บท
ตั้งค่า

บทนำ ล้างตระกูล

บทนำ ล้างตระกูล

กลางเหมันต์ฤดู คืนหิมะโปรยปราย คฤหาสน์ใหญ่โตตระกูลหวงกลับมีเสียงกรีดร้องโหยหวนมิขาดช่วง ไม่เว้นแม้ริมกำแพง ใต้ต้นไม้ ซอกมุมเรือน เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นบนหิมะขาวยิ่งเห็นยิ่งให้สลดใจ เด็กเล็กเด็กน้อย บ่าว ไพร่ อายุไม่เท่าไรก็ถูกคมดาบคมกระบี่ปลิดชีพจนสิ้นทั้งคฤหาสน์

เมืองทั้งเมืองตกอยู่ภายใต้ความเงียบกลางลมหิมะ น่าสลดใจนักตระกูลหวงเคยมีความดีความชอบมากมายเป็นที่นับหน้าถือตา เพียงคืนเดียวเท่านั้นกลับกลายเป็นตระกูลผู้คิดก่อการกบฏ มีผู้คนมากมายไม่คิดเช่นนั้นแต่จะทำอย่างไรได้นี่คือพระบัญชาของกษัตริย์ กวาดล้างตระกูลหวงให้สิ้นมิเว้นผู้ใด

ไม่รู้โชคดีหรือร้ายบุตรสาวเพียงคนเดียวกลับไม่อยู่ในคฤหาสน์นางป่วยไข้อยู่หลายวัน มารดาจึงส่งไปรักษายังวัดบนเขา นางจึงรอดพ้นจากการฆ่าล้างตระกูลคืนนี้ คฤหาสน์หลังใหญ่ตกอยู่ภายใต้เปลวไฟ เช่นนั้นจึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าบุตรสาวอย่างหวงซิ่วอิงยังมีชีวิตอยู่

7 ปีผ่านไป

หอสุราอิงฮวาในตอนนี้มีชื่ออย่างมากเรื่องหญิงงามล่มเมือง ผู้คนมากมายจึงพากันมายลโฉม วันนี้ของทุกเดือนตั้งแต่สี่ปีก่อนทำให้หอสุรานี้มีชื่อเสียงมากขึ้น ผู้คนแวะเวียนมามิขาดเพื่อให้ได้ชมการประมูลหญิงงาม ‘ลี่อิน’

การประมูลคณิกาจะเริ่มขึ้นหลังยามโหย่ว หากผู้ใดให้ราคามากที่สุดเมื่อเริ่มยามห้ายแม่นางลี่อินจะไปดูแล เล่นดนตรี คอยอยู่ปรนนิบัติจนกว่าจะถึงยามโฉ่ว แต่ผู้ประมูลมิสามารถแตะต้องร่างกายนางได้หากนางไม่ยินยอม

ผู้คนล้วนเล่าลือกันว่าจนป่านนี้ยังไม่มีบุรุษใดได้แตะนางแม้ปลายเส้นผม คำเล่าลือเหล่านี้ทำให้บุรุษมากมายทั้งเศรษฐี พ่อค้า ขุนนาง พากันมาประมูล หว่านล้อมอยากรับนางเป็นทั้งภรรยาเอก ทั้งอนุ เชื้อพระวงศ์เองก็มีไม่น้อยเลย

ยามสองเท้าเปล่าเปลือยก้าวไปเบื้องหน้า กำไลข้อเท้าที่มีกระพรวนเล็กติดอยู่ส่งเสียงดังเรียกสายตาบุรุษและสตรีทั้งหออิงฮวาให้หันมอง ร่างบอบบางสวมอาภรณ์สีชมพูอ่อนช่างเข้ากับลานหิมะกลางหอยิ่งนัก เสื้อคลุมตัวนอกสีขาวบางพลิ้วปลิวตามลม ผิวกายขาวราวหิมะ ระบำงดงามอ่อนช้อยไม่มีผู้ใดไม่หยุดมอง

งามล่มเมืองยังน้อยไปเมื่อเทียบกับความงามตรงหน้ายามนี้ เรือนผมดำยาวสลวย ผมถูกเกล้าขึ้นไว้ด้านบนครึ่งหนึ่งปักปิ่นหยกรูปดอกท้อ คิ้วสวยได้รูป ดวงตากลมโตเปล่งประกาย จมูกและปากถูกปิดไว้ด้วยผ้าคลุมหน้าผืนบาง แม้จะเห็นเพียงครึ่งหน้าก็ไม่ทำให้นางดูงดงามน้อยลง

