บท
ตั้งค่า

5 คืนเข้าหอ

เสียงจอแจที่อื้ออึงอยู่ในหูมาทั้งวัน เงียบลง...

เสียงลมหายใจที่เหมือนไม่ได้ยินนานแล้ว ได้ยินชัดขึ้น จนต้องถอนออกมาเพื่อย้ำ ว่ายังมีอยู่

“เหนื่อยไหม” เสียงทุ้มที่เริ่มคุ้นหู ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ตามด้วยอ้อมกอดอบอุ่น ที่ดูแข็งแกร่งและมั่นคงเหลือเกิน

พินยุพาหลับตาลงเชิงน้อมรับในอ้อมกอดนั้น แต่ร่างกายกลับเกร็งเข้า เพราะยังไม่คุ้นชินกับการถูกสวมกอดแบบแนบชิดจากชายแปลกหน้า

ใช่ แม้เธอจะแต่งงานกับเขาแบบถูกต้องตามกฎหมายและประเพณีแล้ว หากแต่วันเวลาแค่ร่วม 1 สัปดาห์ มันก็ไม่ง่ายเลยสำหรับการคุ้นเคยกับบุคคลหนึ่ง

“นิดหน่อยค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ช่วงเวลาเย็นของทุกวัน มันดูเย็นมากกว่าปกติ ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น

ภาพของอดีตคนรักซ้อนเข้ามาอย่างไม่อาจหักห้าม ความรู้สึกเศร้าที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงมันมาตลอด ทามทับเข้ามา

“คิดถึงเขาเหรอ” น้ำเสียงอาทรเอ่ยถามออกมาเชิงเข้าใจ จนเธอต้องหันไปเผชิญหน้า

“เปล่านะคะ...” เธอพยายามที่จะโกหกเพื่อให้เขาสบายใจ

“ผมรับได้ และรู้ว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว” ชายสุขุมที่แอบกวนและหาเรื่องหลบหลีกคำถามของเธอ พูดเชิงจริงจังออกมาเป็นครั้งแรก

“มันไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะลืมรักเก่า 9 ปีได้ เพียงแค่สัปดาห์เดียวหรอก” เขาดึงเธอมาแนบกับอกเอาไว้ กลิ่นหอมกรุ่นเป็นเอกลักษณ์กับไออุ่นจากเรือนร่างแกร่ง ทำให้รู้สึกดีได้ไม่ยาก พินยุพารู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ช่างใส่ใจเรื่องสัมผัสหรือการเข้าใกล้

เขารู้วิธีสื่อสารผ่านร่างกาย ไม่ผลีผลามหรือทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเลยสักครั้ง แต่ก็อย่างว่า...เธอต้องการเวลาไม่น้อยเหมือนกัน

“ฉันขอโทษ...”

“จำเอาไว้ว่าจากนี้ไป คุณจะเป็นคนที่ทำอะไรก็ไม่ผิด”

“หือ?” ช้อนดวงตาดำขลับขึ้นสบกับดวงตาคมเข้ม ที่ทอดมองมาอย่างจริงจัง

คำพูดของเขาดูเหมือนจะเย้าเล่น แต่น้ำเสียงและท่าทีหนักแน่นเหลือเกิน

“ไม่ต้องขอโทษผม เพราะภรรยาของผม จะไม่มีวันเป็นคนผิด...ไม่ว่าจะทำผิดหรือไม่ก็ตาม” เธอส่ายหน้าพร้อมขันเล็กน้อย

“ฉันจะเสียคนเอาได้นะ”

“เสียก็เสียไปสิ ไม่เห็นเป็นไร” ว่าพร้อมเอามือลูบศีรษะของเธอไปด้วย

พินยุพาบอกไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกยังไง เธอกำลังได้รับการปกป้องในแบบฉบับที่ไม่เคยพานพบมาก่อนในชีวิต ทั้งๆ ที่ก็มีคนเคียงข้างมาตลอดระยะเวลา 9 ปี

