บท
ตั้งค่า

เจ้าเสียใจมากเพียงใด

“หรือพระองค์กำลังเอาคืนกระหม่อม” กงหลี่เฉียงมองเว่ยอ๋องอย่างโกรธแค้น

“เหตุใดเปิ่นหวางต้องแก้แค้นเจ้าด้วยเล่า” เขากอดอกมองกงหลี่เฉียงอย่างยียวน

"พระองค์พึงใจในตัวชิงชิง คงจะยินดีไม่น้อยที่กระหม่อมมิได้แต่งนางเข้าจวน” กงหลี่เฉียงเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมา แต่เขาก็เพียงพูดออกมาให้ได้ยินเพียงแค่สองคน

“เช่นนั้นรึ แล้วอย่างไรเล่า หากเป็นเปิ่นหวางที่ได้ใจนางมาครองคงมิยอมให้เสียไปอย่างแน่ แต่เจ้าเล่า หึหึ น่าขันนัก” เว่ยอ๋องกระซิบข้างหู ทั้งยังปรายตาไปมองซิงเยียนอย่างดูแคลน

กงหลี่เฉียงตัวช้าวาบ เขาเพิ่งจะรู้ว่าเมื่อก่อนที่เคยยิ้มเยาะเว่ยอ๋องที่แย่งเยว่ชิงมาได้ ในตอนนี้เขาได้สูญเสียนางไปเสียแล้ว

หากไม่เชื่อคำมารดา ออกมาพบซิงเยียนในวันนี้ เขาคงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้แน่

แต่ไม่สิ หมอหลิวระแคะระคายเรื่องทั้งหมดได้อย่างไร หากไม่มีผู้ใดเอ่ยบอกเรื่องที่จวนของเขา หมอหลิวจะส่งคนตามสืบเรื่องทั้งหมดได้รึ

“เป็นท่านใช่หรือไม่ ที่ยุให้หมอหลิวสืบเรื่องของข้า” กงหลี่เฉียงเอ่ยถามเว่ยอ๋องออกมาทันที

“เจ้าพูดเรื่องอันใด คนชั่วเช่นเจ้า ต้องให้เปิ่นหวางลงมือด้วยรึ” เว่ยอ๋องยกยิ้มดูแคลนกงหลี่เฉียงที่คิดจะหาเรื่องเขา

“แล้วเช่นนั้น ท่านหมอหลิวจะสงสัยเรื่องของข้าได้อย่างไร”

“หึหึ กงหลี่เฉียงเอ๋อ กงหลี่เฉียง เจ้าคิดว่าผู้อื่นจะโง่เขลาไปตลอดเช่นนั้นรึ หากเปิ่นหวางเป็นคนลงมือ เจ้าเชื่อหรือไม่เล่าว่าความผิดของบิดาเจ้า เพียงพอให้หัวคนทั้งตระกูลกงหลุดออกจากบ่าได้” ประโยคหลังเว่ยอ๋องยื่นหน้าไปพูดให้กงหลี่เฉียงได้ยินเพียงผู้เดียว

คำพูดของเว่ยอ๋องทำให้กงหลี่เฉียงสั่นสะท้านออกมา เขาเชื่อในคำพูดของเว่ยอ๋อง เพราะรู้จักนิสัยของบิดาดี ยิ่งทำงานในกรมพิธีการด้วยแล้ว เรื่องที่ทำให้หัวหลุดจากบ่าคงมีไม่กี่เรื่อง

“หมดเรื่องสนุกแล้ว เปิ่นหวางขอตัว” เว่ยอ๋องเดินหัวเราะออกไปจากห้องรับรองทันที

เมื่อออกมาด้านนอกก็พบกับเสิ่นเจิ้งซี ผู้ตรวจการหนุ่มที่เป็นสหายของเขา

“ท่านอ๋อง ทรงสำราญไม่น้อยเลยนะพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นเจิ้งซีอดที่จะค่อนแคะเขาไม่ได้

“หึหึ หรือเจ้าไม่คิดว่าเรื่องนี้สนุกรึ อ้อ คงมีเรื่องให้ผู้ตรวจการเช่นเจ้าไปทำแล้ว” เว่ยอ๋องส่งกระดาษที่เขาหยิบติดมือมาด้วยให้เสิ่นเจิ้งซี

“นี่” เมื่ออ่านสิ่งที่เขียนอยู่ด้านใน เขาก็เงยหน้าขึ้นมองเว่ยอ๋องอย่างไม่อยากเชื่อ

“นอกจากจะมีเรื่องสนุกแล้ว เปิ่นหวางยังหางานให้เจ้าได้ด้วย หากได้เลื่อนขั้น อย่าลืมเลี้ยงเปิ่นหวางเล่า” เว่ยอ๋องตบบ่าเสิ่นเจิ้งซี ก่อนที่จะเดินออกจากโรงน้ำชาไปขึ้นรถม้ากลับตำหนัก

เขานึกถึงใบหน้ายามโกรธขึ้งในตอนเด็กของเยว่ชิงแล้วเผลอหัวเราะออกมา นางในตอนนั้นตัวอ้วนกลม แก้มทั้งสองข้างทำให้เขามันเขี้ยวจนเผลอไปจับเสียหลายรอบ

ยิ่งตอนที่นางโมโหจนหน้าแดงเขาก็ยิ่งอยากจะแกล้งนาง ยามที่นางโมโหจนจะร่ำไห้ แต่ไม่ยอมให้น้ำตาไหลออกมาก็ช่างน่าดู

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่เขาและนางไม่ได้หยอกล้อกันเช่นนี้ คงเป็นตอนที่เขาแกล้งนางจนเกือบตกน้ำ จนกงหลี่เฉียงทำตัวเป็นบุรุษขี่ม้าขาวมาช่วยสาวงามกระมัง ครั้งนั้นนางดูโกรธเขามากกว่าทุกครั้ง

และเป็นตัวเขาที่ถอยห่างจากนาง หลังที่นางหันไปสนิทกับกงหลี่เฉียง อาจจะเป็นเพราะเขาโมโหที่นางไม่ยอมพูดคุยกับเขาอีก ทั้งยังไม่อยากจะเห็นเวลาที่นางยิ้มให้กงหลี่เฉียง

“เจ้าจะเสียใจมากเพียงใด กระต่ายน้อยของเปิ่นหวาง” เขาเปิดผ้าม่านรถม้าขึ้น เมื่อผ่านจวนของนาง

เยว่ชิงเมื่อกลับมาถึงจวน นางนั่งพูดคุยกับบิดาต่อเรื่องที่พ่อบ้านหาร้านค้าให้นางได้แล้ว ทั้งสองพูดคุยกันเรื่องที่จะจัดการกับโรงหมอของนางเช่นไร จนทานมื้อเย็นเสร็จจึงได้แยกย้ายกันไปพักผ่อน

เมื่อเข้ามาภายในเรือนเยว่ชิงก็เข้าไปจัดการล้างหน้าล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะให้อาอิงออกไปพักผ่อน

“ทะ ท่าน” นางเกือบจะกรีดร้องออกมาเสียแล้ว เมื่อเห็นเว่ยอ๋องปรากฏกายอยู่ภายในห้องของนาง

เว่ยอ๋องรู้อยู่แล้วว่าถ้านางเห็นเขาจะต้องกรีดร้องอย่างแน่นอน จึงได้พุ่งตัวไปตะครุบปิดปากของนางไว้ได้ทัน

เยว่ชิงนางถลึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ แต่จะร้องออกมาก็ไม่ได้ เพราะมือของเขาปิดปากของนางไว้แน่น

“เปิ่นหวางจะปล่อยมือออก แต่เจ้าห้ามร้องเล่า”

เยว่ชิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย นางไม่มีทางร้องเรียกให้มาแห่กันมาดูอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่านางลอบนัดพบบุรุษยามค่ำคืนที่ห้องนอน

“พระองค์เข้ามาในห้องนอนหม่อมฉันได้อย่างไรเพคะ” นางถอยห่างออกมาจากตัวเขา

เว่ยอ๋องหยักไหล่ แล้วเดินไปนอนลงที่เตียงราวกับว่าเป็นห้องพักของตน เยว่ชิงเดินตามมาดึงตัวเขาให้ลุกขึ้นจากที่นอนของนาง แต่แรงของนางรึจะสู้แรงของเขาได้ จำต้องปล่อยให้เขานอนอย่างสบายใจบนที่นอนของนางต่อไป

"เปิ่นหวางเพียงแค่มาดู ว่าจวนตระกูลหลิวน้ำท่วมไปด้วยน้ำตาของเจ้าแล้วหรือยัง”

เยว่ชิงหยิบจอกน้ำชาปาใส่ไปที่ตัวของเขาอย่างโมโห

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel