บทที่ 4 รู้สถานะตัวเองดี
ครืด!
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะข้างหัวเตียงดังถี่รัวปลุกคิลเลียนตื่นจากการหลับใหล เขาเอื้อมมือไปคว้าแล้วนำมาแนบหู
“มีอะไร” เอ่ยถามเสียงงัวเงีย
(พี่คิลเลียนเพิ่งตื่นเหรอคะ)
“อืม”
(วันนี้ว่างไหมคะ นิรินจะชวนไปดูหนังด้วยกัน)
“ไม่” เขาเหนื่อยเกินกว่าจะออกไปไหนทั้งนั้น ขณะเดียวกันสายตาคมกริบช้อนตามองคนตัวเล็กหลับสนิทกำลังซุกอกล่ำสัน
(ไม่สบายเหรอคะ เสียงฟังดูไม่ค่อยดีเลย) คนปลายสายยังคงเซ้าซี้ไม่เลิก
“แค่นี้แหละ” กล่าวจบรีบตัดสาย เมื่อเห็นพิมพ์ดาวกำลังลืมตา
“นอนต่อเถอะ” ว่าพลางเกลี่ยเส้นผมปรกหน้าหวานไปทัดหู แล้วลูบไล้พวงแก้มขาวใสแผ่วเบา
“เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่า” เงยหน้ามองเจ้าของอ้อมกอดอันอบอุ่น เบี่ยงสายตาไปทางอื่นด้วยความเขินอาย เพราะทำให้เธอเผลอนึกถึงบทรักสุดเร่าร้อนเมื่อคืนทำเอาไม่กล้ามองหน้าหล่อคม
“แต่ฉันยังง่วง” ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เขากระชับกอดคนตัวเล็กแน่น บ่งบอกให้รับรู้ว่าห้ามคิดหนีแม้แต่น้อยไม่งั้นเจอดี
“นายก็นอนไปสิ”
“นี่คือคำสั่งพิมพ์ดาว เธอต้องนอนกับฉัน” คนเผด็จการสั่งเสียงเข้มพลางเชยปลายคางมนให้หันมามองกัน
“ก็ได้” ยอมจำนนต่อคำสั่งของคนตัวโต พิมพ์ดาวหลับตาลงอีกครั้งด้วยความเหนื่อยล้าจึงเข้าสู่ห้วงนิทราง่ายดายก่อนคิลเลียนจะนอนตามโดยโอบกอดเธอไม่ปล่อย
เวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบสี่โมงเย็น พิมพ์ดาวลืมตาขึ้นเชื่องช้าก่อนรับรู้ของหนักตรงเอวคอด เมื่อก้มหน้ามองพบแขนแกร่งพาดส่วนเว้าส่วนโค้ง เธอพยายามจะยกแขนกำยำออกห่างแต่อีกคนไม่ยอม
“อื้อ อยู่นิ่ง ๆ พิมพ์ดาว ฉันยังง่วง” บอกด้วยเสียงงัวเงีย นัยน์ตาคมกริบทั้งสองข้างยังคงปิดสนิท ไม่แม้เบิกขึ้นมองเธอซึ่งทำหน้าบึ้งตึงที่ได้ยินคำพูดนั้น
“ปล่อยฉันนะคิลเลียน อึดอัดชะมัด” มือเรียวผลักหัวไหล่บึกบึนหวังให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมแต่ไม่สำเร็จสุดท้ายทำได้แค่พ่นลมหายใจยืดยาวอย่างเบื่อหน่าย
“คนบ้า” เสียงหวานบ่นพึมพำ กวาดสายตามองทั่วใบหน้าคมคาย พออยู่ในระยะใกล้ทำให้รู้ว่าเขาดูดีมากแค่ไหน
ด้วยความหลงใหลกับหน้าตาของคิลเลียน พิมพ์ดาวเผลอเอื้อมมือแตะแก้มสากแผ่วเบา ก่อนนิ้วเรียวจะสัมผัสจมูกโด่งคมสันแล้วลากไล้มาถึงริมฝีปากหยัก
“จะลักหลับฉันเหรอ” คว้าหมับข้อมือเล็กอย่างไว
“เปล่านะ”
“แน่ใจเหรอ” เชยคางกลมกลึงขึ้นก่อนประทับจูบลงบนกลีบปากสีหวาน
“คิลเลียน” เบือนหน้าหนีอย่างไวอยู่ ๆ โดนจูบถึงจะแผ่วเบาแต่กลับสร้างความรู้สึกซาบซ่าน
“มากกว่านี้เราก็ทำมาแล้ว” กระซิบข้างใบหูขาวสะอาด ขบเม้มติ่งหูเบา ๆ เพื่อหยอกล้อคนตัวเล็ก
“อื้อ คิลเลียน” ขนกายลุกซู่ด้วยความเสียวซ่าน แค่โดนสัมผัสนิดหน่อยร่างกายของเธอก็ตอบสนองเขาอย่างไว
“อาบน้ำกันเถอะ ฉันจะพาเธอไปซื้อของต่อ”
“นายไปอาบก่อนเถอะ” ส่งสายตาอ้อนวอนคนตัวโต วินาทีนี้เธอขอเวลาคิดทบทวนอะไรสักหน่อย
“อืม” คิลเลียนไม่ได้รบเร้าพิมพ์ดาว ยอมปล่อยให้หญิงสาวอยู่ตามลำพัง
หลังพ้นร่างสูงใหญ่ของคิลเลียน พิมพ์ดาวพยุงกายพิงหลังกับหัวเตียงพลางนำผ้าห่มคลุมร่างเปลือยจนถึงเนินอก หน้าจิ้มลิ้มซบกับหัวเข่าแล้วครุ่นคิดอะไรมากมาย
เธอแทบไม่อยากเชื่อกับเรื่องเมื่อคืนเลย เพียงแค่คืนเดียวชีวิตของเธอเปลี่ยนไป หนำซ้ำยังต้องมาเป็นนางบำเรอของเพื่อนสมัยมัธยมปลายอีกต่างหาก
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้” นัยน์ตาคู่หวานหลับพริ้มด้วยความเหนื่อยล้า โดยไม่อาจรับรู้เสียงฝีเท้าใหญ่ย่างกรายมาหาเธอ
“พิมพ์ดาว” เอื้อมมือหนาแตะหัวไหล่บอบบาง
“หืม” เอี้ยวหน้ามองคนตัวโต
“ไปอาบน้ำสิ”
“อืม” ทอดสายตามองชายหนุ่มในสภาพชุดคลุมอาบน้ำ ก่อนเท้าเล็กก้าวลงจากเตียงพร้อมกระชับผ้าห่มแล้วก้าวเดินเข้าในห้องน้ำ
หญิงสาวใช้เวลาชำระร่างกายเกือบครึ่งชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อย เธอสวมใส่เพียงชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมา ขณะเดียวกันเหลือบมองคนตัวโตนั่งอยู่ปลายเตียงแต่งกายด้วยชุดลำลอง
“ชุดของเธออยู่ในถุงนั้น” ชี้ไปยังถุงกระดาษวางบนที่นอน
“อืม” พยักหน้าหงึกอย่างเข้าใจ
“ฉันไปรอข้างนอก” พูดจบคิลเลียนย่างเท้าออกจากห้องนอน ทิ้งคนตัวเล็กจัดการธุระส่วนตัวตามสะดวก
“เฮ้อ” พ่นลมหายใจเฮือกหนึ่งก่อนหยิบชุดในถุงดังกล่าวขึ้นมาใส่อย่างไวด้วยความกลัวอีกคนจะคอยนาน เมื่อเสร็จสิ้นจึงเดินออกจากห้องไปหาชายหนุ่มที่นั่งรออยู่บริเวณโซฟา
“คิลเลียน”
ใบหน้าคมคายหันมองตามเสียงเรียก ก่อนพบกับพิมพ์ดาวในชุดเดรสกระโปรงสีหวาน เขามองดูเธอราวกับตกอยู่ในมนต์สะกด เธอสวยมากจนเขาไม่อาจละสายตาสักวินาทีเดียว
“คิลเลียน”
“หืม” ช้อนตามองคนตรงหน้าซึ่งไม่รู้เดินมาหาตั้งแต่ตอนไหน
“เอ่อ…” มือเล็กลูบท้ายทอยอย่างประหม่า
“ไปกันเถอะ” ตัดบทแล้วเด้งตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
ชายหนุ่มก้าวเท้าเดินฉับ ๆ ไม่สนใจมองคนข้างหลังจะตามมาหรือไม่ เขารู้เพียงอย่างเดียวคือการพาตัวเองออกจากบริเวณนั้นไว ๆ
“อะไรของเขา” เธอบ่นอุบอิบ ถึงอย่างนั้นรีบเดินตามเขาให้ทัน
คิลเลียนพาพิมพ์ดาวไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มแวะพาคนตัวเล็กรับประทานอาหารก่อนแวะซื้อของใช้
ระหว่างกำลังเลือกเสื้อผ้า ทันใดนั้นสายตาคมกริบปะทะกับร่างเพรียวของใครคนหนึ่ง ก่อนอีกฝ่ายหันมาเห็นเข้าพอดีซึ่งกำลังเดินมาหาตัวเอง
“พิมพ์ดาวหลบไปก่อน”
“ฮะ” หันมองหน้าหล่อคม จู่ ๆ โดนสั่งให้ทำอะไรสักอย่าง
“ฉันบอกว่าให้เธอหลบไปก่อน” สั่งเสียงเข้ม พิมพ์ดาวยอมทำตามอย่างงุนงง ร่างเล็กหลบไปยังมุมหนึ่งแต่คอยมองปฏิกิริยาของคิลเลียนก่อนเห็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเข้าประชิดตัวเขา
“พี่คิลเลียนมาซื้อของเหรอคะ”
“อืม” ตอบรับพลางชำเลืองมองพิมพ์ดาว
“คนเดียวเหรอ” นิรินมองเข้าไปในร้านเสื้อผ้าเพื่อดูว่าเขามากับใครหรือเปล่า เพราะเมื่อสักครู่เธอเห็นผู้หญิงแวบ ๆ ยืนคุยกับเขา
“มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า” ส่ายหน้าปฏิเสธ ฉีกยิ้มหวานแก่คนตัวโตจากนั้นเอื้อมมือจับท่อนแขนแกร่งด้วยท่าทางออดอ้อน
“พี่คิลเลียนหายป่วยแล้วเหรอ”
“อืม”
“งั้นไปดูหนังกับนิรินนะคะ”
“อืม” เขาเงียบครู่หนึ่งก่อนตอบตกลง
“เย้…พี่คิลเลียนใจดีที่สุดเลย” ไม่พูดเปล่า นิรินแนบหน้ากับแขนกำยำด้วยความดีใจสุดฤทธิ์ “ไปกันเถอะ”
การกระทำและบทสนทนาระหว่างคิลเลียนกับนิริน พิมพ์ดาวได้เห็นและได้ยินทุกอย่างทำเอาเจ็บแปลบทั้งหัวใจ มือน้อยยกขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้ายพร้อมบีบแน่น
“คนรักคิลเลียนเหรอ” ทำได้แค่ตั้งคำถามกับตัวเองแต่ไร้คำตอบ เธอไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสองเหมือนกัน
คิลเลียน : กลับไปก่อนเลย ฉันติดธุระ
เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น พิมพ์ดาวกดเปิดอ่านแต่ไม่ตอบโต้ ไม่คิดเลยเพิ่งแลกเบอร์กันบนรถจะได้ใช้ในการติดต่อครั้งนี้
เมื่อเขาสั่งให้เธอกลับ หญิงสาวไม่ดื้อรั้นจะเดินเล่นในห้างต่อ จำยอมนั่งรถแท็กซี่กลับคอนโด แต่ลืมคิดไปตัวเองเพิ่งมาอยู่ยังไม่มีกุญแจห้อง สุดท้ายแบกร่างเล็กไปนั่งเล่นแถวสวนสาธารณะย่านคอนโด
ครั้นจะโทรหาเขาก็ไม่อยากรบกวน เลยต้องมานั่งเหงาหงอยริมแม่น้ำบริเวณม้านั่งตัวยาวสีขาวใต้ต้นไม้ใหญ่
หญิงสาวนั่งเหม่อลอยจ้องมองผิวน้ำเบื้องหน้า ยามนี้ท้องฟ้าใกล้มืดมิดเต็มทีแต่ยังไร้การติดต่อกลับมาจากคิลเลียน ผู้คนต่างเริ่มทยอยกลับแต่เธอยังนั่งอยู่ดั้งเดิม ไม่มีท่าทีจะลุกขึ้นง่ายดาย
พิมพ์ดาวพ่นลมหายใจทิ้งหลายรอบ บางครั้งเธอก็เบื่อหน่ายกับชีวิตแบบนี้เหลือเกิน ไม่เคยมีอะไรเป็นดั่งหวังสักครั้ง ต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวไม่ว่าจะอยู่กับป้าแท้ ๆ หรือคิลเลียน
“หนาวจัง” โอบกอดตัวเองปรายตามองรอบกายเริ่มไร้ผู้คน