ผู้คนมากมายยังคงเคลิบเคลิ้มไปกับระบำลี่อิน ระบำที่นางเป็นคนคิดขึ้นเองและระบำเองเพียงผู้เดียว หญิงคณิกาอื่นในหอล้วนไม่กล้าระบำเทียบเคียงนางจึงไม่มีผู้อื่นระบำอีก เมื่อระบำจบนางจึงเดินไปนั่งกลางลาน สองมือเล็ก ๆ อ่อนช้อยหยิบผีผาขึ้นมาบรรเลงต่อ

“งดงามดังคำร่ำลือจริง ๆ” ท่านโหวน้อยแห่งจวนสวี่กล่าวกับผู้ดูแลหอ หลังการบรรเลงผีผาของนางจบลง เขาเองมาที่แห่งนี้เพราะอยากรู้นางงามล่มเมืองงามอย่างผู้คนร่ำลือจริงหรือไม่ ผู้ดูแลหอรีบก้มตัวคำนับรับคำชมจากท่านโหวน้อย คืนนี้เห็นทีการประมูลนี้คงมีผู้ร่วมประมูลจนราคาสูงอีกกระมัง

ทุกวันคณิกาคนอื่นจำต้องดูแลบุรุษนับไม่ถ้วนต่างจากลี่อิน นางทำเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น แต่หนึ่งครั้งของนางทำกำไรให้หอสุราแห่งนี้มากกว่าคณิกาผู้อื่นทำทั้งเดือนเสียอีก นางจึงได้รับการปฏิบัติที่พิเศษกว่าผู้อื่น

“เริ่มการประมูลได้” เข้าสู่ยามซวีสตรีวัยกลางคนกล่าวขึ้น นางยืนอยู่กลางลานหอสุรา บนแท่นไม้โดดเด่นกลางหิมะขาวโพลน ที่เดียวกับการบรรเลงผีผาก่อนนี้

“ห้าสิบตำลึง” นางยังไม่บอกราคาประมูลเริ่มต้นกลับมีผู้ร่วมประมูลให้มากกว่าเสียแล้ว ราคานี้มากกว่าราคาเริ่มต้นนางจึงเริ่มประมูลต่อไป

“หกสิบตำลึง”

“เจ็ดสิบ”

“แปดสิบ”

“หนึ่งร้อยตำลึง”

“สามร้อยตำลึง”

“ห้าร้อยตำลึง”

“ห้าร้อยตำลึง” ผู้ร่วมประมูลต่างพากันเงียบเมื่อมีคนประมูลราคาซ้ำกับบุรุษก่อนหน้า ท่านโหวน้อยลุกยืนสะบัดชายเสื้อตนเอง เขาเดินไปหยุดตรงริมระเบียงชั้นสอง มองลงไปกลางลานหิมะ ท่าทางเพียบพร้อมสง่างามทำให้ผู้คนพากันมองไม่น้อย “ทอง” เมื่อผู้คนพากันเงียบท่านโหวจึงเอ่ยคำต่อมาผู้คนพากันร้องฮือฮาทั่วหอ ตั้งแต่ประมูลมายังมิเคยเห็นผู้ประมูลมากเพียงนี้เลย

สุดท้ายไม่มีผู้ประมูลแข่ง ค่ำคืนนี้ท่านโหวน้อยจึงได้แม่นางลี่อินมาคอยอยู่ปรนนิบัติ หลังการประมูลจบเถ้าแก่ผู้ดูแลจึงขอตัวออกจากห้องไปพาหญิงสาวผู้นั้นเข้ามา

“ลี่อินคารวะท่านโหวน้อย” สตรีบอบบางอ่อนช้อยย่อตัวกล่าวคารวะลูกค้าคนสำคัญในคืนนี้ สวี่เลี่ยงหรงพยักหน้าพอใจกับสตรีตรงหน้า เขาลุกเดินไปหานางช้า ๆ หมายจะโอบประคอง นางขยับถอยหลังหนึ่งก้าวก่อนจะกล่าวกับบุรุษตรงหน้าด้วยท่าทีแช่มช้อยน่าทะนุถนอมจนมิอาจะกล่าวโทษเอาผิดใด

“ขอบคุณท่านโหวน้อยเจ้าค่ะ แต่ลี่อินมีกฎต้องรักษาหากท่านโหวมิทำตามกฎเกรงว่าต่อไปลี่อินคงมิอาจขัดขืนผู้ใดได้อีก ขอท่านโหวน้อยโปรดเมตตาลี่อินสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ” สตรีตรงหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงรื่นหู แบ่งรับแบ่งสู้ บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น น้ำเสียงอ่อนหวานของนางไม่ว่าบุรุษใดได้ฟังก็คงโกรธนางไม่ลง

“เช่นนั้นข้าต้องขออภัยแม่นางลี่อินด้วย เชิญนั่งเถอะ” สวี่เลี่ยงหรงกล่าวจบก็ผายมือให้นางเข้าไปด้านใน นางย่อตัวครั้งหนึ่งแล้วเดินเข้าไปภายในห้อง

“ท่านโหวน้อยบอกลี่อินได้หรือไม่เจ้าคะว่าชอบสิ่งใด”

“ก่อนข้าจะบอกว่าชอบสิ่งใด แม่นางควรถอดผ้าคลุมหน้าก่อนหรือไม่ ข้าประมูลเวลาของแม่นางมาราคามิใช่น้อยเลย”

“ขออภัยท่านโหวน้อย” หญิงสาวเบนใบหน้าค่อย ๆ ปลดผ้าคลุมออก จากนั้นจึงหันกลับมามองผู้เป็นลูกค้าในวันนี้ช้า ๆ ดวงตาเรียวคมเบิกขึ้นเมื่อเห็นดวงหน้างดงามทั้งหมดโดยปราศจากผ้าคลุม ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมช่างงดงามนัก ยิ่งไม่ถูกสิ่งใดบดบังยิ่งงดงาม

ผู้ชนะการประมูลเท่านั้นจึงมีโอกาสได้เห็นใบหน้าของนางอย่างเช่นตอนนี้ คำเล่าลือจึงยิ่งไปไกลเพราะผู้เห็นมีไม่มาก

“ท่านโหวน้อย” สวี่เลี่ยงหรงนิ่งเงียบตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเองไปครู่หนึ่ง หากไม่ได้ยินเสียงหวานเรียกคงไม่อาจคืนสติได้ในตอนนี้ บุรุษรูปงามตรงหน้าแย้มยิ้มให้นางอย่างจริงใจ มิใช่ยิ้มปั้นแต่งอย่างเคย

สวี่เลี่ยงหรงเป็นบุตรชาติคนโตของตระกูลสวี่ที่มีหน้ามีตามากในเมืองจิงโจวหลังเหตุการณ์ปราบกบฏ เจ็ดปีก่อน เขาจึงรับสืบทอดบรรดาศักดิ์จากบิดา เขาไม่มีความคิดอยากรับราชการเหมือนบิดาแต่เขาเป็นบุตรชายคนโตจึงมิอาจขัดคำบิดาได้

ตระกูลสวี่มีบุตรเพียงสองคน บุตรชายคนโตสวี่เลี่ยงหรง บุตรสาวสวี่ลี่จูแต่น้องสาวได้พูดคุยหมั้นหมายกับตระกูลมู่ที่เป็นหนึ่งในสองตระกูลใหญ่ของเมือง ตระกูลมู่มิได้รับราชการแต่เป็นตระกูลใหญ่เพราะน้องสาวมู่ชิงอีเป็นถึงหวงกุ้ยเฟยในฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และยังเป็นเจ้าของหอสุราแห่งนี้อีกด้วย

“งดงามสมคำร่ำลือจริง ๆ แม่นางคงฟังคำพูดนี่จนเบื่อแล้วกระมัง” ลี่อินยิ้มให้กับคำพูดเมื่อครู่ จากนั้นจึงหันไปเทสุราใส่จอกกระเบื้องเคลือบอย่างดีให้บุรุษหนุ่มตรงหน้า สวี่เลี่ยงหรงสังเกตทุกท่าทีทุกการกระทำของนาง

“หากท่านโหวน้อยไม่ยอมบอก เช่นนั้นลี่อินจะบรรเลงเพลงให้ท่านได้ฟัง” สิ้นเสียงหวานนิ้วมือขวากดลงบนสายเสียงของฉินไม้ขนาดกลางเนื้อไม้เงาวาวงดงาม มือซ้ายดีดสายเสียงตามบทเพลง เรียวนิ้วเคลื่อนไปมาพลิ้วไหวแผ่วเบาแต่ยังคงความอ่อนช้อยเอาไว้ ทำนองเพลงสุภาพอ่อนโยนเข้ากับภาพตรงหน้าเหมาะสมยิ่งเมื่อผู้บรรเลงคือหญิงงามผู้นี้

เขามิอาจละสายตาจากนางได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว แต่นี่แหละสิ่งที่นางต้องการ นางรู้ว่าต้องทำอย่างไร ทำสิ่งใดบุรุษมากมายจึงยอมศิโรราบแด่ตนเอง บุรุษผู้นี้ก็ไม่เว้นเช่นกัน

“พี่ลี่อิน จะออกไปอีกแล้วหรือ” ผิงผิงสาวงามนางหนึ่งเอ่ยถามนางถูกนำมาขายบังคับให้เป็นนางคณิกายังหออิงฮวา ด้วยความสงสารลี่อินจึงซื้อนางมาคอยรับใช้ หลังจากวันประมูลพี่สาวลี่อินมักจะออกไปนอกหอสุราเสมอ นางไม่รู้ว่าพี่สาวคนดีไปที่ไหน ไปทำไม แต่นางเห็นภาพแบบนี้มาตลอดสองปี

“ข้ามีบางอย่างต้องทำ เจ้าอยู่นี่คอยต้อนรับท่านโหวน้อยให้ข้าก็พอ เข้าใจหรือไม่”

“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ เช่นนั้นพี่ลี่อินท่านจะกลับมาเมื่อใด”

“อีกสองสามวันข้าจะกลับ”

“พี่ลี่อินดูแลตนเองด้วย เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ” ลี่อินพยักหน้าให้หญิงสาว จากนั้นหยิบหมวกไม้ไผ่สานที่มีผ้าสีขาวผืนบางคลุมอยู่ขึ้นมาสวมปิดบังใบหน้าตนเองเอาไว้ หากนางไม่ปกปิดใบหน้าเกรงจะออกจากหอได้ยากยิ่ง

นางสวมอาภรณ์สีเขียวเหมือนสตรีทั่วไปจะได้ไม่สะดุดตามากนัก เดินออกไปถึงนอกชานเมืองก็มีรถม้ารออยู่แล้ว

“เชิญคุณหนู” ชายผู้นั้นเอ่ยเชิญนางขึ้นรถม้า เขามารอนางที่นี่ตั้งแต่ครึ่งชั่วยามก่อน ทุกเดือนเขาจะขับรถม้ามารอนางเพื่อไปวัดบนเขา เวลาช่วงหนึ่งก้านธูปบนถนนแถบนอกเมือง ป่าเขารกร้าง คนขับรถม้าสังเกตเห็นหลังพุ่มหญ้าสูงเทียบเข่าดูเหมือนมีคนนอนอยู่จึงหยุดรถม้า

“มีสิ่งใดหรือลุงจาง”

“ดูเหมือนมีคนบาดเจ็บ ข้าจะลงไปดูเสียหน่อย ท่านรอที่นี่เถิด” จางหย่งลงจากรถม้าเดินตรงไปพุ่มหญ้าสูง พลิกกายคนที่นอนคว่ำอยู่บนพื้น ตามร่างกายเปรอะเลือดไม่น้อย ดูท่าจะบาดเจ็บมานานแล้ว

“ให้ข้าดูหน่อยเถอะลุงจาง เผื่อช่วยสิ่งใดเขาได้” หลังพลิกตัวคนเจ็บให้นอนหงาย คนขับรถม้าจึงเบี่ยงตัวหลบให้สตรีด้านหลังเข้ามาดูอาการ

“ดูเหมือนจะหนักเอาการ ลุงจางพาเขาขึ้นรถม้าไปด้วยเถอะ ที่นี่หนาวเย็นเกินไปหากอยู่นานเกินไปเกรงจะหนาวตายเป็นแน่” หลังจากจับชีพจรคนเจ็บแล้วจึงหันไปบอกกับบุรุษด้านหลัง ใบหน้าเขาเปื้อนดินโคลน ตามเนื้อตัวมีบาดแผลจากการถูกครูดเกี่ยว เปื้อนเลือด เสื้อผ้ามีแต่รอยแห้งกรังของเลือด ตัวขาวซีดเย็นเฉียบ ไม่รู้ว่านอนอยู่นี่มานานเท่าใด จากอาภรณ์ที่เขาสวมคงเป็นบุตรผู้ดีมีเงินอย่างแน่นอน แต่มิรู้ว่าเป็นบุตรผู้ดีตระกูลใด

“คุณหนู นี่มิใช่หยกแขวนตระกูลมู่หรอกหรือ” จางหย่งเอ่ยขึ้นขณะพาเขาขึ้นรถม้าได้ บังเอิญเชือกแขวนหยกห้อยเอวขาด ทำให้หยกแขวนของเขาหล่นลงบนรถม้า

“เช่นนั้นบุรุษผู้นี้ก็คงเป็นบุตรชายของมู่ชิงอีกระมัง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel