คณิกาฉ่ำรัก (แก้แค้นตบจูบ)

46.0K · จบแล้ว
ลออจันทร์ / เลี่ยงจิน 亮金
21
บท
13.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

‘ซือเซียน’ หญิงสาวที่มีความงดงามปานล่มเมือง ชะตาชีวิตกลับต้องพลิกผัน หลังจากมารดาเสียชีวิตนางถูกพ่อเลี้ยงนำไปขายให้กับซ่องนางโลมชื่อดัง ซ้ำร้ายยังถูกเข้าใจผิดว่านางคือ ‘ฝูหลงฮาว’ หญิงคณิกาชั่วช้าสามานย์ล่อหลอกบุรุษจนถึงแก่ความตายมานักต่อนัก ซือเซียนต้องรับเคราะห์ถูกท่านแม่ทัพหลอกล่อให้ลุ่มหลงและทอดทิ้งนางอย่างไร้เยื่อหวังแก้แค้นให้ผู้เป็นพี่ชาย ชีวิตของนางจะเป็นอย่างไร... ท่านแม่ทัพผู้ขึ้นอย่างสิงห์จะลงอย่างลูกหมาหรือไม่... ************************* สองมือหนาจับไหล่บอบบางสั่นเทิ้มของนางเอาไว้อย่างแผ่วเบา สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสายส่งผลให้เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยจากการกอดรัดยิ่งดูเร้ารัญจวนจนเขาแทบจะอดใจไม่ไหว ใบหน้าของหญิงคณิกาเจ้ามารยาแดงระเรื่อราวกับสาวแรกแย้มที่เพิ่งเคยสัมผัสมือชาย ดวงตาของนางวาววับเสียยิ่งกว่าหยาดน้ำฝนยามต้องแสงจันทรา ริมฝีปากบวมเห่อจากการจูบจ้วงซ้ำๆ ความงดงามเช่นนี้สินะจึงทำให้เกิดวลีที่ว่า ‘งามปานจะล่มเมือง’ ไม่มากเกินไปด้วยซ้ำหากบุรุษทั่วหล้าจะต่อสู้ฆ่าฟันเพื่อแย่งชิงนางไปครอบครอง หึ! มารยามากเล่ห์ เนื้อตัวสั่นระริกราวกับไม่เคยต้องมือชาย นวลแก้มระเรื่อเขินอาย จูบแสนหวานไร้เดียงสาที่สามารถปลุกปั่นความหวงแหนในหัวใจบุรุษทุกคนที่ได้ครอบครองนาง เช่นนี้สินะ! พี่ใหญ่จึงได้หลงใหลในตัวเจ้าจนคิดสั้นผูกคอตาย! แม่ทัพหม่ากระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างค่อนแคะ ทว่าเพียงเสี้ยวอึดใจเดียวเท่านั้นก็ปรับสีหน้าให้อ่อนโยนโดยที่คนตัวเล็กกว่าไม่ทันสังเกตเห็น

นิยายจีนโบราณนิยายรักแม่ทัพผู้ชายอบอุ่นแก้แค้นฟินๆจีนโบราณโรแมนติก18+ดราม่า

บทนำฉ่ำรัก บุรุษผู้มีกลิ่นอายความตาย

บทนำฉ่ำรัก

บุรุษผู้มีกลิ่นอายความตาย

ทำเลทอง

หลังจากพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าสถานที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยโคมไฟสีแดงประดับตามมุมต่างๆ เจิดจรัสราวกับดาวระยิบระยับประดับผืนดิน จนมีบัณฑิตผู้หนึ่งในแคว้นไห่เหอเปรียบเปรยเอาไว้ว่า

‘หอนางโลมเหม่ยซิง’ นั้นสว่างไสวเสียยิ่งกว่าจันทร์เพ็ญบนท้องนภาเสียอีก

ในห้าดินแดนสองมหาสมุทรนี้ไม่มีบุรุษผู้ใดไม่รู้จักหอนางโลมเหม่ยซิง ขึ้นชื่อเรื่องสาวงามปานล่มเมือง งดงามและสูงค่า ราคาค่าตัวของพวกนางนั้นแพงแสนแพง เกินกว่าชายสามัญชนทั่วไปจะเอื้อมถึง

สาวงามเหล่านี้ถูกฝึกฝนให้มีคุณสมบัติเพียบพร้อม พวกนางชำนาญการขับร้อง เล่นกู่เจิง เซียว ผีผา อ่านเขียนโคลงกลอน หรือแม้แต่วาดภาพด้วยพู่กันอย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งยังชำนาญการเล่นเหวยฉี ลับสมองกับเหล่าบุรุษได้อย่างไม่เบื่อหน่าย

จึงยิ่งทำให้หญิงคณิกาของหอนางโลมเหม่ยซิงเป็นที่เลื่องชื่อไปทั่วทั้งห้าดินแดน

ทุกค่ำคืนมักมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มารอยคอยเพื่อที่จะยลโฉมพวกนางที่งดงามเปรียบดั่งนางฟ้านางสวรรค์บนโลกมนุษย์

คืนนี้ก็เช่นกัน....

ชั้นสองของหอนางโลมเหม่ยซิงแน่นขนัดไปด้วยชายหนุ่มเกือบร้อยชีวิต อาหารเลิศรสพร้อมสรรพ สุราดีกรีแรงพร้อมร่ำ ดนตรีขับขานชวนฟัง นารีคอยเคล้าคลอไม่ขาด

การบริการล้วนเสมอภาค ทว่าตำแหน่งโต๊ะต่างหากที่แตกต่างและบ่งบอกถึงฐานะของผู้จ่ายได้เป็นอย่างดี ยิ่งใกล้เวทียิ่งแพง ยิ่งไกลจนติดทางขึ้นลงบันไดยิ่งราคาถูก

“สุราเลิศรสสำหรับแขกคนพิเศษแห่งหอเหม่ยซิง ข้าขอดื่มคารวะให้ใต้เท้าชงไฉ่ที่เป็นเกียรติมาเยือนแทบทุกค่ำคืน”

หญิงสูงวัยในชุดสีเลือดนก ตกแต่งใบหน้าจัดจ้าน รวบผมขดเป็นมวยก้นหอยแล้วประดับด้วยปิ่นเนื้อทองราคาแพงระยับบ่งบอกถึงระดับฐานะ ว่าการค้ากามนั้นทำรายได้มากมายมหาศาลให้แก่นางสักเพียงใด

“ขอบใจแม่นางหลวนเหยา หญิงสาวที่หอเหม่ยซิงเปรียบดั่งดอกไม้งามบานสะพรั่ง ข้าก็เป็นเพียงแมลงภู่ที่หมายมาเชยชม โปรดดูแลข้าเฉกเช่นคนอื่นๆ เถิด”

ชายสูงวัยหันมายิ้มอย่างสุภาพ รับสุราจากแม่เล้าหลวนเหยามาดื่ม พลางสอดส่ายสายตามองไปทั่ว ก่อนจะกระซิบถามนางพอให้ได้ยินกันแค่เพียงสองคนว่า

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้หญิงงามคนใหม่มางั้นหรือ”

“ใต้เท้าชงไฉ่หูตาช่างกว้างไกล ข้าน้อยขอนับถือ ข้าเพิ่งได้นางมาเมื่อสองเดือนก่อน ฝึกฝนจนนางงามพร้อมทั้งกิริยา วาจา และการปรนนิบัติบุรุษ วันนี้จึงเป็นวันแรกที่นางจะออกมาปรากฏตัวให้แขกเหรื่อทุกท่านได้ชื่นชม”

หลวนเหยาจงใจตอบเสียงดังเพื่อให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่เงี่ยหูฟังได้ยินสิ่งที่นางพูด ซึ่งได้ผลเสียงซุบซิบจอแจดังไปทั่ว ต่างคาดเดาถึงคณิกาคนใหม่อย่างกระตือรือร้น

พลันเสียงดนตรีก็บรรเลงขึ้นพร้อมกับเหล่านางคณิกากว่าสิบชีวิตในชุดสีชมพูหวานออกมาร่ายรำบนเวทีอย่างอ่อนช้อย ส่งผลให้เหล่าบุรุษเบาเสียงลงแล้วหันไปร่ำสุราเคล้าความงามของเหล่านารีที่กำลังเริงระบำราวกับผีเสื้อแสนหวาน

กระทั่งล่วงเข้ายามห้าย นับเป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอยของเหล่าสุภาพบุรุษที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ เพราะเป็นเวลาประมูลสาวงามคนใหม่ของหอนางโลมเหม่ยซิง ชายผู้ที่กระเป๋าหนักที่สุดในค่ำคืนนี้จะได้เชยชมนางเป็นคนแรก ก่อนที่นางจะกลายเป็นหญิงมีตำหนิรับแขกทุกคืนวันเฉกเช่นสาวงามคนอื่นๆ

“ก่อนอื่นข้าต้องขอคารวะทุกท่าน ที่สนับสนุนหอนางโลมเหม่ยซิงมาโดยตลอด เพื่อเป็นการขอบคุณน้ำใจของพวกท่านข้าน้อยมีสาวงามคนใหม่มาแนะนำให้สุภาพบุรุษทุกท่านได้ทำความรู้จัก นางนั้นอ่อนหวาน น่ารัก เป็นหญิงชาวบ้านจากแคว้นหานที่แสนกันดาร เดินทางมาที่นี่เพื่อหาเงินจุนเจือครอบครัว ขอใต้เท้าทุกท่านได้โปรดเมตตาและเอ็นดูนางด้วย”

หลวนเหยายืนอยู่หน้าเวทีซึ่งทำจากไม้ยกสูงขึ้นไปราวๆ สามฉื่อ เพื่อให้แขกเหรื่อทุกท่านได้มองเห็นจนถ้วนทั่ว ผู้เป็นแม่เล้าจงใจแต่งแต้มเรื่องราวเพื่อให้คณิกาคนใหม่เป็นเด็กกตัญญูน่าสงสาร

ซึ่งก็นับเป็นความจริง คณิกาคนใหม่นี้ถูกบิดาเลี้ยงบีบบังคับนำมาขายเพื่อนำเงินไปใช้หนี้อย่างไม่ยินยอม ขายขาดในราคาสูงโดยไม่คิดจะย้อนกลับมาไถ่ตัวนางกลับไปเสียด้วยซ้ำ

แรกทีเดียวแม่เล้าหลวนเหยาว่าจะไม่รับซื้อ ด้วยวางแผนเอาไว้ว่าจะรับหญิงคณิกาจากเมืองฮุยผิงมาประดับหอนางโลม หญิงสาวนางนั้นมีฉายาว่า ‘ฝูหลงฮาว’ นางมีความสามารถมากมาย จริตมารยาร้อยแปดกระบวนท่า ไม่ว่าหอนางโลมใดก็ล้วนอยากได้ตัวนางมาไว้เพื่อยกระดับด้วยกันทั้งนั้น

ทว่าระหว่างทางฝูหลงฮาวกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม่เล้าวัยกลางคนจึงต้องรีบเสาะหาสาวสวยคนใหม่มาขัดตาทัพ

ซึ่งนับว่านางมีโชคทางด้านนี้ จึงได้หญิงสาวที่มีความงามยิ่งกว่ามาครอบครอง แม้ว่าจริตมารยาจะแข็งทื่อจนน่าเวียนหัว ต้องคอยดัดคอยสอนให้อ่อนช้อยช่างเอาอกเอาใจชาย

แต่หากพูดถึงหน้าตารูปร่างอรชรนั้น นางงดงามปานจะล่มเมือง ชวนให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เคลิ้มฝันแทบฆ่ากันตายเพื่อแย่งชิงนางเลยทีเดียว

“น่าสงสารเหลือเกิน ถ้าข้าได้กอดรับขวัญนางคงจะดีไม่น้อย” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงคึกคะนองฉายชัดว่าดื่มสุราไปมากโข

“นับตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยเจอสาวงามคนใด งดงามเท่านางเลย”

“แค่ได้ยลความงามก็นับว่าเป็นวาสนาของข้าแล้ว”

“พวกเจ้าคงได้แค่ฝัน เพราะวันนี้ข้านำตั๋วแลกเงินมาจำนวนมาก รับรองเลยว่าครั้งแรกของนางต้องเป็นของข้า”

ชายอีกคนท่าทางโอ้อวด แต่งกายภูมิฐาน ทุกคนต่างรู้จักเขาเพราะเป็นถึงท่านอ๋องสิบเอ็ด ทว่าเป็นอ๋องปลายแถวเพราะเกกมะเหรกเกเร ไม่หยิบจับการงานสิ่งใด วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่นก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย

ทุกคนต่างถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินคำโอ้อวดคุยโวเช่นนั้น กระนั้นกลับไม่มีใครยอมถอดใจง่ายๆ โดยเฉพาะหนุ่มสูงวัยชงไฉ่ซึ่งนับเป็นลูกค้ากระเป๋าหนักประจำหอคณิกาก็หอบตั๋วแลกเงินมาไม่น้อยเช่นกัน

ใครดีใครได้ เรื่องผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเกรงใจหรือรอมชอมให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น

ทันใดนั้นเอง...

บุรุษผู้หนึ่งแต่งกายด้วยชุดสีดำสนิท เพียงเขาก้าวเข้ามาในหอนางโลมทุกสรรพชีวิตก็ถึงกับนิ่งงัน กลิ่นคาวเลือดและกลิ่นอายความตายจากชายผู้มาใหม่รุนแรงเสียจนทุกคนต่างยืดตัวตรงกำชับอาวุธข้างกายอย่างระมัดระวังตัว

บุรุษผู้นั้นไม่แม้แต่จะทอดสายตามองผู้ใด เขาทรุดกายลงนั่งยังโต๊ะตรงกลางที่ว่างอยู่ ผู้คุมหอชายรีบปราดเข้ามาต้อนรับเพราะลูกค้ารายนี้ได้ให้บ่าวรับใช้มาจองโต๊ะเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

โต๊ะตรงนี้นับว่าเป็น ‘ทำเลทอง’ ไม่ใกล้เวทีจนต้องแหงนหน้า ไม่ไกลจนต้องชะเง้อ แต่อยู่กึ่งกลางมองเห็นเวทีได้อย่างชัดเจนนั่นเอง

และแน่นอนว่าตำแหน่งโต๊ะตัวนี้มีราคาแพงที่สุดอีกด้วย

บุรุษเกือบทุกคนทำแค่เพียงแอบชำเลืองมอง ด้วยไม่กล้าหันไปมองตรงๆ พลางซุบซิบพูดคุยแผ่วเบาอย่างขลาดเขลา ต่างพากันเดาว่าชายผู้มีกลิ่นอายความตายนี้คงเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูง จึงได้สวมชุดดำอีกทั้งยังใช้ผ้าสีดำปิดบังใบหน้ากว่าครึ่ง มีเพียงดวงตาคมราวกับนัยน์ตามังกรเท่านั้นที่โผล่พ้นออกมา