ถามสามีเจ้าดีหรือไม่
เยว่ชิงเพียงปรายตามอง แล้วเก็บสายตากลับมาทันที นางไม่คิดอยากจะสนทนากับซิงเยียนให้มากความ
“ข้าถามเจ้า เหตุใดไม่พูด” ซิงเยียนเดินเข้ามาใกล้ อาอิงจึงได้ไปขวางอยู่ตรงหน้าเยว่ชิงเพราะกลัวว่านางจะทำร้ายคุณหนูของตน
“หึ ถามสามีเจ้าดีหรือไม่ ว่าเหตุใดถึงต้องไปตามข้ามาอย่างร้อนใจเช่นนี้” นางยิ้มเยาะซิงเยียน
ในชาติที่แล้วเป็นนางที่ถูกทำให้ขาดสติ โวยวายกลายเป็นสตรีใจแคบ ส่วนซิงเยียนนางเป็นดั่งแม่ดอกบัวขาวที่ควรค่าแก่การทะนุถนอม นางก็อยากจะรู้ว่าชาติน้ำซิงเยียนยังจะรักษาหน้ากากของนางไว้ได้หรือไม่
“เจ้า ข้าไม่เชื่อ คงเป็นเจ้าที่วิ่งโร่เข้ามาที่จวนเช่นนี้” นางเดินเข้ามาผลักตัวอาอิงออกให้สาวใช้ของนางจับตัวไว้ ก่อนที่จะเข้ามาทำร้ายเยว่ชิง
เยว่ชิงเบิกตากว้างอย่างตกใจ นางไม่คิดว่าซิงเยียนจะกล้าทำร้ายนาง แต่คนเช่นนางหรือจะยอมให้ผู้ใดมารังแกได้
ตำราการแพทย์ของท่านพ่อ มิได้มีเพียงความแค่ให้ศึกษาวิธีการรักษาและประโยชน์ของสมุนไพร ยังบอกจุดชีพจร ทั้งยังตำแหน่งที่ถูกทำร้ายแล้วจะเจ็บปวดที่สุดและยังไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้คนรู้อีกด้วย
แต่นางไม่คิดจะทำร้ายซิงเยียนจนถึงเจ็บหนักเช่นนั้น เมื่อซิงเยียนกระชากตัวเยว่ชิงเข้ามาเพื่อตบตีนาง เยว่ชิงใช้สันมือกระแทกเข้าไปที่ลิ้นปี่ของนาง เป็นจังหวะเดียวกันที่ฝ่ามือของซิงเยียนตบลงมาที่ใบหน้าของเยว่ชิง
แม้จะไม่เต็มแรงของนาง แต่ก็ทำให้ผิวหน้าที่ขาวผ่องของเยว่ชิงเกิดรอยแดงขึ้นมาทันที กงหลี่เฉียงและเว่ยอ๋องเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดพอดี
จากสายตาของทั้งคู่ทำให้เห็นว่าซิงเยียนกำลังทำร้ายเยว่ชิง โดยที่เยว่ชิงเพียงแค่ผลักตัวซิงเยียนออกไป
“ชิงชิง/ชิงชิง” ทั้งสองร้องเรียกนางออกมาพร้อมกัน
เว่ยอ๋องถึงตัวเยว่ชิงก่อน เมื่อเห็นรอยแดงบนใบหน้าของนาง เขาก็มองไปที่ซิงเยียนอย่างโกรธแค้น กงหลี่เฉียงทรุดตัวนั่งลงข้างเยว่ชิงเช่นกัน
“คุณชายกง เจ้าควรจะไปดูภรรยาของเจ้า” เขามองกงหลี่เฉียงอย่างตำหนิ
“โอ๊ยยย ท่านพี่ ข้าปวดท้องเจ้าค่ะ” ซิงเยียนร้องโอดครวญ นางจุกท้องไปหมด
“ลุกขึ้นเสีย เหตุใดเจ้าถึงทำร้ายคุณหนูหลิวเช่นนี้!!!” กงหลี่เฉียงมองซิงเยียนอย่างไม่พอใจ
ตั้งแต่แต่งนางเข้าไป เขาก็มีเรื่องปวดหัวไม่เว้นวัน ไหนจะสินเดิมที่นางไม่มีติดตัวมาด้วย แต่กลับชี้นิ้วสั่งจะเปลี่ยนเครื่องเรือน เสื้อผ้าเครื่องประดับก็จะเอาชุดใหม่อยู่ทุกวัน
“ท่านไม่เห็นรึ ว่าข้าเจ็บตัวอยู่ ผู้ใดกันแน่ที่โดนทำร้าย”
“หึ เปิ่นหวางได้เปิดหูเปิดตาแล้ว ทำร้ายผู้อื่นแต่กลับบอกว่าตนเองได้รับบาดเจ็บ น่าขันนัก ชิงชิงลุกไหวหรือไม่” เขามองนางอย่างปวดใจ เพียงแค่พ้นสายตาครู่เดียวนางก็ถูกรังแกแล้ว
“ไหวเจ้าค่ะ” เยว่ชิงลุกขึ้นโดยมีเว่ยอ๋องประคอง
นางมิได้เจ็บอันใด แต่คงเป็นเพราะผิวของนางบอบบางจึงทำให้รอยนิ้วมือของซิงเยียนบนหน้านางดูน่ากลัว
“เปิ่นหวางจะไปส่งเจ้าที่จวน” เว่ยอ๋องประคองเยว่ชิงเดนออกจากจวนตระกูลกง
“ประเดี๋ยวก่อน คุณหนูหลิวเจ้ายังมิได้ตรวจอาการให้มารดาข้าเลย” กงหลี่เฉียงเอ่ยรั้งพวกเขาไว้
“หึ เจ้ายังคิดจะให้นางเข้าไปตรวจมารดาเจ้าอีกรึ นางรึอุตส่าห์มาตรวจให้ถึงจวน แต่คนของเจ้ากลับทำกับนางเช่นนี้” เว่ยอ๋องจ้องมองทั้งสองอย่างดุดัน เขาอยากจะเข้าไปฉีกเนื้อทั้งคู่ทิ้งเสียเดี๋ยวนี้
แต่ก็ถูกเยว่ชิงสะกิดเรียกสติเขาไว้ก่อน “หม่อมฉันอยากกลับจวนแล้วเพคะ” เยว่ชิงเอ่ยขึ้นเสียงเบา ใบหน้าที่เหนื่อยล้า ทั้งรอยนิ้วมือที่ปรากฏยิ่งทำให้นางดูบอบบางราวกับจะแตกสลายไปได้ทุกเมื่อ
“ได้”
เมื่อเว่ยอ๋องพาเยว่ชิงกลับออกไปแล้ว กงหลี่เฉียงก็หันมาโวยวายใส่ซิงเยียนแทน
“เจ้าทำอันใดลงไปรู้ตัวหรือไม่” นางบีบที่แขนของนางอย่างแรง
“ข้าทำอันใด ผู้ใดจะรู้เล่าว่านางมาด้วยเรื่องอันใด ตอนที่ท่านออกไปเชิญนางมาตรวจให้ท่านแม่ก็มิได้บอกข้าก่อน” ซิงเยียนเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอม
“เพ้ย เจ้ามิรู้ตัวเลยรึ ว่าสิ่งที่เจ้าทำมันผิดมากเพียงใด”
“ข้าไม่ผิด เป็นท่านที่ไม่ยอมบอกกล่าวข้าเสียก่อน เหอะใครจะรู้ ท่านอาจจะยังอาลัยอาวรณ์นางอยู่ก็ได้”
“เจ้า เจ้า เพ้ย” กงหลี่เฉียงสะบัดแขนเสื้อ เดินหนีไปที่เรือนของมารดา เพื่อดูอาการนาง
“เจ็บมากหรือไม่” เว่ยอ๋องจับที่แก้มนางอย่างเบามือ
“ไม่เจ้าค่ะ”
“หน้าเจ้าคงหนามาก ถึงได้ไม่รู้สึก”
“ท่าน” เยว่ชิงปัดมือของเขาออกอย่างไม่สบอารมณ์
“เปิ่นหวางรู้ว่าเจ้าก็เอาคืนนางอย่างสาสม” เว่ยอ๋องพิงที่รถม้าแล้วเอ่ยออกมาอย่างรู้ทันเยว่ชิง