แต่มันเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เขาทำอยู่ในตอนนี้

“ผมรับได้ทุกอย่าง ไม่ว่าตอนนี้คุณจะเป็นยังไง จะรู้สึกอะไร รวมไปถึงรักใคร...ก็ตาม” และประโยคต่อมาของเขาก็ทำเอาแววตาดำขลับของเธอสลดวูบ รู้สึกผิดจับใจ

“คืนนี้ผมจะไปนอนอีกห้องหนึ่ง คุณใช้เวลาส่วนตัวได้เต็มที่เลยนะ” ชายหนุ่มค่อยๆ คลายอ้อมแขนที่ตะกรองร่างเล็กอยู่ จนเธอต้องรีบคว้าแขนเขาเอาไว้

“ฉันไม่อยากอยู่คนเดียวค่ะ” ดวงหน้าเกลี้ยงเกลาที่ล้างเครื่องสำอางออกหมดแล้ว เนียนใสหากแต่ความหมองจากแววตา ก็ทำให้ใบหน้ายังดูหม่น

“อยู่ดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหมคะ” เธอบอกเขาตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงสีขาว เธอดื่มเหล้าสังสรรค์ตามโอกาส แต่ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของชีวิตแบบนี้ เธอจำเป็นจะต้องพึ่งมันหน่อย

“ได้สิ เดี๋ยวผมลงไปเตรียมมาให้” แล้วเขาก็จรดปลายจมูกโด่งคมลงมายังหน้าผากเนียนเกลี้ยงของเธอเบาๆ แสดงความรักใคร่ในภาษาที่อ่อนโยนดังเดิม

ย้ำชัดให้เธอได้รู้ว่า...ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง เขาก็จะรัก

ทำไมนะ ทำไมเขาถึงได้รักเราอย่างไร้เงื่อนไขได้ถึงขนาดนี้

และมีเพียงคำถามที่ไร้คำตอบเท่านั้น ที่เกิดขึ้นในหัวของเธอได้ ในตอนนี้

พินยุพาถูกส่งเข้าเรือนหอที่บ้านของพ่อเลี้ยงธาดาในเย็นวันเดียวกันที่อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ซึ่งไกลจากอำเภอเมืองเกือบ 100 กิโลเมตรได้

บ้านของเขาตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ 30 กว่าไร่ มีทั้งส่วนที่เป็นไร่นาสวนผสม 10 ไร่ เป็นรีสอร์ท ร้านอาหารและร้านกาแฟอีก 10 ไร่และที่พักอาศัย 10 ไร่

เป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่แต่ดูร่มรื่นและอบอุ่น มีลูกน้อง แม่บ้าน คนงานในไร่ ใช้ชีวิตกันราวกับญาติสนิท ทุกคนต้อนรับเธออย่างอบอุ่น ในฐานะภรรยาพ่อเลี้ยง

“ขออีกหน่อย...นะ...” หญิงสาวผู้ปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเริ่มจะล้น ว่าน้ำเสียงที่ไม่มั่นคงเท่าไหร่ มองสายตาทอดออกไปยังวิวภูเขาเบื้องหน้า

“พอแล้ว” ธาดาดึงแก้วเหล้าชงฝีมือตัวเอง ออกจากมือเธออย่างระมัดระวัง

เธอในเวลานี้ ไม่ได้ต่างจากคืนนั้นที่เธออายุครบ 37 ปีบริบูรณ์

“ฉันอยากดื่มอีก...อยากดื่มให้ลืมทุกอย่าง..ฮือ” พินยุพาร่ำไห้ออกมาอย่างนั้น นับจากที่น้ำเมาได้กระจายไปทุกหย่อมเรือนร่าง

ภาพของอดีต ความหวังและคำถามทั้งหมดทั้งมวล มันถาโถมเข้ามาราวกับน้ำป่าไหลหลาก

“ฉันไม่เข้าใจ ว่าเขาทำแบบนี้ได้ยังไง เขาหลอกฉันมาตั้ง 9 ปีได้ยังไง...ฮือ” เรือนร่างแกร่ง นิ่งสงบ ในชุดสเวตเตอร์สีกรมกับกางเกงวอร์มขายาวสีเดียวกัน ทอดมองร่องรอยความเจ็บปวดของเธอ ด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดกว่า

“มานี่มา” เขายกเธอมาไว้บนตักตัวเอง ที่นั่งอยู่เก้าอี้ไม้สานตัวใหญ่ครึ่งวงกลม ดาดฟ้าหน้าห้องนอนชั้นสามของเขานี้ เป็นจุดชมวิวอย่างดี ที่ทำให้มองเห็นดวงดาวน้อยใหญ่ หยอกล้อกับยอดไม้ปลิวไหว ที่ไกลออกไปลิบๆ

“ร้องไห้ให้เต็มที่ เจ็บปวดแค่ไหนก็ระบายออกมา...แล้วซับน้ำตาที่อกผมนะ” สิ้นประโยคนี้ น้ำตาระลอกใหญ่ก็พากันรินไหลออกมา พินยุพาร้องไห้จนตัวโยน สั่นอยู่ในตักกว้างและอ้อมแขนอบอุ่น

กล้ามเนื้อเครียดที่ประกอบขึ้นมาเป็นเรือนกายเขา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกรายล้อมด้วยหินผา ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวเลยเมื่อได้อยู่ในปราการนี้

“ฮือ...ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ดีกับฉันขนาดนี้”

“เข้าไปในห้องกันนะ” น้ำเสียงทุ้มกังวานตัดกับความเย็นของน้ำค้าง นำความรู้สึกเคลิบเคลิ้มมาให้ หญิงสาวในชุดเสื้อนอนกับเสื้อกันหนาวไหมพรมสีครีม พยักหน้าตอบรับคำเชิญชวนของเขา

“อากาศที่นี่หนาวทุกคืนไม่ว่าฤดูไหน ช่วงนี้เข้าเดือนตุลาคมแล้ว...ก็จะหนาวกว่าปกติหน่อย” เขาบอกเล่าความเป็นไปของที่อยู่อาศัยใหม่ให้กับคนในอ้อมแขนทราบ

เขาอุ้มเธอยกขึ้นลอยแบบง่ายดาย พาก้าวข้ามเข้าไปในห้องนอนขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

“ขอบคุณนะคะ” เมื่อเขาวางเธอลงบนเตียงสีขาว ที่นุ่มสบายและอบอุ่น เธอก็อดขอบคุณเขาจากใจอีกครั้งไม่ได้

แม้สติสัมปชัญญะจะไม่ได้สมบูรณ์พร้อม แต่เธอก็สัมผัสได้จริงๆ ว่าทั้งหมดที่เขาทำให้ มันบริสุทธิ์และจริงใจแค่ไหน

“นอนหลับให้สบายนะ จะตื่นสายก็ได้...เดี๋ยวผมไปนอนอีกห้องหนึ่ง”

ธาดาเป็นบุรุษที่อยากจะนอนกับภรรยาในคืนแรกของการเข้าหอเหมือนเจ้าบ่าวทั่วไปนั่นแหละ เพียงแต่เขาอยากให้เธอพร้อมกว่านี้

“นอนด้วยกันเถอะค่ะ” แต่แล้วเธอกลับคว้าท่อนแขนของเขาเอาไว้ ออกแรงดึงให้เข้ามาใกล้ ด้วยแววตาที่ปรือฉ่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์

“ฉันไม่อยากนอนคนเดียว” สองสายตาสบกันด้วยความรู้สึกหวามไหว จนคนที่อดกลั้นมากยิ่งกว่าต้องขบสันกรามเข้าหากัน และกลืนน้ำลายลงคอ
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel