บท
ตั้งค่า

9 ก็คอยดู ว่าใครจะเอาใครอยู่กันแน่

“อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง” วาวารีบจดข้อมูลสำคัญลงบนสมุดบันทึกของตัวเอง ตามด้วยทีมงานทุกคนที่รีบพากันพยักหน้า หลังจากได้ฟังข้อมูลประกอบผังการอธิบายบนจอโปรเจคเตอร์ไปพร้อมๆ กัน

“การโค้ชชิ่งในเคสที่ไม่เต็มใจ สิ่งสำคัญก็คือต้องเนียนเข้าไปทำความรู้จักพวกเขา แต่กรณีนี้...เจ้าตัวรู้แล้ว ว่าจะถูกโค้ชชิ่งแน่ๆ การเนียนจึงไม่จำเป็น แต่ต้องใช้การตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกแทน”

จันทร์คืนแรมยืนเต็มความสูง บนรองเท้าส้นเข็มคู่โปรด รับกับชุดสูทสีแดงช้ำ ไล่โทนสลับดำ ส่งให้เธอดูสง่าผ่าเผย

แววตามุ่งมั่นของเธอ ทำเอาทุกคนในห้องประชุมพลอยหายกังวลไปด้วย

“หน้าที่ทุกคนก็คือการจัดฉาก ที่จะทำให้ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน...พอจะทำได้กันใช่ไหม งานนี้ยากหน่อยแต่เราจะไม่ถอยแน่นอน”

“ทำได้แน่นอนค่ะ เราจะไม่ถอยเด็ดขาด” ปานสุดาว่าอย่างมั่นใจ ฉีกยิ้มกว้างส่งให้ผู้เป็นเจ้านายเชิงขอบคุณที่รับทำงานนี้ เพราะตั้งแต่ทีแรกเธอกับเหมือนภพ กลัวเหลือเกินว่าจะมองหน้าเหมือนวาดและเพ็ญแขไม่ติด

โดยที่ยังไม่มีใครสักคนเลยที่ทราบว่า ทั้งโค้ชและผู้ที่จะถูกโค้ชต่างเคยมีความหลังในอดีตร่วมกันมา

“ขอบคุณทุกคนมากนะคะ ถือว่าการประชุมในวันนี้ ขอสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้ก่อน สวัสดีค่ะ” กล่าวเป็นทางการปิดท้าย ก่อนลอบถอนหายใจในแผนการต่างๆ ที่ทุกคนนำเสนอให้ถูกวางช่วยกัน

มืออาชีพ มืออาชีพ...

พร้อมกับพยายามท่องคำนี้ให้ขึ้นใจ ท่องให้มัน ค้ำคอ ตัวเองให้ถึงที่สุด ตลอดเวลาที่จะต้องทำภารกิจสำคัญ!

“ผมดีใจมากเลยนะครับ ที่คุณเสี้ยวให้เกียรติออกมาเยี่ยมชมธุรกิจเปิดใหม่ของผม” อดีตลูกศิษย์เมื่อหลายปีก่อน จากคนที่เคยเหลวไหล กลายเป็นคนประสบความสำเร็จ ต้อนรับขับสู้จันทร์คืนแรมเป็นอย่างดี

หลังจากที่เธอตกลงยอมรับการนัดหมายของเขาเป็นครั้งแรก หลังจากการโค้ชชิ่งได้สิ้นสุดลง

“เสี้ยวยินดีกับคุณพอลมากเลยนะคะ ร้านไปได้ดีเลย เห็นล่าสุด มีคนรีวิวเยอะมาก ว่าบรรยากาศดี อาหารอร่อย” พัฒนา วิเศษวงศ์ ยิ้มใส่ตาเธอ พร้อมยื่นส้อมจิ้มเนื้อปลากะพงอบกรอบชิ้นพอดีคำ ส่งมาตรงหน้า

“คุณเสี้ยวลองชิมดูสิครับ แล้วรีวิวให้ผมฟังด้วย ว่าจริงอย่างที่เขาว่ากันรึเปล่า” พัฒนาเป็นคนเจ้าชู้ มีความสามารถในการทำให้ผู้หญิงเคลิบเคลิ้มมาหลายราย ยกเว้นผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเขานี้

