ตอนที่ 8: ตัวปัญหา
Triskele ตั้งอยู่บนตึกชั้นสองของร้านขายหนังสือเก่าชื่อหนอนแก่ ดังนั้นจึงเรียกได้ว่า Triskele ไม่มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง ทางเข้าร้าน Triskele สามารถเข้าได้สองทางคือทางด้านข้างของร้านหนอนแก่หรือเข้าทางด้านในร้านขายหนังสือเลย
ตัวตึกของทั้งสองร้านเป็นห้องแถวสามชั้นติดถนนสายหลักในเขตธนบุรี หน้าร้านหนอนแก่เป็นห้องกระจกติดแอร์สองห้องติดกัน กนกเป็นเจ้าของตึกทั้งตึกและเปิดชั้นสองให้ปริ๊นเซสเช่าในราคาที่ไม่แพงมากเนื่องจากไม่มีหน้าร้าน แต่เพราะเช่นนั้นจึงทำให้สถานที่นี้เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจใต้ติดของหญิงสาว
ชั้นสามของตัวตึกห้องหนึ่งแบ่งเป็นที่เก็บหนังสือของร้านหนอนแก่และอีกห้องหนึ่งเป็นที่เก็บของจิปาถะของร้าน Triskele ถือเป็นการแบ่งเช่าสถานที่ถึงที่คุ้มค่าและเป็นสัดส่วนอย่างยิ่ง
ชญาดาเดินถือกำไรข้อมือที่มีเหรียญของ BDSM ยื่นส่งให้ดาวเหนือโดยที่ไม่ต้องเอ่ยอะไรมาก ดาวเหนือจัดการลงบันทึกวันและเวลานัดให้กับลูกค้าสาว พร้อมกับยื่นใบสมัครซึ่งระบุกฎระเบียบและวิธีการเตรียมตัวล่วงหน้าสำหรับลูกค้าใหม่ให้เธอ
ปริ๊นเซสไม่ได้บอกชญาดาว่าเธอเป็นเจ้าของร้าน ส่วนดาวเหนือนั้นรู้ทันทีว่าชญาดาเป็นคนที่ปริ๊นเซสแนะนำมาเพราะมีแต่นายหญิงของเขาเท่านั้นที่ใช้เหรียญ Triskele เป็นใบเบิกทางให้ลูกค้าใหม่
"นามแฝง?" ชญาดาถามเสียงสูงตอนอ่านใบสมัคร
"ลูกค้าที่นี่ไม่ใช้ชื่อจริงกัน ถ้าคุณต้องการใช้ชื่ออื่น" ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มตอบน้ำเสียงสุภาพ "ทางร้านจะใช้นามแฝงทุกครั้งที่มีการติดต่อกับลูกค้าทางโทรศัพท์หรือจดหมาย อีกทั้งชื่อนี้ยังเป็นรหัสลับในกรณีที่คุณส่งคนอื่นเพื่อให้ติดต่อธุรกิจกับร้านเรา ยกตัวอย่างในกรณีเลื่อนนัดหรือต้องการยกเลิกเวลานัด"
"อ้อ..." หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะเขียนนามแฝงของเธอลงไปในแบบฟอร์ม 'เบลล่า'
"เบลล่า สวอนจากหนังเรื่องทไวไลท์ ไม่ใช่เบลล่าที่เป็นนางเอกในบุพเพสันนิวาส" ชญาดารีบบอกทำเอาดาวเหนือหลุดขำออกมาเบา ๆ กับอารมณ์ขันน่ารัก ๆ ของเธอ เขาไม่สงสัยเลยว่าทำไมนายหญิงของเขาถึงแนะนำเธอมาเพราะปกติแล้วปริ๊นเซสจะไม่แนะนำลูกค้าใหม่มาที่ร้านโดยตรงมากนักนอกจากคน ๆ นั้นจะมีอะไรพิเศษจริง ๆ
