บทที่ 5 ความห่วงใยที่มีต่อเธอ
นัยน์ตาคมจับจ้องภาพเคลื่อนไหวตรงหน้าบนจอขนาดใหญ่ภายในโรงภาพยนตร์ท่ามกลางแสงริบหรี่และอากาศหนาวเหน็บ แม้สายตาคิลเลียนมองดูสิ่งที่อยู่ข้างหน้าแต่ในใจร้อนรุ่มคะนึงหาถึงพิมพ์ดาวด้วยอาการกระสับกระส่าย
“พี่คิลเลียนคะ”
“หืม” หันขวับมองคนข้างกาย
“นิรินไม่อยากดูแล้ว หิวข้าว”
“ขอโทษนะนิรินแต่ฉันต้องไปแล้ว” สิ้นคำพูดชายหนุ่มวิ่งออกจากโรงภาพยนตร์รวดเร็ว ไม่เหลียวหลังมองนิรินสักนิดเดียว จะรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของตัวเอง วินาทีนี้เขาเป็นห่วงพิมพ์ดาวมากราวกับมีลางสังหรณ์บางอย่างกำลังเกิดขึ้น
ชายหนุ่มใช้เวลาในการขับรถถึงคอนโดประมาณหนึ่งชั่วโมง เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ตัวเองไม่ได้ให้กุญแจห้องกับคนตัวเล็ก
หลังจากรถจอดสนิทไม่รอช้าวิ่งเข้าข้างในตึก กวาดสายตามองทั่วล็อบบี้แต่กลับพบความว่างเปล่า เลยตัดสินใจไปถามพนักงานแต่คำตอบที่ได้รับคือพิมพ์ดาวยังไม่กลับมา
“หายไปไหนของเธอวะ” เอ่ยขึ้นพลางกดโทรหาพิมพ์ดาวถี่รัว ก่อนวิ่งหาคนตัวเล็กบริเวณใกล้เคียงของคอนโด
ตัดมาทางพิมพ์ดาว เธอไม่รู้ตัวเลยตอนนี้กี่โมงเนื่องจากผล็อยหลับตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ หนำซ้ำแบตโทรศัพท์ดันหมดอีกต่างหาก เมื่อลืมตาขึ้นกลับพบกับความมืดและความเงียบสงัด
“ค่ำแล้วเหรอ” พยุงกายลุกขึ้นนั่งพร้อมกวาดสายตาหันมองรอบกาย “ทำไมปวดหัวอย่างนี้” ว่าพลางกุมขมับ แถมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอีกต่างหาก
“น้องสาวจ้ะ มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียว”
“…” พิมพ์ดาวไม่ตอบโต้ เธอลุกขึ้นจากม้านั่งอย่างไวเตรียมจะย่างเท้าหนี ทันใดนั้นชายฉกรรจ์หนึ่งในสองคนคว้าหมับเข้าที่ท่อนแขนเล็กพร้อมกระชากหญิงสาวจนเซ
“จะไปไหน”
“ปล่อยนะ” เธอพยายามดื้อสุดขีดก่อนถีบไปยังหว่างขาชายตรงหน้าจนอีกฝ่ายจุกและเผลอปล่อยเธอเป็นอิสระ
พิมพ์ดาวอาศัยจังหวะนั้นหนีแต่ช้าไปกว่าชายอีกคนเข้ามากระชากเส้นผมยาวสลวยแล้วตบแก้มนวลอย่างจังทำเอาคนตัวเล็กล้มลงคาพื้น
“โอ๊ย!!”
“อวดดีนักนะมึง” จ้องเขม็งคนบนพื้นด้วยสายตาเคียดแค้น จากนั้นไม่รอช้าผลักพิมพ์ดาวนอนราบกับพื้นหญ้าและคร่อมร่างเล็กก่อนพยายามฉีกทึ้งเสื้อผ้าหญิงสาว
“อย่านะ ไปให้พ้น” แขนเรียวปัดป้องฝ่ามือหยาบกระด้างพร้อมดิ้นกายไปมาหวังให้หลุดพ้นจากสัมผัสน่ารังเกียจ
“อยู่นิ่ง ๆ สิคนสวย”
“ไปให้พ้นนะ ไอ้พวกบ้า”
“เฮ้ยมึง!! จับแขนมันสิ น่ารำคาญฉิบหาย” หันไปบอกกับเพื่อนก่อนแขนขาวเนียนถูกรวบขึ้นเหนือศีรษะโดยชายฉกรรจ์อีกคน
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ใครก็ได้ช่วยด้วย” ร่างเล็กดิ้นสุดฤทธิ์ ก่อนโดนกำปั้นหนักต่อยเข้าที่หน้าท้องแบนราบจนจุกและหยุดขัดขืนในที่สุด
“กว่าจะสิ้นฤทธิ์นะมึง” แสยะยิ้มกับผลงานตรงหน้าสามารถทำให้พิมพ์ดาวนอนนิ่งเป็นท่อนไม่ได้สำเร็จ
“คิลเลียนช่วยด้วย” เอ่ยเสียงแผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน จากนั้นหลับตาพริ้มเพราะไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น นอกจากภาวนาขอให้มีคนมาช่วยสักที นาทีนี้ไร้เรี่ยวแรงจะต่อสู้กับพวกมันอีกแล้ว
ผลัวะ!
ชายฉกรรจ์ที่คร่อมร่างพิมพ์ดาวถูกถีบกระเด็นไปอีกด้าน ตามด้วยเพื่อนของมันกระเด็นไปกองตำแหน่งเดียวกัน โดยฝีมือคิลเลียน
“มึงเป็นใครวะ”
“…” คิลเลียนไม่ตอบโต้พวกมัน เหลือบมองคนตัวเล็กครู่หนึ่ง จากนั้นตรงไปหาพวกมันและทำการซัดหมัดรัว ๆ ใส่ชายฉกรรจ์แบบไม่ยั้ง ไม่มีท่าทีจะปรานีแม้แต่น้อย
“คิลเลียน”
เสียงดังกระทบหูทำให้พิมพ์ดาวปรือตาแล้วฉีกยิ้มด้วยความดีใจที่เห็นเขามาช่วยตนเองให้รอดพ้นจากสิ่งเลวร้าย
“พิมพ์ดาว” ชายหนุ่มเดินมาหาเธอหลังจากพวกนั้นหนีหัวซุกหัวซุนไปคนละทิศทาง เขาคว้าคนบนพื้นขึ้นมาโอบกอด
“เธอโง่หรือไงพิมพ์ดาวถึงมาอยู่ที่นี่” ตะคอกถามเสียงดังลั่นด้วยอารมณ์เดือดพล่านพลางกระชับกอดคนตัวเล็กแน่น
“ฮึก ฮือ ๆ คิลเลียน…ฉันกลัว” คนตัวเล็กร้องไห้ตัวสั่นราวกับลูกนกน้อย
“เธอนี่มันซื่อบื้อจริง ๆ” เขายังคงตำหนิหญิงสาวอย่างหัวเสีย
“ขอโทษ” เสียงหวานสั่นเครือ เธอรู้แล้วว่าตัวเองผิดมากเป็นต้นเหตุทำให้เขาต้องลำบากมาช่วยตัวเองในยามวิกาล
“เธอนี่มันจริง ๆ เลย” ผละออกจากพิมพ์ดาวก่อนจับไหล่มนทั้งสองข้าง ช้อนตามองคนตัวเล็กด้วยความรู้สึกมากมาย
‘ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นคิลเลียนทำเหมือนห่วงใยฉันเลย’
ตั้งแต่เกิดมาเท่าที่จำได้ไม่เคยมีใครแสดงท่าทีห่วงใยเธอเลยสักครั้งแม้กระทั่งป้าแท้ ๆ แต่เขาดันทำหน้าเช่นนั้นทำราวกับเธอคือคนสำคัญของเขานั่นแหละ
“พิมพ์ดาว” เขย่าเรียกคนตัวเล็กสองสามครั้ง อยู่ ๆ เป็นลมหมดสติต่อหน้าต่อตา
“โธ่เว้ย!!” เขารีบช้อนเธอในท่าเจ้าสาวพาไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้
หลังแพทย์ตรวจอาการพิมพ์ดาวก็สั่งให้เธอนอนพักฟื้นหนึ่งคืน โดยคิลเลียนนั่งเฝ้าคนตัวเล็กข้างเตียงไม่ห่าง
“ทำไมถึงโง่แบบนี้” คิลเลียนกุมมือเรียวไม่ปล่อยพร้อมชำเลืองมองหน้าสวยหวานของคนตัวเล็ก ก่อนซบศีรษะข้างเตียงและเข้าสู่ห้วงนิทรา
เช้าวันใหม่แสงแดดข้างนอกห้องเล็ดลอดเข้ามา ส่งผลให้คิลเลียนตื่นจากการหลับใหล ชายหนุ่มเด้งตัวจากเก้าอี้ไปหาคนหลับก่อนก้มจุมพิตหน้าผากเกลี้ยงเกลาแผ่วแล้วหมุนตัวเข้าห้องน้ำ
หญิงสาวลืมตาขึ้นในช่วงเวลาแปดโมงเช้า สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานห้องสีขาวล้วนซึ่งไม่คุ้นเอาเสียเลยสำหรับเธอ เมื่อหันไปด้านข้างพบกับสายน้ำเกลือข้างหัวเตียงทำให้รู้ได้ทันทีตอนนี้ตนเองอยู่ไหน
“คิลเลียน” ชำเลืองมองคนตัวโตนั่งตรงโซฟา คิลเลียนไม่ได้เอ่ยสิ่งใดย่างเท้ามาหยุดข้างเตียงและทำหน้าบึ้งใส่
เธอคาดเดาไม่ได้เลยอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่หรือจะโมโหเรื่องเมื่อคืนที่ทำให้เขาลำบากช่วยเหลือเธอจากชายฉกรรจ์ เมื่อคิดเช่นนั้นแอบรู้สึกผิดเหลือเกิน
“ขอโทษ”
“เธอนี่มันซื่อบื้อชะมัด”
“ว่าไงนะ” หันขวับมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“ถ้ารู้ตัวไม่มีกุญแจทำไมไม่โทรหาฉันวะ” ถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ฉันไม่อยากรบกวนนาย” ตอบแบบหลบสายตา กลัวเขาเห็นถึงความสั่นไหวจากนัยน์ตางาม
“เฮอะ!!”
“ฉันขอโทษจริง ๆ คิลเลียน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นายลำบากไปช่วยฉันสักหน่อย” เธอบอกด้วยความรู้สึกผิด
“ฉันไม่รู้จะพูดยังไงกับเธอดี พิมพ์ดาว” เธอตอบกลับมาแบบนั้นเอาซะเขาไปไม่เป็นเลย เขาไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกันแค่เห็นเธอตกอยู่ในอันตราย ใจร้อนรนจนทรมานยิ่งนัก
“ขอโทษคิลเลียน โกรธฉันมากเลยเหรอ” มือเรียวเอื้อมไปจับชายเสื้อของเขาแล้วกระตุกเบา ๆ จ้องมองเขาอย่างคนสำนึกผิด
ความจริงตอนนั้นที่เธอไปนั่งเล่นแถวสวนสาธารณะ เธอตั้งใจจะกลับไปรอเขาต่อยังล้อบบี้ของคอนโด แต่ความง่วงมากบวกกับสายลมเย็น ๆ จึงผล็อยหลับง่ายดาย กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มืดสนิทแล้วดันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น
“เธอนี่มัน”
“ฉันขอโทษคิลเลียน ฉันรู้ฉันทำให้นายลำบากเพราะฉันนายเลยต้องสู้กับคนพวกนั้น คงแย่มากสินะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย เธอนี่มันไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ” บอกอย่างไม่สบอารมณ์
“จะบอกว่านายเป็นห่วงฉันเหรอ”
“เออ”
“ฮะ!!” หันขวับมองคนตรงหน้า เมื่อครู่เธอไม่ได้หูฝาดใช่ไหม
“รอหมอมาตรวจเธอจะได้ออกจากโรงพยาบาล” จู่ ๆ เปลี่ยนเรื่องทันใด
“อืม”
“ขอตัวละกัน” ไม่รอให้คนตัวเล็กเอ่ยประโยคใด คิลเลียนเดินฉับ ๆ ออกจากห้องพักฟื้นทันที
“เมื่อกี้คืออะไรกัน” ดวงตากลมโตมองไปยังประตูห้องที่เพิ่งพ้นร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มไปหมาด ๆ อย่างไม่เข้าใจ
เมื่อคืนก็รอบหนึ่ง เช้าวันนี้ก็รอบหนึ่ง สรุปแล้วคือยังไงกันแน่เธอไม่กล้าการันตีหรอกเขามีใจให้ เพราะเหมือนไม่ใช่อย่างนั้นเลย ต่อให้รู้จักกันสมัยมัธยมปลายแต่ใช่จะรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน เนื่องจากแทบไม่เคยคุยกันเลย มีแค่เธอฝ่ายเดียวแอบมองเขาบ่อยครั้ง เรื่องที่เธอมาเป็นผู้หญิงของเขาก็เหลือเชื่อเต็มที