เขาหยอดเธอมาหลายปี ตั้งแต่ตอนโค้ชด้วยกัน ยันปัจจุบัน...ทุกครั้งที่เขามีโอกาส

“ได้ค่ะ” เธอยิ้มหวานตอบกลับ ก่อนเมินชิ้นปลาที่เขาจิ้มใส่ส้อมมาให้ มองไปยังจานที่มีอาหารชนิดอื่นวางอยู่ พร้อมตักรับประทานอย่างใจเย็น จนฝ่ายนั้นต้องจับส้อมเก้อและยื่นมันเข้าปากตัวเองไป

“อื้อหือ อร่อยสมคำล่ำลือจริงๆ ค่ะ...อร่อยทุกเมนูเลย” แล้วเธอก็จัดการชิมจนครบ ด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ไม่ได้สนอาการแห้วกินของพัฒนาเลยสักนิด

“เฮ้ย ทางนี้...ไอ้ทินทางนี้!” เสียงของพัฒนาดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักที่นัดกันเอาไว้ เดินเข้ามาในร้านพร้อมมองหาเขาแบบไม่คุ้นชินเท่าไหร่

เพราะร้านนี้เปิดใหม่ได้ไม่นาน แล้วทินกรเพิ่งจะมีเวลาแวะมาเยี่ยมเยียนเขา

“เดี๋ยวผมขอตัวไปรับเพื่อนก่อนนะครับ”

“ได้เลยค่ะ” จันทร์คืนแรมว่าพร้อมมองตามไปยังสายตาของพัฒนา แต่ไม่ได้มองจนได้สบตากับผู้มาใหม่

หนุ่มเจ้าของร้านบอกเธอตั้งแต่แรกแล้วแหละ ว่าวันนี้เขามีแขก ซึ่งเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เต็มใจที่จะนั่งรับบรรยากาศที่ร้านคนเดียว แต่มีหรือที่คนเฝ้ารอโอกาสที่จะได้นั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับเธอจะยอมพลาดโอกาส

เขาขอพาเพื่อนมาร่วมโต๊ะกับเธอด้วย ซึ่งเข้าแผนที่วางเอาไว้แบบเป๊ะๆ

ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนระหว่างทินกรกับพัฒนาแน่นแฟ้น สมัยไปเรียนที่นิวยอร์กตามข้อมูลของเหมือนวาดที่ได้ให้ไว้

เหมือนสวรรค์ส่งทางมาให้ จากการที่โค้ชเสี้ยวเป็นบุคคลผู้กว้างขวาง หรือถึงแม้ว่าเธอจะไม่กว้างขวาง ก็จะหาทางเข้าจนได้

“นะมึงนะ...คือว่ากูแอบปลื้มเขามานานแล้ว มึงช่วยไปนั่งร่วมโต๊ะกับเขาเป็นเพื่อนกูหน่อย” คนที่ยังไม่เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครถอนหายใจออกมาเชิงเบื่อ

“มึงนี่ปลื้มผู้หญิงเยอะเนอะ”

“เฮ้ยๆ ไม่เลยไม่ คนนี้กูปลื้มกว่าใครเลยและเขาไม่เคยจะเล่นด้วยสักที อาจจะเป็นเพราะว่ากูดูไม่มีหลักมีฐานสักที กูว่าคราวนี้เขามาเพราะกูดูมีหลักฐานขึ้นแน่ๆ” ทีท่าดีใจจนออกนอกหน้านอกตาของเพื่อนรัก ทำเอาทินกรปฏิเสธไม่ลง ตามประสาคนขี้ใจอ่อนเป็นทุนเดิม

“เออ ไปก็ไป” แล้วทินกรก็ถูกเพื่อนชาย นำพาไปยังโต๊ะโซน VIP ด้านในสุด อย่างเสียไม่ได้

“ขอโทษที่ทำให้รอนานนะครับคุณเสี้ยว” และทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นได้หันมายังสองหนุ่ม ความบึ้งตึงก็พลันปรากฏบนใบหน้าของทินกรทันที

“ไม่นานเลยค่ะ ดิฉันรอได้” คนตอบกลับอย่างเป็นทางการ พร้อมมองเลยพัฒนาไปยังคนใบหน้าบึ้งตึง...ที่จ้องเธอด้วยแววตาเขม็ง

แววตาของเขาบอกให้เธอทราบว่า ไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความแล้ว เขารู้เช่นเห็นไส้เธอจนหมดพุง...

“นี่ไอ้ทินครับหรือว่าทินกร เพื่อนรักของผมเอง สนิทกันมากๆ สนิทกันจนรู้ทุกเรื่องของกันและกัน เฮ้ย ไอ้ทิน นี่โค้ชเสี้ยวที่กูเคยเล่าให้มึงฟังบ่อยๆ รู้จักโค้ชเขาไว้ โค้ชเขาดังมากเลยนะเว้ยตอนนี้”

พัฒนาร่ายยาว แบบไม่ได้รับรู้เลยว่า ตอนนี้เพื่อนรักของตนกำลังมีอาการอย่างไร เพราะมัวแต่สนใจรอยยิ้มหวานฉ่ำของจันทร์คืนแรม ที่มอบมาให้ตนสลับกับการมองไปยังเพื่อนตน เป็นระยะ

“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณทินกร” หนุ่มร่างสูงผู้เข้ามาใหม่ ในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนขากระบอก ไม่ตอบรับด้วยอากัปกิริยาใดๆ มีเพียงแววตาเขม็งที่จ้องเธอเท่านั้น ที่แสดงถึงการรับรู้การมีตัวตนของเธอ จากเขาได้

“เฮ้ยไอ้ทิน ทำไมเสียมารยาทวะ ไม่ตอบคุณเสี้ยวเขา” ทินกรไม่สนใจคำพูดของเพื่อนรัก ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้สักตัวด้วยทีท่าบึ้งตึงนั่นแหละ

จนพัฒนาต้องเกาหัวแกรก ทรุดนั่งลงตามบ้าง ก่อนมองไปยังจันทร์คืนแรม เชิงขอโทษแทนเพื่อนชาย

“ร้านอาหารร้านนี้ เป็นไปตามความตั้งใจของคุณพอล หลังจากที่ไม่เคยรู้มาตลอด ว่าตัวเองอยากจะทำอะไร ดิฉันยินดีด้วยมากๆ จากใจจริงๆ นะคะ” และเธอก็ทำเป็นไม่สนใจผู้มาใหม่ ชวนพัฒนาคุยนั่นนี่ ราวกับไม่มีทินกรอยู่ตรงนี้ด้วย

“ไอ้พอล น้ำแข็งหมด” จนรายนั้น ต้องเป็นฝ่ายเรียกร้องความสนใจแทน

“อ้าวเหรอ เออๆ เดี๋ยวกูเรียกลูกน้องเอามาเพิ่ม”

“มึงนั่นแหละ ไปเอามาเอง กูไม่อยากรอ”

“เฮ้ย มึงจะบ้าเหรอ กูเป็นเจ้าของร้านนะเว้ย จะให้ไปหยิบน้ำแข็งมาเสิร์ฟด้วยตัวเองเนี่ยนะ” แล้วพัฒนาก็หันไปมองหน้าจันทร์คืนแรมเชิงรู้สึกผิด

เพราะเธอเคยสอนเขาเรื่องอย่าถือตัว และดูถูกตำแหน่งงานใดๆ ในกิจการของตัวเอง เพราะคนอย่างพัฒนาเป็นคนมีอีโก้สูงจากฐานะและชาติตระกูล และสิ่งนั้นคือตัวขัดขวางความสำเร็จ เพราะมันทำให้เขาอ่านเกมธุรกิจไม่ขาด

“เออ รอเดี๋ยว เดี๋ยวกูไปเอามาให้”

“รอสักครู่นะครับคุณเสี้ยว” จันทร์คืนแรมยิ้มหวานให้เขาและพยักหน้า พร้อมทำเป็นขีดเขียนอะไรลงไปบนหน้าจอ I-pad ของตัวเอง เหมือนการมาครั้งนี้เธอมาด้วยเรื่องงานล้วนๆ

“คิดว่าทำแบบนี้แล้วมันจะได้ผลเหรอ” ทินกรเข้าเรื่องทันที เมื่อพัฒนาเดินไปได้ไกลจากระยะโต๊ะ

แววตาคมกล้าจดจ้องไปยังดวงหน้าใส ที่แต่งแต้มเครื่องสำอางสีโทนอ่อนสบายตา ค่ำนี้จันทร์คืนแรมอยู่ในชุดเดรสระบายสีชมพูอ่อนสดใส สายเสื้อเส้นเล็กตัดกับปลีไหล่สีขาวให้ผ่องขึ้น จนเธอยิ่งสวยผุดผาด

“ใช่ ถ้าไม่คิดว่ามันจะได้ผล ก็คงไม่ทำแน่ๆ” เธอยิ้มใส่ตาเขา ใช้ริมฝีปากคาบหลอดสีขาวในแก้วน้ำส้ม ออกแรงดูดเบาๆ แบบไม่ยอมละสายตาจากดวงตาของเขา จนสันกรามได้รูป ต้องขบแน่นเข้า

“ไม่มีประโยชน์”

“อย่าคิดว่าคนอื่น เขาจะเป็นเหมือนนายสิ ทำอะไรลงไป ก็ดูจะไร้ประโยชน์” ดวงตาคมกล้าเข้มขึ้น มองเธออย่างเอาเรื่อง แต่ก็ยังคงใจเย็นพอที่จะไม่แสดงทีท่าเดือดร้อน

“ฉันรู้ว่าคนอย่างนาย ไม่ได้อยากจะใช้ชีวิตไปวันๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองหรอก ทั้งหมดที่นายทำไป ก็ทำเพราะคนสำคัญในหัวใจนายก็เท่านั้น” แววตาคมกระตุกวูบ มองเธอเชิงไม่เข้าใจในความหมาย

“ฉันแค่อยากจะบอกนายว่า ทั้งหมดที่นายเลือกทำ มันจะไม่เกิดประโยชน์อะไรใดๆ ทั้งสิ้น...”

“อย่าพยายามเลย เหนื่อยเปล่า” ทินกรขัดขึ้นเชิงตัดบท ท่าทีของเขาดูจะหงุดหงิดไม่น้อย จนคนที่ยังทำท่าสบายๆ ยิ้มกว้าง

“ถ้านายมั่นใจว่ามันจะไม่มีประโยชน์อะไร แล้วทำไมต้องเดือดร้อนด้วยล่ะ” จันทร์คืนแรมจ้องเข้าไปในดวงตาคมกล้าคู่นั้นอีกครั้ง

“ถ้าทุกอย่างที่ฉันทำ มันจะไม่มีผลอะไร นายก็ไม่เห็นจะต้องสนใจเลย”

“ฉันไม่อยากให้เธอดึงใครเข้ามายุ่งด้วยต่างหาก” จันทร์คืนแรมหัวเราะคิกคักออกมา

“แสดงว่ามันได้ผลอยู่สินะ” ชายหนุ่มย่นคิ้วเข้า ไม่คิดว่าวิธีโค้ชชิ่งที่เธอเลือกใช้ จะคือวิธีดื้อด้านนี้

“นี่เหรอ วิธีของโค้ชมือหนึ่ง” เขาส่ายหน้าให้ แววตาไร้ซึ่งความนับถือ

“อื้อ...กำลังรำคาญใจล่ะสิ กำลังรำคาญใจมากๆ เลยใช่ไหม ความรู้สึกที่กำลังควบคุมใครสักคนไม่ได้ มันรำคาญใจมากไหมล่ะ” คราวนี้เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังบ้าง รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้า

“มันไม่ใช่เรื่องของเธอ”

“เรื่องชาวบ้านคืองานของฉัน ฉันจะต้องยุ่งในเรื่องที่มีคนอยากจะให้ยุ่งเสมอ” สองดวงตาจ้องกันแบบไม่มีใครยอมใคร ทั้งๆ ที่อีกคนหนึ่งใจเต้นแรงขึ้น

ความดุจากแววตาคมกล้า ทำเอาหญิงสาวตัวสั่นพร่า แต่ก็ต้องพยายามซุกซ่อนมัน

“รอนานกันไหม คุยอะไรกันอยู่เอ่ย” และน้ำเสียงขัดจังหวะก็ได้ดังขึ้น จันทร์คืนแรมรีบผินหน้าไปทางอื่น เพื่อปรับอารมณ์

“ไม่นานเลยค่ะ ไม่ทราบว่าห้องน้ำไปทางไหนเหรอคะคุณพอล” จันทร์คืนแรมตั้งใจที่จะเลี่ยงออกไป โดยพัฒนาได้อาสาไปส่ง และเธอก็อนุญาตให้เขาพาไปเสียด้วย

ปล่อยให้ทินกรนั่งขบสันกราม ไม่สบอารมณ์กับการที่เธอเอาตัวเข้ามาป่วนกับสังคมของเขา

พัฒนาเป็นเพื่อนที่เขาสนิทด้วยมากที่สุด ตั้งแต่ไปเรียนที่นิวยอร์กด้วยกัน ข้อมูลพวกนี้เหมือนวาดรู้ดี แม้จะไม่รู้ทั้งหมด ว่าเขาสนิทกันในเรื่องไหน

ทินกรไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไรยังไงต่อไปบ้าง นั่นแหละคือสิ่งที่กระตุ้นให้เขายิ่งหงุดหงิด

“คือยังไง จะยั่วให้หึงว่างั้น” เมื่อจันทร์คืนแรมและพัฒนาหายไปเข้าห้องน้ำกันนานสองนาน จนเขาต้องออกจากโต๊ะมาตามหา และก็พบว่า เธอกำลังยืนอยู่มุมพักผ่อนของร้าน โดยมีพัฒนาคอยยืนเอาอกเอาใจ

แต่เมื่อเขามาถึง พัฒนาก็ถูกเรียกไปต้อนรับลูกค้าอีกโซนหนึ่ง ทินกรก็ใช้โอกาสนั้นเข้าหาเธอต่อในทันที

“เดี๋ยวนะ...หึง? ฉันต้องมีข้อมูลชุดไหน ฉันถึงคิดว่าทำไปแล้วคุณจะหึง” แววตาใสของเธอ แสดงความใสบริสุทธิ์ที่เขารู้ว่าไม่ได้บริสุทธิ์

“จริงอยู่ที่เราสองคนเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน รวมไปถึงฉันเคยคิดกับนายเกินเพื่อน แต่นั่นมันผ่านมาตั้ง 10 ปีแล้ว ฉันไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว นายสบายใจได้เลยนะ...ว่าทั้งหมดที่ฉันทำไป เป็นหน้าที่การงานล้วนๆ ไม่มีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องแน่”

จันทร์คืนแรมแสดงความจริงใจด้วยการพูดเปิดอก แววตาของเธอคงมั่น ไม่ได้มีแวววูบไหวอื่น ให้เห็นแม้สักแวว ส่งผลให้สายตาคมกล้าทอแสงอ่อนลง

“ขอให้นายสบายใจได้จริงๆ”

“ถ้ามันเป็นอย่างนั้นก็ดี สบายใจขึ้นมากเลย” แล้วมุมปากหยักก็ยกยิ้ม แววตาใสที่เคลือบฉาบเอาไว้ด้วยคำว่า ‘มืออาชีพ’ ถึงกับสะดุดเล็กน้อย

“ทีแรกก็รู้สึกลำบากใจ คิดว่าเธอยังคิดอะไรด้วยอยู่ พอรู้แบบนี้ โล่งใจขึ้นมาเยอะมากจริงๆ” ทินกรสื่อสารออกมาอย่างที่พูดแบบไม่ได้ซุกซ่อนอะไรไว้ นั่นแหละ มันยิ่งส่งผลต่อหัวใจดวงน้อย ที่พยายามจะข้ามผ่านทุกความรู้สึกอย่างยากเย็น

ไม่ได้นะเสี้ยว ไม่ได้นะ...ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร แกต้องเข้มแข็ง เก็บน้ำตาที่เริ่มรื้นในลำคอ กลืนมันลงไปเดี๋ยวนี้!

“ถ้าอย่างนั้น อยากจะทำอะไรก็ตามสบายเลย” ทินกรเดินหันหลังกลับไปยังโต๊ะอาหาร ปล่อยให้เธอยืนนิ่งอยู่นานสองนาน ก่อนที่จะขยับตัวไปทางอื่นได้

“คนหลงตัวเอง คนบ้า...ฮึ่ย” เธอตั้งใจเอาไว้ ว่ายังไงก็จะไม่ยอมกลับไปแตะต้องเรื่องราวเก่าๆ แต่ดูเขาสิ เขานั่นแหละที่เข้าเรื่องแบบไม่รอปี่รอขลุ่ย เธอก็เลยต้องอาจหาญพูดถ้อยคำพวกนั้นออกไปเหมือนไม่ได้สะทกสะท้าน

ทั้งๆ ที่... โคตรสะท้าน

“คุณเสี้ยวครับ ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ...เหงาไหม” และความเป็นมืออาชีพก็ทำให้เธอจำต้องกลืนทุกความรู้สึกลงไป

“ไม่นานเลยค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ เรียบร้อยไหม” คนมืออาชีพถูกแทนที่ด้วยน้ำเสียงหวานจ๋อย ราวกับไม่มีเรื่องราวก่อนหน้าเกิดขึ้น

กิริยาทุกอย่างของเธอ ตกอยู่ในสายตาคมกล้าที่เจือด้วยรอยยิ้มบางๆ

ก็คอยดู ว่าใครจะเอาใครอยู่กันแน่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel