INTRO
ตุ๊บ
เสียงคนตัวเล็กที่ถูกโยนลงบนเตียงใหญ่ภายใต้โรงแรมหรูและเป็นห้องพักของชายหนุ่มร่างใหญ่ท่าทางโกรธเกรี้ยว
เขาแบกเธอขึ้นแทบบ่าแล้วเดินขึ้นมาบนห้องแบบไม่สนสายตาใครทั้งสิ้น กรรย์พยายามดิ้นและโวยวายแต่ก็ไม่กล้าเสียงดังเพราะอายคนอื่น จึงได้แต่ระดมทุบตีไปที่ตัวเขาเพียงแค่นั้น แต่มันไม่ได้ทำให้เขาเจ็บมากจนอยากจะปล่อยเธอ
“นี่จะทำอะไรน่ะ คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไงคะบอส”
หญิงสาวตะคอกเขาด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว สายตาพยายามมองหาทางหนีทีไล่เพื่อที่จะวิ่งออกไปจากที่แห่งนี้แต่คนฉลาดอย่างเธอรู้ดีว่าไม่มีทางหนีเขาพ้นจึงเลือกที่จะคุยกับเขาก่อน ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากัน เธอค่อนข้างสั่นเทาและมองเขาด้วยท่าทีวิตก
“อยากได้ผู้ชายถึงขนาดออกไปร่านขนาดนั้น ผมก็กำลังจะสนองให้คุณอยู่นี่ไง”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและท่าทีของเขาเปลี่ยนไปไม่เหลือเค้าของเจ้านายไม่ได้เรื่องที่คอยตามใจเธอมาตลอด ร่างใหญ่เคลื่อนตัวเองเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ แล้วจับแขนของเธอทั้งของข้างไว้แน่นสายตาที่มองเธอดูเกรี้ยวกราดราวกับกำลังอยากฆ่าใครสักคนอยู่
“มันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉันนะคะบอส คุณไม่มีสิทธิ์…อุ๊บ อื้อ อื้อ”
ไม่รอให้เธอพูดจบก็ประกบริมฝีปากหนาไปกลืนคำพูดที่ชวนหงุดหงิดพวกนั้นลงคอไปซะด้วยการบดจูบร้อนแรง ขุ่นเคือง มือหนาช้อนศีรษะของเธอขึ้นและนิ้วมืออีกข้างกบีบปากเธอออกเพื่อสอดลิ้นเข้าไปละเลงจูบบ้าคลั่ง ก่อนจะถอนจูบออกมาเมื่อเวลาผ่านไปนานนับนาที
ครั้นเมื่อถอนริมฝีปากออก เขาก็เค้นเสียงลอดไรฟันอย่างนึกโมโห
“คุณเป็นของผมแล้วตั้งโอ๋ ผมคนเดียวที่มีสิทธิ์ในตัวคุณผมไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร”
เขามองมายังดวงตากลมโตท่าทางจริงจังและเกรี้ยวกราด อารมณ์หวงของของเขาเกิดขึ้นมาอย่างหยุดไม่อยู่
“เหอะ ถ้างั้นคุณก็ไปหาคนอื่นมาใช้แทนฉันสิคะ เพราะอย่างที่บอกฉันมั่วผู้ชายเป็นสิบ”
คำพูดและท่าทียโสของเธอทำเอาชายหนุ่มที่หัวเสียอยู่แล้วกลับยิ่งโมโหไปกันใหญ่ จนแทบคุมสติตัวเองไม่ได้
“ชอบเป็นของสาธารณะรึไง”
“เออ ชอบ แล้วนี่ก็ร่างกายฉันชีวิตฉัน ฉันจะทำตัวยังไงก็เรื่องของฉัน ถ้าไม่ถูกจริตคุณ คุณก็ไปหาคนอื่นกินแทน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“อ้อ ชอบเป็นกะหรี่สินะ”
เขาด่าสาดเสียเทเสียด้วยความโมโห ร่างเล็กตกใจกับคำพูดของเขาจนตาเบิกโพลง หัวใจเหมือนมีใครเอามีดมาปักลงไป ถึงแม้จะพูดว่ามั่วผู้ชายเป็นสิบออกมาจากปากเองก็ตาม แต่ได้ยินแบบนี้มันก็...
“ใช่ ฉันมันกะหรี่ เพราะงั้นเลิกมาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของฉันได้แล้ว ไอ้คนเฮงซวย”
เลขาคนงามด่ากลับ แต่มันก็ไม่ได้รุนแรงมากพอที่จะหยุดความโมโหหรือเรียกสติคนตัวโตขี้โมโหกลับมาได้แม้แต่น้อย
เมื่อคนงามกำลังจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกมา หัวใจของเธอที่เหมือนโดนมีดกรีดลงไปกับคำพูดร้ายๆ ของเขา แต่เธอก็ต้องพยายามกลั้นน้ำตาไว้สุดใจเพื่อไม่แสดงให้เขาเห็นว่าคำพูดของเขามันทำร้ายจิตใจเธอมากขนาดไหน
“ใครให้คุณไป”
มือหนาคว้าแขนเล็กไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเจือไปด้วยความหงุดหงิด
“ทำไมต้องให้คุณอนุญาต”
เธอมองหน้าเขาด้วยท่าทีก้าวร้าว ตอนนี้ดวงตาเริ่มร้อนและเธอกลัวว่าจะมีน้ำใสๆ รินรดออกมาจึงหลบตาเขาทันที
“หึ คุณน่าจะดีใจนะตั้งโอ๋ ที่ผมอัพเกรดของสาธารณะแบบคุณขึ้นมาเป็นนางบำเรอของผม”
น้ำตาที่เก็บกลั้นไว้ถูกปลดปล่อยออกมาไหลลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก เมื่อได้ยินคำพูดสุดร้ายกาจของเขา
เพี๊ยะ
ฝ่ามือน้อยๆ เข้าไปประทับที่ใบหน้าคมคายอีกครั้ง
“ไอ้คนเฮงซวย”
“จะนอนให้เอาดีๆ หรือจะให้จับมัด”
ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทีจองหองและทำตัวเหมือนผู้คุมเกม
“มากเกินไปแล้วนะ”
เธอกัดฟันกอดมองสีหน้าโกรธแค้นแล้วพยายามสลัดตัวเองให้หลุดจากเขา
“อยากให้มัดสินะ”
เขายกยิ้มเย้ยหยันแล้วเริ่มปลดเนกไทของตัวเองออก เมื่อได้เนกไทมาไว้ในมือเขาก็มัดมาที่ข้อมือเธออย่างรวดเร็วแล้วมัดเธอติดกับเตียงอีกครั้ง
ร่างบางสั่นเทิ้มแล้วส่ายหัวไปมาน้ำตาเริ่มรินไหลและร้องบอกคนตัวโตด้วยเสียงสั่นเครือ
“ได้โปรดอย่าทำแบบนี้ อย่า…”
เธอพยายามดิ้นหนีจากพันธนาการแต่ไม่เป็นผลร่างใหญ่มัดไว้แน่นจนเกินไป เมื่อเขาแทรกตัวมาอยู่ตรงกลางระหว่างขาของเธอ ร่างเล็กก็ถอดครูดไปจนติดหัวเตียง แต่ก็ไม่ได้ไกลเกินกว่าที่อีกคนจะตามมาได้
ปั๊ก…ฝ่าเท้าถีบเข้ามาเต็มๆ ยอดอกแต่มันก็ไม่ได้แรงพอให้เขาสะทกสะท้าน แถมอีกคนยังดูเหมือนจะชอบใจ รอยยิ้มผุดที่มุมปากใบหน้าคมคาย
"หึ มือหนักแล้วตีนยังหนักอีกสินะ สงสัยต้องมัดเท้าทั้งสองข้างไว้ด้วยแล้วมั้ง"