หลังจากชญาดากรอกใบสมัครและลงเวลานัดเรียบร้อยเธอก็เดินออกจากร้านและหยิบโทรศัพท์ขึ้นหาที่อยู่ที่เธอจะต้องไปต่อ โชคดีอยู่อย่างหนึ่งคือสถานที่เป้าหมายอยู่ไม่ห่างจากร้าน Triskele มากนัก
ชญาดาขับรถเข้าซอยเล็ก ๆ ไม่ไกลจากร้านหนอนแก่และหยุดรถที่หน้าบ้านไม้สองชั้นแห่งหนึ่ง หน้าบ้านมีต้นมะขามกับลานจอดรถขนาดกำลังดีซึ่งถือว่าแปลกมากสำหรับบ้านคนแถบนี้ที่ที่ดินว่างมีราคาเป็นเงินเป็นทอง หญิงสาวกดกริ่งข้างรั้วเหล็กที่ทาสีฟ้าเขียวกั้นบ้านไม้ทรงโบราณซึ่งไม่ถือว่าสวยหรู แต่ด้วยความที่เป็นบ้านเก่าทำให้ดูแปลกตาและโด่ดเด่นกว่าบ้านหลังอื่น ๆ
ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจ้องหน้าเธอผ่านลูกกรงเหล็ก
"ชญาดา" ปริ๊นเซสตะลึงจ้องหน้าเพื่อนสาวและดูเหมือนชญาดาเองก็แสดงสีหน้าประหลาดใจไม่แพ้กัน เธอหันมองรั้วเหล็กอีกครั้งแล้วจ้องลงบนกระดาษในมือของเธอเพื่อให้แน่ใจว่าเธอมาถูกที่ ส่วนปริ๊นเซสรีบเปิดประตูให้เธอ
"มีอะไรเหรอ" แดนเดินออกมาสมทบกับปริ๊นเซสแล้วเสียงชญาดาก็ร้องดังขึ้น "พี่แดน"
"Hi...ญาดา ก็ไหนว่าจะส่งให้ทางไปรษณีย์" แดนพูดกับเธออย่างเป็นกันเอง ปริ๊นเซสยืนตะลึงเพราะไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งแดนกำลังจะแนะนำหญิงสาว
"นี่ชญาดา..." หากคนที่ถูกแนะนำรีบขัด
"ลูกพี่ลูกน้อง เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน" หญิงสาวชิงกล่าว ปริ๊นเซสหรี่ตาให้กับทั้งคู่ด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์
แดนกับชญาดานั่งเบียดกันอยู่บนโซฟาแบบ Loveseat สองที่นั่งในห้องนั่งเล่นเหมือนเด็กสองคนที่กำลังนั่งสำนึกผิด ในขณะที่ปริ๊นเซสยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์จัดเตรียมน้ำดื่มให้กับแขกที่ปรากฏว่าไม่ใช่แขกของเธอ ชญาดาสะบัดไหล่ไปทางแดนเพื่อให้แดนเป็นคนสารภาพ หากเมื่อปริ๊นเซสเดินเอาน้ำดื่มมาวางไว้ให้แขกสาว ทั้งคู่ก็ยังไม่มีใครยอมปริปากออกมาอยู่ดี เจ้าของบ้านสาวจึงปรายหางตาตัดสวาทไปที่บุคคลทั้งสองคนทำให้ผิวหนังของทั้งคู่เย็นวูบขึ้นมาทันที
"ถ้างั้นเดี๋ยวฉันขอตัวไปทำการบ้านต่อ" ปริ๊นเซสตัดบทน้ำเสียงเข้มแสดงให้รู้ว่าเธอไม่พอใจ เพราะเธอสัมผัสได้ว่าทั้งคู่น่าจะมีอะไรบางอย่างปิดบังเธออยู่ และเธอไม่ชอบคนที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ไม่บริสุทธิ์ใจ
ชญาดากระทุ้งศอกเข้ากับสีข้างของแดนอีกครั้งทำให้ครั้งนี้แดนต้องลุกขึ้นไปดึงแขนของปริ๊นเซสเอาไว้
"เดี๋ยวสิ" เขากระซิบข้างหูเธอ "หึงเหรอ"
"หึงบ้าอะไรล่ะ ฉันเคยหึงพวกผู้หญิงของคุณคนไหนบ้าง ฉันแค่ไม่ชอบที่มาทำอ้ำอึ้งลับ ๆ ล่อ ๆ อะไรกัน ถ้าไม่อยากพูดต่อหน้าฉัน ฉันก็จะไป" ปริ๊นเซสตอบ ขณะที่แดนชำเลืองมองไปทางชญาดา สีหน้าของชญาดาเองก็มีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด
"ได้ งั้นคุณมานั่งก่อนแล้วเดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง" แดนดันไหล่ของปริ๊นเซสกลับไปยังห้องนั่งเล่นและกดเธอลงนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวอีกตัวที่ตั้งอยู่ด้านขวาของ Loveseat ก่อนจะหย่อนตัวเขาลงข้างชญาดาอีกครั้ง
ทั้งคู่จ้องหน้ากันเบิกตากว้าง แดนกลืนน้ำลาย
"เราไม่ได้เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน" ชายหนุ่มสารภาพ
"แต่ก็เหมือนลูกพี่ลูกน้องนะ" ชญาดาแทรกขึ้นมา แดนหันไปขมวดหัวคิ้วใส่เธอแบบผู้ใหญ่ดุเด็กเล็ก ๆ
"ครอบครัวของพวกเราพยายามจะจับคู่ให้พวกเราแต่งงานกัน" แดนตอบพยายามจับสังเกตปฏิกิริยาของปริ๊นเซสแต่เขาก็อ่านเธอไม่ออก
"แต่เราไม่ยอม" ชญาดาโบกมือ
"ผมเห็นชญาดาเป็นแค่น้องคนหนึ่งที่วิ่งเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก" แดนกลอกตาไปมาก่อนจะมองไปที่หญิงสาวที่เขาเพิ่งเอ่ยถึง
"และฉันก็เป็นเลสเบี้ยนแบบเห็นจู๋ผู้ชายก็ไม่ต่างกับเห็นงู คือขอตีให้ตายดีกว่าเข้าใกล้..." ชญาดากำมือตัวเองด้วยท่าทางมุ่งมั่น
"เฮ้ย...อย่าพูดให้มันเห็นภาพอย่างนั้นสิวะ เสียว" แดนเอามือปิดเป้ากางเกงตัวเองเล่นมุกตลกร่วมกับชญาดาไปด้วย แต่มันก็ไม่ตลกพอที่จะทำให้คนฟังยิ้มออก
"ก็แสดงว่าพวกคุณเป็นคู่หมั้นกัน" ปริ๊นเซสสรุป ความขวานผ่าซากของเธอทำให้สีหน้าของทั้งคู่บูดเบี้ยวขึ้นมาทันที
"จะเรียกอย่างนั้นก็ไม่ผิด" ชญาดาพ่นคำพูดผ่านช่องฟันของตัวเอง
"โอเค" เจ้าของบ้านพยักหน้าแล้วก็ดันตัวเองขึ้นจากโซฟาไม่พูดอะไรต่อ แต่สีหน้าของเธอคลายความถมึงทึงลงอย่างเห็นได้ชัด
ตัวปัญหาสองคนมองหน้ากันอย่างงง ๆ
"ปริ๊นเซสเป็นแฟนของพี่เหรอ" ชญาดามองร่างของหญิงสาวซึ่งค่อย ๆ เดินขึ้นบันไดชั้นสองไปจนคอเอียงไปทางด้านหลังค้างอยู่อย่างนั้น
"อืม...ไม่เชิง It's complicated." แดนเกาหัวตัวเองไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบอย่างไร
"งั้นฉันจองนะ" ชญาดารีบตีตราประทับ
"เฮ้ย...ไม่ได้" แดนตวาดใส่
X
