EP 05 อย่าลืมว่าเราไม่ใช่คนรักกัน
เย็น
ครินต์กลับมาถึงคอนโดไวกว่าเวลาปกติ วันนี้เขาใช้เรี่ยวแรงในการทำงานไปจนหมด และคิดว่าดีกว่ามั้ยหากได้พักบ้าง การฝืนทำงานโดยที่เหนื่อยมันอาจทำให้เขาทำงานออกมาได้ไม่ดีพอ
เครื่องปรับอากาศในห้องที่ไม่มีการทำงาน ไฟที่ถูกปิดจนมืดสนิทหมายถึงตอนนี้สิ่งมีชีวิตเดียวของห้องคือตัวเขาเอง มือหนาล้วงไปหยิบโทรศัพท์กดโทรออกหาการ์ดคนสนิท
"ครับนาย"
"ได้ไปส่งซินเนียหรือเปล่า?"
"ครับ ตอนนี้ผมตามอยู่ครับ" มันเป็นเหมือนหน้าที่ที่เขาทำไปแล้ว เพราะครินต์สั่งเอาไว้ว่าห้ามคาดสายตาจากคนตัวเล็ก แรก ๆ เขาระแวงว่าเธออาจจะไปหาความสุขจากที่อื่นและทำให้เขาเกิดอันตรายจากโรคทางเพศ แต่คำตอบของช่วงหลังมานี้เขาไม่เคยมั่นใจเลยว่ายังเป็นแบบนั้นอยู่หรือเปล่า
"เธออยู่กับใคร"
"แฟนคุณอัทครับ และก็มีผู้ชายอีกคน" คิ้วหนาขมวดเป็นปมหลังจากได้ยินสิ่งที่เขาไม่ชอบใจมากนัก
"รู้ชื่อมั้ย?"
"ชื่อผมให้คนสืบอยู่ครับนาย แต่เท่าที่รู้เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ และดูเหมือนว่ารู้จักกับคุณซินมาก่อนหน้าครับ"
"อืม จับตาดูไว้ ถ้ามีอะไรที่รู้ว่ากูไม่ชอบจัดการได้เลย" เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะกดวางสาย และโยนสมาร์ทโฟนเครื่องหรูไปอีกมุมของโซฟา
"ใครวะ" ครินต์สบถเบา ๆ กับตัวเองและพยายามทำให้สมองผ่อนคลาย
ทางด้านซินเนีย เธอเดินช้อปตามภาษาผู้หญิงที่ว่างงานและไม่มีอะไรทำโดยไม่รู้ตัวว่าการกระทำของตัวเองนั้นถูกจับตาอยู่ตลอดเวลาเมื่อเธอห่างกับครินต์
"ซินเนีย พี่อัทโทรตามแล้ว ฉันต้องกลับก่อน เธอกับ..."
"อ่า เดี๋ยวรันต์อยู่เป็นเพื่อนพี่เนียเอง" ศรันต์ ผู้ชายที่ครินต์ได้รับรายงานจากการ์ด เขาเป็นรุ่นน้องข้างบ้านของซินเนีย รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก
"ไม่ต้องเป็นห่วง ไปเถอะ" ซินเนียเห็นสายตาที่นารามองมาก็เข้าใจได้ เธอรู้เรื่องของซินเนียและครินต์ และรู้ดีว่าครินต์เป็นยังไงตามคำบอกเล่าของอัทแฟนหนุ่ม
"แต่..."
"เดี๋ยวอีกชั่วโมงฉันก็กลับแล้ว" สุดท้ายนาราก็ยอมกลับแต่โดยดี แม้ว่าจะแอบหวั่นอยู่บ้างว่าซินเนียอาจจะทะเลาะกับครินต์หากเขารู้เข้า
"ทำไมพี่นาราต้องเครียดขนาดนั้น เขาไม่ไว้ใจรันต์เหรอครับ?" ศรันต์ยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดจึงเอ่ยถามซินเนีย แต่เธอไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ให้
หากไม่จำเป็นเธอไม่อยากให้มีใครรู้เรื่องระหว่างเธอและครินต์เลย เพราะหากวันหนึ่งมันต้องจบจะได้ไม่ต้องมาคอยอธิบายให้ใครฟังด้วยคำพูดที่เรียบหรูอย่างเช่นไปกันไม่ได้
"ไม่ตอบผมเลย"
"ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวอีกสักพักพี่จะกลับแล้ว รันต์อยากได้อะไรรึเปล่า?" ซินเนียตัดปัญหาด้วยการชวนคุยเรื่องอื่นแทน
"ไปกินข้าวกับผมสักมื้อสิครับ ผมกลับมาทั้งทีกว่าจะได้เจอพี่แต่ละครั้งยากเย็นมาก" เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนจนเธอเอ็นดูยกมือขึ้นไปยีหัวเขา
"ไม่ต้องมาน้อยใจหรอก ทีรันต์ไปเรียนต่อที่นั่นไม่บอกพี่ พี่ยังไม่ว่าเลย"
"เราหาข้าวกินกันดีกว่าครับ" ทั้งคู่หัวเราะและยิ้มให้กันเมื่ออีกฝ่ายเบี่ยงกันไปมา
หลังกินข้าวเสร็จสองคนก็พากันแยกย้าย ซินเนียเดินกลับมาที่รถของตัวเองและขับออกจากห้างตรงไปยังคอนโดของครินต์ด้วยความอารมณ์ดี เมื่อเปิดประตูถือของเข้าไปในห้องก็ต้องแปลกใจที่วันนี้เขากลับมาถึงก่อนเธอ
"สนุกมั้ยวันนี้?" ครินต์เลิกคิ้วสูงเอ่ยถามโดยไม่ได้หันมามองเธอเลยสักนิด ที่มือเขาถือแก้วเตกีล่าราคาแพงอยู่
"สนุกสิ ไปกินข้าวกับนารามาน่ะ"
"งั้นเหรอ แค่สองคน?" คำถามนี้ชายหนุ่มหันมามองซินเนียด้วยแววตาเรียบนิ่ง ซึ่งเธอก็ไม่ได้มีพิรุธหรือกลัวว่าเขาจะจับอะไรได้สักนิด เพราะมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรที่มันเสียหาย
"ทำไม เกิดอาการหวงฉันขึ้นมาหรือไง"
"ฉันไม่ได้หวง แต่ถ้าเธอยังไม่ลืม จำข้อตกลงของเราได้ใช่มั้ย"
"ครินต์ถ้านายรู้จักฉันดีอย่ามาจับผิดฉัน ฉันคนมีสังคมไม่แพ้นาย ถ้าการไปกินข้าวกับใครหมายถึงจบที่เตียงนอน แบบนั้นนายกับลูกสาวนักการเมืองคนนั้นก็เหมือนกันใช่รึเปล่า?" คำพูดของซินเนียและประโยคที่เธอพูดออกมากำลังบ่งบอกว่าเธอไม่พอใจอย่างมาก
"ฉันเคยบอกแล้วว่าถ้าฉันบอกว่าจะไม่ยุ่งกับใครก็คือฉันจะไม่ยุ่ง"
"งั้นนายก็ต้องเชื่อฉันเหมือนที่ฉันเชื่อนายบ้าง ฉันไม่ก้าวก่ายนาย นายก็อย่าทำ อย่าลืมว่าเราสองคนไม่ใช่คนรักกัน" ซินเนียพูดจบก็เดินเข้าห้องนอนไปเลยเพื่อที่จะเลี่ยงการทะเลาะ เธอไม่ใช่คนใจเย็น เขาก็ด้วย เพราะแบบนั้นการไม่คุยกันตอนนี้จึงดีที่สุด
