3
ถ้าเอาไปขายซ่องน่าจะได้หลายตังค์ สวย ๆ แบบนี้รับรองว่าลูกค้าติดตรึม ถึงจะไม่ซิงแล้ว แต่ก็ยังสวยใสและยังเด็กมาก ลูกค้าบ้ากามชอบเด็ก ๆ แบบนี้แหละ โกหกไปว่าอายุสิบห้ายิ่งหน้ามืด ปานวาดคิดอย่างมาดร้าย
“ถ้าหนูทำแบบนั้นก็เท่ากับทรยศหักหลังเสี่ยน่ะสิคะ เพราะพี่สาวของหนูก็ทรยศหักหลังเสี่ยไปแล้ว จะให้หนูทำแบบนั้นอีกคนหรือคะ” แต่แผนของเธอล่มไม่เป็นท่าเพราะการปฏิเสธของคนตรงหน้า
“สรุปว่าเธอจะไม่ไปใช่ไหม เห็นท่าทีดูเรียบร้อยที่แท้ก็ร่านแรดอยากจับผู้ชายรวย ๆ เขาจะแต่งงานก็ยังจะหน้าด้านเป็นเมียเก็บของเขาอยู่ได้ เธอนี่มันไร้ยางอายสิ้นดี”
มยุรินสะอึก เธอไร้ยางอายจริง ๆ เพราะรักเขามากจึงเป็นแบบนี้ รักมากก็ไม่อยากจากเขาไป
“ถ้าคุณชัชไล่หนูไป หนูจะไปค่ะ ชีวิตของหนูเป็นของคุณชัชค่ะ ถ้าเขารักคุณจริง คุณไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ ยังไงเขาก็ต้องเลือกคุณอยู่แล้วค่ะ”
“นี่แกจะหมายความว่า แกสำคัญจนเขาไม่กล้าไล่แกไปไหนอย่างนั้นเหรอ”
“หนูเปล่านะคะ”
“แกจะหาว่าฉันไม่สำคัญพอใช่ไหม” ปานวาดเสียงเข้ม รู้อยู่เต็มอกถึงสถานะของตนเอง
“ไม่ใช่นะคะ พวกคุณกำลังจะแต่งงานกันก็ต้องรักกัน หนูไม่ได้สำคัญขนาดที่จะไปเทียบกับคุณ ยังไงคุณชัชก็ต้องเลือกคุณอยู่แล้ว แต่หนูจะไปจากคุณชัชได้ก็ต่อเมื่อคุณชัชไล่หนูไปเองค่ะ ไม่อย่างนั้นคุณชัชจะตามล่าหนู ไม่ว่าหนูจะหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว คุณชัชบอกว่าจะตามไปฆ่าหนูให้ตายคามือ หนูไม่อยากตายอย่างอนาถแบบนั้นค่ะ” มยุรินพูดเสียงสั่น พลางสะอื้นออกมา ทำให้ปานวาดถึงกับอึ้งไป แต่เธอพยายามคิดว่าเด็กสาวตรงหน้ามารยาสาไส เป็นข้ออ้างทั้งนั้นที่จะเกาะติดคู่หมั้นของเธออยู่แบบนี้ไม่ยอมไปไหน
ปานวาดทนฟังไม่ไหว เพราะเหตุผลของพวกเมียน้อยเมียเก็บก็เป็นแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น ทู่ซี้จะอยู่ต่อ หน้าด้านหน้าทนไล่ไม่ไป
มือเรียวบางยกแก้วน้ำเย็นที่เธอไม่ได้แตะเลยแม้แต่น้อยสาดใส่หน้าของมยุรินเต็ม ๆ
มยุรินหลับตาลง รับรู้ได้ถึงน้ำเย็นที่ปะทะใบหน้า แต่เธอก็ไม่โต้ตอบ เพราะเธอผิดจริง ๆ
ปานวาดสาดน้ำเสร็จก็เดินออกไปจากเพนเฮ้าส์ฯ หรูแบบไม่เหลียวหลัง เสียงรองเท้าส้นสูงที่กระทบกับพื้นทำให้มยุรินประคองตัวเองลุกจากพื้นด้วยหัวใจสั่นระริก
โดนตราหน้าว่าเป็นเมียเก็บมันเจ็บเสียยิ่งกว่าอะไร เธอไร้ค่าจนแทบยืนไม่ไหวจริง ๆ
เธอทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวที่ปานวาดนั่งลง ก่อนจะดีดตัวขึ้นเหมือนถูกของร้อนนาบ
เธอเป็นแค่ผู้หญิงต่ำต้อย ยังคิดบังอาจไปนั่งบนโซฟาราคาแพงเหมือนคู่หมั้นของเขาได้อย่างไรกัน
อีกมุมหนึ่งของเมืองใหญ่ ชัชขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อเห็นคู่หมั้นไปที่เพนเฮ้าส์ส่วนตัวของเขา
เขาชอบนั่งมองเมียทาสของตัวเองทำโน่นทำนี่ โดยเฉพาะทำงานบ้านอย่างเพลินตาอยู่ในห้องหรูของตัวเอง เรื่องนี้เป็นความลับส่วนตัวที่เขาไม่ได้บอกใคร เพราะเขากลัวเธอหนีไป
ชัชกลัวเธอหนีไป!
เขาไม่อยากยอมรับกับตัวเองนัก อาจเพราะแรกเริ่มเดิมทีเขาแค่อยากที่จะเอาเรื่องของพี่สาวเธอมาต่อรองเพื่อให้ได้เด็กสาวหน้าใสที่มีท่าทีหวาดกลัวเวลาอยู่ต่อหน้าเขาเท่านั้น แต่ยิ่งเอากันไปมากเท่าไหร่ นับวันเขายิ่งหลงใหลเธอมากเท่านั้น
ความเจ็บใจที่พี่สาวของเธอกับลูกน้องของเขาทำก็ส่วนหนึ่ง แต่หนี้สินหลักสิบล้านที่เขากุขึ้นก็อีกส่วนหนึ่ง เงินจำนวนไม่มากเขาพร้อมปล่อยผ่าน แต่การได้เธอมาลิ้มลองมันกระแทกหัวใจของเขานัก
ชัชไม่ได้คิดว่าตัวเองเจ้าเล่ห์ คนเราก็ย่อมอยากได้สิ่งที่ต้องการด้วยกันทั้งนั้น แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าได้แล้วเขาจะอยากได้อีก จากที่คิดว่าจะได้แค่ครั้งเดียวแล้วยกหนี้ให้พี่สาวของเธอไป กลายเป็นอยากได้แล้วอยากได้อีกมากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาอยากกอดเธอบนเตียงทุกวันจนน่าโมโห!
หนี้สินสิบล้านจึงถูกกุขึ้นมาข่มขู่เธอ และเพื่อไม่ให้เธอหนีไปหน เขาก็ขู่ไปอีกว่าหากเธอหนี เขาจะฆ่าพี่สาวของเธอซะ
ชัชเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เขาละจากการดูกล้องวงจรปิดก่อนที่จะกดโทร. หาเมียทาสในทันที
“สวัสดีค่ะ”
“ทำอะไรอยู่” เสียงคุ้นเคยแต่เข้มดุทำให้หัวใจของมยุรินสั่นระริก แต่แอบดีใจจนมันพองโตคล้ายลูกโป่งถูกเป่าลมจนเต็มแม็กซ์ เมื่อรู้ว่าเจ้าชีวิตโทร.มา
“ว่าจะทำอาหารน่ะค่ะ” เธอปั้นน้ำเสียงให้สดใส ทั้ง ๆ ที่ใบหน้าหมองเศร้า
“มีใครมาหารึเปล่า”
“เอ่อ...” เธอลังเล ไม่แน่ใจว่าควรบอกเขาไปตรง ๆ หรือเปล่า แต่เขาไม่ชอบคนพูดจาโกหก เธอจึงเอ่ยบอกไปตามตรง
“คุณปานวาดมาน่ะค่ะ”
“เขามาทำไม” ชัชเอ่ยถาม เขาชอบคนตรงไปตรงมา ไม่ปิดบัง นั่นทำให้ชัชพึงพอใจที่เมียทาสของเขาพูดมันออกมาตรง ๆ
“มาหาคุณชัชน่ะค่ะ แต่หนูบอกว่าคุณชัชไม่อยู่”
“เขาควรรู้ว่าฉันมาทำงาน” จริง ๆ เขาไม่จำเป็นต้องเข้าผับทุกวันก็ได้ แต่ที่เขามาก็เพราะว่ามันเคยชิน และถ้ายังขืนอยู่บ้านเขาคงไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากลากมยุรินขึ้นเตียง
“ค่ะ” มยุรินไม่แน่ใจว่าจะเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้เขาฟังดีไหม แต่เธอก็เลือกที่จะปิดปากเงียบ
“ค่ะคืออะไร”
“เอ่อ...” เธออึกอัก จะบอกเขาอย่างไรดีล่ะ เธอรู้สึกสับสน
“เอาเถอะ” เขาเหมือนจะตัดบท แล้วก็สั่งกำชับว่าห้ามเปิดประตูให้ใครอีก และห้ามออกไปไหนด้วยก่อนจะวางสายไป
เธอยืนกำโทรศัพท์แน่น ทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย เพราะเธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดีนี่แหละ มันสับสนไปหมด หนี้สินของพี่สาวก็มากมาย แต่ชัชก็ต้องแต่งงานมีเมีย เขาจะเลี้ยงดูเธอเอาไว้เป็นเมียเก็บแบบนี้ มันจะทำลายน้ำใจเมียแต่งเสียเปล่า ๆ
จะไปก็ไม่ได้ จะอยู่ก็ไม่ดี ความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมันเป็นแบบนี้นี่เอง
เจ้าชีวิตวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว แต่มยุรินยังยืนบื้ออยู่ที่เดิม เธอไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำอาหารหรือทำอะไรเลย ไม่รู้สึกหิวแต่กลับรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
จากบ้านนอกมาอยู่เมืองใหญ่เพราะพี่สาวอยากให้มีงานทำเหมือนตัวเอง ไม่คิดว่าจะมาติดแหง็กเป็นแค่เมียบำเรอเศรษฐีมีเงินอย่างชัชอยู่แบบนี้
ชัชวางสายจากเมียทาสก่อนจะกดโทร. หาคู่หมั้นของตัวเอง พอปลายสายรู้ว่าใครโทร. มาก็ดีใจจนเนื้อเต้น
“พี่ชัชมีอะไรหรือเปล่าคะ” สุ่มเสียงที่บอกว่าดีใจไม่ได้ถูกปิดบังเลยสักนิด แม้ชัชจะอยู่ปลายสายเขาก็รับรู้มันได้เป็นอย่างดี
“ทำอะไรอยู่ ออกมาเจอกันหน่อยซิ”
“ที่ไหนคะ”
“เธอก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้พี่อยู่ที่ไหน” ชัชพูดจบก็วางสาย ปานวาดแทบกรีดร้อง การที่คู่หมั้นของตัวเองโทร. มาคือความสุขสุดยอดในชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้ ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะชัชเป็นผู้ชายที่เฉยชาสุดๆ เท่าที่เธอเคยได้รู้จักมา
ที่เขาหมั้นกับเธอเพราะว่าเธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ผู้หญิงคนอื่นจ้องจะจับเขา แต่เธอทำตัวเป็นน้องสาวที่ดี แอบรักเขาน่ะใช่ แต่ก็ไม่ทำให้เขาอึดอัด ยื่นข้อเสนอจะเป็นคู่หมั้นกำมะลอให้เขาเพื่อกันผู้หญิงคนอื่นออกไปจากชีวิตของเขา และเขาก็ยินดีเมื่อเธอไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาไม่ว่าเขาจะไปทำอะไรที่ไหน หรือนอนกับใคร
จวบจนเธอได้รับรู้ว่าเขาเลี้ยงผู้หญิงอีกคนเอาไว้ในแพนเฮ้าส์หรู พื้นที่ส่วนตัวที่เขาไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนไปเหยียบย่าง นอกจากเธอที่ได้มีโอกาสไปเพียงไม่กี่ครั้ง ซึ่งต้องคิดจนหัวแทบแตกว่าจะใช้เหตุผลอะไรไปหาเขาดี
ปานวาดแทบลอยได้ เธอเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแบบเท้าแทบไม่ติดพื้น ก่อนจะหยิบชุดสวย ๆ มากมายมาทาบไปกับเนื้อตัว คืนนี้เธอต้องสวยให้ชัชตะลึงให้ได้
เธอแต่งตัวสวยทุกครั้งที่ต้องออกไปเจอเขา แต่ไม่เคยทำให้เขาสนใจได้เลย แต่คืนนี้เธอจะทำให้ตัวเองมีโมเม้นต์แบบนั้นบ้าง
