บทที่ 23 ถึงจะเหมือนแต่ไม่ใช่ 2
"กระหม่อมเสนาบดีฟ่าน ถวายบังคมฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญ"
เสียงในใจของใครบางคนดังขึ้น ตัวแสดงนำโผล่มากะทันหันเช่นนี้ เจ้าจะทำอย่างไรดีล่ะซินซิน
"ลุกขึ้น ไม่ต้องมากพิธี"
"กระหม่อมมีเรื่องร้อนใจอยากขอให้ฝ่าบาทช่วยชี้แนะด้วยพ่ะย่ะค่ะ" เสนาบดีฟ่านเร่งรุดมา
"เรื่องร้อนอันใด ท่านเสนาบดีถึงเร่งรุดมาหาเราเพียงนี้"
"กระหม่อมจะมาปรึกษาหารือเรื่องเมื่อวานซืน..." เสนาบดีฟ่านเฟยเจินพูดออกไปโดยไม่ทันได้สังเกตว่าก่อนหน้ามีใครเข้าเฝ้าอยู่บ้าง จึงไม่ทันเห็นหญิงสาวนางนึงนั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้าง
ด้านฟ่านเยว่ซินเมื่อได้ยินเสียงคนด้านข้างพลันเงยหน้าเสไปมองจนลืมเลือนความชาที่ขาไปชั่วครู่
บิดาของนางในชาติก่อน...
เยว่ซินรู้สึกว่าตนไม่เคยมีวาสนาเรื่องของบิดาไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน
สีหน้าฟ่านเยว่ซินมืดครึ้มลงหลายส่วนตั้งแต่มีผู้ไม่ได้รับเชิญก้าวเข้ามา
ฮ่องเต้ไม่ได้ตอบสิ่งใดออกไป เพียงแต่ปลายสายตามองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่กลางห้อง
เสนาบดีฟ่านมองตามสายตาของฮ่องเต้ไปหยุดที่หญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง จังหวะที่หญิงสาวกำลังมองไปยังฟ่านเฟยจินพอดี ทั้งคู่จึงได้สบตากัน ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งงัน
ชัดเจนเสียกว่าเมื่อวาน...
คนที่อยู่ด้านขวาเขาคือเรื่องร้อนใจที่ทำให้เขาต้องรีบมาขอเข้าเฝ้าเป็นการด่วน ไม่เพียงแต่แขกในงานที่ตกใจ คนที่ตกใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใครก็คือเหล่าคนในตระกูลฟ่านที่มาร่วมงานเมื่อวานนี้ด้วย โดยเฉพาะภรรยาอันเป็นที่รักของเขาที่ในเวลานี้นอนป่วยอยู่ที่จวน
เยว่ซิน...นั่นเจ้าเองหรือ
หลายวันมานี้ฟ่านเยว่ซินพยายามคิดวางแผนว่าจะจัดการใครบ้าง นางจึงตั้งเป้าหมายออกมาเป็นรายบุคคล ไม่ใช่หวังแค่หาทางเอาคืนหรือทวงความยุติธรรมแต่นางต้องการสั่งสอนทั้งอดีตสามีกับเมียน้อยที่ทำตัวสมกับความเป็นเมียน้อย รวมถึงน้องสาวไม่รักดีขี้อิจฉาที่ริคิดช่วยผู้อื่นทำร้ายพี่สาวตัวเองหลายต่อหลายครั้ง ที่ผ่านมานางเห็นแก่บิดามารดาจึงอภัยให้เสียทุกครั้ง แต่ไม่ใช่อีกต่อไป
แน่นอนว่าคนตระกูลฟ่านทุกคนเองก็จะต้องมาเป็นหมากในกระดานนี้เช่นเดียวกัน รวมท่านด้วย ท่านพ่อ..
สายตาของบิดาในวันนี้ช่างแตกต่างกับในวันนั้นมากเสียเหลือเกิน ช่วงวันเวลาที่ครอบครัวสกุลฟ่านมาหานางที่ตำหนักเพื่อตำหนิการกระทำของนางทันทีที่ได้ข่าวว่านางอาจโดนโทษทัณฑ์ โดยกักบริเวณนางให้อยู่แต่ในตำหนักก่อนจะมีบทลงโทษออกมา
(อดีต)
“เยว่ซิน! จวนเอ๋อร์เล่าความจริงให้ข้าฟังหมดแล้ว เพราะความอิจฉาริษยาจนตามืดตามัวของเจ้า นำเอาทั้งตัวเจ้าและตระกูลของเราเข้าไปเสี่ยงเพียงใด เจ้าเห็นผลของมันหรือยัง!?” ท่านพ่อยกมือชี้หน้าฟ่านเยว่ซินอย่างโกรธจัด
“โถ่ เยวซิน ท่านพี่คะ เราจะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ พอจะขออภัยโทษได้หรือไม่” ท่านแม่เข้าไปกุมข้อมือบิดาอย่างเว้าวอนเพื่อขอให้สามีคิดหาวิธีช่วยบุตรสาวคนกลาง แต่สายตาที่มองมายังเยว่ซินเต็มไปด้วยความผิดหวัง
“เฮ้อ ข้าจะไปทำอะไรได้ ขนาดฝ่าบาททรงโปรดนางเพียงใดยังสั่งลงโทษได้ ครั้งนี้ลูกสาวเจ้าทำเกินไป นางทำให้ชายารองซูเฟยเซียนแท้งบุตรเชียวนา ชินอ๋องเองยังไม่ปริปากอะไรแล้วเราจะไปทำอะไรได้” ผู้นำตระกูลฟ่านเอ่ยด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม
“ท่านแม่ อย่าได้เป็นกังวล จากการที่ฝ่าบาทเพียงประกาศว่าลงโทษแต่ยังไม่มีบทลงโทษอะไรออกมาแน่ชัด อาจจะทรงต้องการขู่เพื่อให้นางสำนึกผิด ใครต่างก็ทราบว่าฝ่าบาททรงโปรดนางมาก ข้าเชื่อว่าฝ่าบาทคงไม่ลงโทษอะไรร้ายแรง อีกทั้งนางยังเป็นถึงพระชายาเอกในชินอ๋อง จะทำอะไรก็คงต้องไว้หน้าชินอ๋องบ้าง” พี่ใหญ่ฟ่านเยว่ส่างช่วยพูดเพื่อให้มารดาคลายความกังวล
“จริงของพี่ใหญ่ท่านแม่ ฟังแล้วข้อหาดูร้ายแรงก็จริง แต่อย่างไรนางเป็นถึงพระชายาเอก แถมยังเป็นลูกสาวตระกูลฟ่าน ถึงจะมีราชโองการให้ลงโทษแต่คงเพียงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ตระกูลอัครเสนาบดีกินแหนงแคลงใจ” ฟ่านเยว่ชื่อช่วยกล่าวสมทบ
ขณะที่ทุกคนกำลังปรึกษาหารือ ดวงตาอันว่างเปล่าไร้ชีวิตชีวา มองจ้องไปยังบุคคลทั้งสี่ที่อยู่ในห้อง ก่อนเอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ไม่ว่าใครก็ต่างคิดว่านางเป็นคนผิด ไม่มีใครถามหรือเชื่อใจนางสักคน จนนางอดไม่ได้ที่จะพูดความในใจออกมา
“พวกท่านไม่ต้องคิดช่วยข้าไม่เคยมีใครเชื่อในคำพูดข้า พวกท่านล้วนเชื่อแต่คำพูดของเยว่จวน ข้าเลิกคาดหวังกับพวกท่านแล้ว...ในวันที่ข้าเสียบุตรชายไม่เห็นมีใครเร่งรีบมาหาข้าเช่นครานี้ ข้า..จะทูลฝ่าบาทเองว่าการกระทำของข้าไม่เกี่ยวอันใดกับตระกูลฟ่าน หากพอใจแล้ว...ขอเชิญ..กลับไปแล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก..ข้าไม่ส่ง” หลังจากนางพูดจบก็สั่งให้เจียอีกับเจียลี่เชิญพวกเขากลับไป แล้วนั่งน้ำตาไหลเพียงลำพัง โดยมีสาวใช้ทั้งสองนั่งปลอบใจอยู่ช้างกาย
ไม่กี่วันหลังจากนั้น ฮ่องเต้มีราชโองการสั่งลงโทษพระชายาฟ่านเยว่ซินโดยการโบยด้วยแส้หนัง
หลังจากเหตุการณ์ถูกโบยผ่านพ้นไป ฟ่านเยว่ซินถูกพากลับมารักษาตัวที่ตำหนักพระชายา โดยหลังจากถูกโบยไม่กี่ชั่วยาม เสนาบดีฟ่านก็มาเยี่ยม ฟ่านเยว่ซินที่นอนคว่ำหน้าอยู่นั้น เมื่อเห็นบิดามาหาถึงที่ก็กล่าวทั้งน้ำตานองหน้า
“ลำบากท่านมาหาข้าถึงนี่ เป็นพระคุณแก่ช้าเหลือคณา ที่ผ่านมาไม่ว่าทำดีมากเพียงมด พวกท่านก็ไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตา แต่มาวันนี้เห็นข้าอยู่ในสายตาแล้วใช่หรือไม่ หรือท่านมารอดูว่าเมื่อไหร่ลูกที่ท่านไม่เคยภาคภูมิใจผู้นี้จะจากไปเสียที"
"เยว่ซิน!"
"เมื่อนานมาแล้ว ท่านเคยตำหนิข้าตอนข้าไม่ยอมรับสมรสพระราชทานกับฮ่องเต้สมัยที่พระองค์เป็นองค์รัชทายาทด้วยคำถามว่าเหตุใดท่านถึงไม่ทีเยว่จวนเป็นบุตรสาวคนเดียว ไม่นานท่านจะได้สมหวังแล้วเจ้าค่ะ ท่านจะเหลือเพียงเยว่จวนเป็นบุตรสาวคนเดียว” ฟ่านเยว่ซินพูดด้วยความขมขื่นและพยายามฝืนยิ้มทั้งน้ำตา
หลังจากนั้นไม่กี่วันก็ไม่มีฟ่านเยว่ซินบนโลกใบนี้อีกต่อไป
