังผืนน้ำนิ่งบ้าง จนโพผู้กลัวในความสูงใหญ่และชื่อเสียงในแง่ไม่ดีของเขา ถึงกับเลิกลัก

“ลูกพี่กลับไปแล้ว ไม่มีใครอยู่หรอก คุณกลับไปเถอะ”

“ไอ้โพ โกหกอะไรก็ให้มันเนียนหน่อย เขาน่าจะเห็นตอนลูกพี่กระโดดลงไปแล้ว อย่าลืมสิว่าพวกเราไลฟ์สดกันอยู่นะ” นำโชคว่าตามตรงอย่างพาซื่อ หากแต่ก็มีความเป็นไปได้สูง

“เอ่อ คุณมีธุระ อะไร กับ ลูก พี่ เหรอ คะ” แต่คนที่ตะกุกตะกักตั้งแต่ต้นอย่างสีน้ำ กลับพูดได้เป็นคำๆ จนนำโชคต้องส่ายหน้า

“มีก็แล้วกัน” เขาทำเป็นกวนไปอย่างนั้น พร้อมเดินไปยังขอบทรายริมน้ำ มองประเมินว่าเธอลงไปนานเกินหรือเปล่า

“ลูกพี่ไม่เป็นอะไร แกดำน้ำเก่ง คุณไม่ต้องห่วงหรอก” เหมือนองศาจะอ่านใจเขาออก รีบบอกพร้อมวิ่งเข้ามาขวาง

เหมันต์พยักหน้าอีกครั้ง พร้อมยกนิ้วโป้งให้

“เยี่ยมเลยไอ้หนู” และเอื้อมมือไปวางบนศีรษะเด็กชายเชิงเอ็นดู ก่อนผลักให้หลบไปอย่างรวดเร็ว และกระโดดลงน้ำไปจนเกิดเสียงอันดัง

ตูม!!!

“เฮ้ย!” เด็กๆ ตะโกนออกมาพร้อมกัน อย่างตกใจ ก่อนมองไปยังกล้องที่ยังคงถ่ายทอดสดอยู่

“ไปปิดกล้องเร็ว!” องศาผู้เซเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกลับล้ม รีบตะโกนบอกนำโชคให้ช่วยจัดการ
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel