บทนำ
‘ทำถึงเพียงนี้ เจ้ายังไม่สำนึกผิดอีกออกไป!! พรุ่งนี้รีบออกจากจวนไปสำนึกผิด ให้แม่ของเจ้าสั่งสอนเสียใหม่ ถ้าข้าไม่เรียกให้กลับมาอย่ากลับมาเหยียบที่จวนหวังเป็นอันขาด!!’
เสียงทรงพลังและอำนาจของหัวหน้าตระกูลหวังเกี้ยวโกรธดุจดั่งพายุลูกใหญ่กำลังโหมกระหน่ำเข้าหา “หวังหลี่หลิน” ร่างเล็กหมอบคลานอยู่บนพื้นที่หนาวเย็น สองแขนกำลังโอบกอดขาของผู้เป็นบิดา แต่ใบหน้าบูดบึ้งยังคงเฉยเมยต่อเสียงร้องไห้ของบุตรสาว
เพราะเหตุใดนางถึงได้เป็นผู้ร้าย…เพราะเหตุใดนางถึงได้เจ็บปวดเช่นนี้…
“คุณหนูเจ้าคะ ลุกขึ้นเถอะเจ้าค่ะ ไม่มีผู้ใดอยู่ที่นี่แล้ว พื้นเย็นเช่นนี้จะทำให้คุณหนูป่วยได้นะเจ้าคะ” สาวใช้หนิงเอ๋อปรี่เข้ามาพยุงร่างของหวังหลี่หลินให้ลุกขึ้นจากพื้น
แม้เสียงร้องไห้จะเงียบสงบลงไปแล้ว แต่เนื้อตัวของหวังหลี่หลินยังคงสั่นเทาเหมือนกับลูกนกน้อยตกลงมาจากรัง หนิงเอ๋อพยุงร่างที่เหมือนไม่มีชีวิตเข้ามาที่ห้องนอน
ด้วยความเป็นห่วงของสาวใช้ผ้าห่มผืนใหญ่วางทับลงมาบนร่างกาย หนิงเอ๋อมองใบหน้าสวยที่มีเพียงรอยน้ำตาที่เปรอะเปื้อนไม่น่าชม
เตาถ่านถูกก่อให้เกิดไออุ่นในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้คือสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ สาวใช้ก้มหน้าก้มตาจัดเตรียมผ้ากับน้ำมาให้แก่หวังหลี่หลินได้เช็ดทำความสะอาดใบหน้า
“คุณหนูข้าเช็ดหน้าให้นะเจ้าคะ” สาวใช้หนิงเอ๋อไม่รอช้าให้นายของบ่าวได้ตอบรับ มือเล็กเอาผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดลงไปที่ใบหน้าอย่างอ่อนโยน ดวงตากลมโตแดงก่ำทำให้หนิงเอ๋ออดคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านไปเพียงชั่วครู่ไม่ได้
ในวันพรุ่งนี้จวนหวังจะมีพิธีมงคลของลูกสาวคนรองหวังหลี่หลิน และคุณชายตระกูลเกา บุรุษรูปงามที่อิสตรีในเมืองต่างเล่าลือและหมายปองให้ชายผู้นี้มาเป็นสามี
ทั้งสองตระกูลใหญ่พึงพอใจที่จะได้ปรองดองกัน เรื่องการแต่งงานจึงถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาสามเดือนเวลาเพียงน้อยที่บ่าวสาวจะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เกาเหวินช่างเป็นบุรุษที่ดี ทำให้หวังหลี่หลินนั้นพอใจและเชื่อใจในตัวของเกาเหวินเป็นอย่างมาก
ในวันนี้ที่จวนหวังนั้นครึกครื้นบ่าวรับใช้หลายสิบคนต่างวิ่งวุ่นในการเตรียมข้าวของสำหรับพิธีมงคลในวันพรุ่งนี้ ตัวเจ้าสาวที่นั่งอยู่ในห้องก็ยุ่งวุ่นวายมิต่างจากคนภายนอก
เครื่องประทินผิวต่างๆ ถูกประคบลงมาที่ผิวกายขาวผ่อง หญิงรับใช้หลายนางถูกนำมาที่ห้องของคุณหนูรอง ฮูหยินรองหวังเฟยเซียนเคียงข้างไม่ยอมห่างจากหวังหลี่หลินแม้เพียงก้าว
ถึงนางมิใช่ลูกในไส้ที่คลอดออกมา หวังเฟยเซียนก็คอยเอาอกเอาใจอยู่มิห่าง ถ้าหากว่าหวังหลี่หลินไม่แต่งออกจวนไปมีหวังว่าลูกสาวของนางจะไม่ได้แต่งออกจากจวนด้วยเช่นกัน
ใบหน้าที่มีรอยตีนกายิ้มร่าเริงด้วยความสุข อีกไม่นานจวนแห่งนี้จะมีเพียงนางสามีและลูกสาวเพียงเท่านั้น เมื่อแม่สื่อเอาหนังสือสู่ขอมาส่งถึงบ้าน หวังเฟยเซียนนึกดีใจวางแผนอนาคตอันสดใสอยู่ในใจก่อนแล้ว
“พวกเจ้าเบามือกันหน่อยเดี๋ยวผิวขาวๆ ของหลินเอ๋อก็ช้ำกันพอดี” หวังเฟยเซียนกล่าวกับสาวใช้ เครื่องประดับสีทองวางเรียงราย นางอยากสวมใส่ให้เจ้าสาวทั้งหมดนี้เสียด้วยซ้ำ ถ้ามิใช่คนอื่นจะหาว่าเป็นบ้านางคงรีบประโคมเครื่องประดับลงไปบนตัวของหวังหลี่หลิน
“ฮูหยินรองเจ้าคะ…เอ่อ..คือ..”
“ข้าให้เจ้าไปตามเสียนเอ๋อ แล้วทำไมถึงกลับมาคนเดียว?” หวังเฟยเซียนวางปิ่นในมือลงที่เดิม นางหันหน้าไปจิกตาใส่สาวใช้หนิงเอ๋อ “ข้าใช้ให้เจ้าไปปลุกลูกสาวของข้าแค่เพียงครั้ง ยังไม่ได้เรื่อง”
“คือว่า…ฮูหยินรองเจ้าคะ ท่านไปที่ห้องนอนของคุณหนูเล็กตอนนี้เถอะเจ้าค่ะ คุณหนูก็ด้วยเจ้าค่ะ” หนิงเอ๋อสาวใช้ของหวังหลี่หลินหันมองนายหญิงทั้งสองด้วยสายตาเป็นกังวล
“ใช้ไม่ได้จริงๆ” หวังเฟยเซียนทำเสียงไม่พอใจแล้วเดินออกไปจากห้อง
“เกิดอะไรขึ้น?” หวังหลี่หลินถามสาวใช้ประจำกายที่ก้มหน้ามองพื้นช่างต่างกับนิสัยที่อยู่กันเพียงลำพังยิ่งนัก
“คุณหนูรีบไปเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวไม่ทันการ” หนิงเอ๋อดูร้อนรน ดึงแขนให้หวังหลี่หลินเดินตามมาที่ห้องนอนของหวังลู่เสียน
ฮูหยินรองที่เดินนำมาก่อนเป็นลมล้มลงไปที่พื้น เมื่อประตูไม้ถูกผลักเข้าไปด้านใน ภาพที่มารดาได้มองเห็นทำให้นางเลือดลมตีขึ้นหน้าจนหน้ามืด
หวังหวงลู่ผู้นำตระกูลวังที่เดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์ ลมแทบจับเช่นเดียวกัน หวังหลี่หลินที่เดินตามหลังมาชะโงกใบหน้าเข้าไปในห้องนอนของน้องสาวต่างมารดา
ร่างเล็กทรุดลงไปบนพื้นไม้ที่หนาวเย็น ใบหน้าทั้งใบชาจนไม่รับรู้ถึงความเย็นของสายลมที่พัดมากระทบร่าง สาวใช้เข้ามาพยุงเอาไว้แต่ไม่ทันการ
“เสียนเอ๋อ เจ้าทำเช่นนี้ได้เช่นไร” เสียงของหวังหวงลู่ดังขึ้น
หญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนเริ่มขยับตัวตื่น ข้างกายของนางมีเกาเหวินที่เปลือยกายซุกอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกัน หวังลู่เสียนเมื่อได้สติร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
มือก็พลางสะกิดบุรุษที่ยังนอนนิ่ง นางกำผ้าห่มขึ้นมาห่อกายเปลือยเปล่าเอาไว้ เกาเหวินตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียก่อนที่เขาจะได้สติเหมือนหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง
ชายหญิงทั้งสองกำลังนั่งก้มหน้าอยู่ที่พื้น ในห้องรับแขกของจวนหวัง หวังหวงลู่กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ สายตาหันมองไปยังบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกที่นั่งน้ำตาคลออยู่ด้านข้าง
“ท่านพ่อตาขอรับข้าผิดเองขอรับ” เกาเหวินยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว สายตาของเขาหันมองไปยังหวังลู่เสียนมากเสียกว่าหวังหลี่หลิน
“ท่านพ่อข้ากับคุณชายเกาเราสองคนรักกันเจ้าค่ะ คุณชายเกาไม่ผิดเจ้าค่ะ เป็นเพราะลูก ฮื้อๆๆๆ” เสียงร้องไห้ของหวังลู่เสียนดังขึ้น ทำให้มารดาที่นั่งอยู่นั้นปวดใจยิ่งนัก
“เสียนเอ๋อ คุณชายเกาคือสามีของพี่สาวเจ้า เจ้าทำเช่นนี้สมควรหรือไม่ ถ้าหากพวกเจ้าทั้งสองคนรักชอบกัน ทำไมถึงได้ทำทุกอย่างข้ามหน้าข้ามตาของพ่อกับแม่เช่นนี้!!”
“ท่านพ่อลูกผิดไปแล้ว ลูกผิดไปแล้ว ฮื้อๆๆๆ” หวังลู่เสียนก้มหน้าร่ำไห้ ในหัวใจนางเพียงอยากมีค่ำคืนที่แสนหวานกับชายที่นางรักเพียงเท่านั้น ก่อนเกาเหวินจะเข้าพิธีมงคลกับพี่สาวของตนเอง
“งานแต่งถูกประกาศออกไปแล้ว จะให้เปลี่ยนตัวเจ้าสาวตอนนี้…” หวังหวงลู่ถอนหายใจอย่างหนักอก หวังเฟยเซียนที่นั่งอยู่ด้านข้างหันมองไปยังสามี ก่อนที่ทั้งสองจะขอเวลาปรึกษาหาหรือถึงเรื่องนี้กันก่อนตัดสินใจ
หวังหลี่หลินนั่งนิ่งอยู่เช่นเดิม นางมองบุรุษชายที่ไว้เนื้อเชื่อใจด้วยสายตาที่เจ็บปวด ไม่คิด…ไม่คิดว่าคนที่รักทั้งสองจะทำกันได้ลงคอเช่นนี้
หวังหวงลู่และภรรยาเดินเข้ามาในห้องรับแขกของบ้านหลังจากที่หายไปหนึ่งชั่วยาม หญิงชายที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขกต่างตั้งหน้าตั้งตารอฟังว่าหัวหน้าตระกูลหวังจะตัดสินใจเช่นไร
“หลินเอ๋อ พ่อรู้ว่าเรื่องเช่นนี้ทำให้เจ้าเสียใจยิ่งนัก พ่อกับแม่รองของเจ้าปรึกษากันแล้ว พิธีมงคลพรุ่งนี้ยังคงมีตามเดิม หลังจากเจ้าแต่งไปแล้ว พ่อจะให้เกาเหวินรับเสียนเอ๋อเป็นภรรยารอง”
“ท่านพ่อตาขอบคุณมากขอรับ” เกาเหวินเอาศีรษะแนบลงไปบนพื้นด้วยความดีใจ
“ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับชายมากรักเจ้าค่ะ ถ้าท่านพ่ออยากให้แต่ง ก็ให้เสียนเอ๋อแต่งแทนข้าเถอะ ข้ามิอาจทนร่วมใช้สามีกับน้องสาวได้ ชายที่ผิดสัญญากับข้า ข้าไม่ต้องการเจ้าค่ะ” เสียงของหวังหลี่หลินดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ
“เจ้าพูดเช่นนี้ได้ยังไง!! พรุ่งนี้งานพิธีก็จะเริ่มแล้ว!!”
“ท่านอยากเห็นลูกตรอมใจเหมือนท่านแม่หรือเจ้าคะ”
“หุบปาก!! แม่ของเจ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องวันนี้!!” หวังหวงลู่เอามือตบลงบนโต๊ะเสียงดังฉากใหญ่ ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างตกใจกลัว
“ท่านพ่อรู้ดีแก่ใจ ว่าลูกหมายถึงสิ่งใด เด็กสาวเช่นข้าต้องฟังคำสอนของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนใช่หรือไม่เจ้าคะ ท่านแม่บอกกับข้าว่า…ให้เลือกสามีที่จะมีเพียงภรรยาเดียวเจ้าค่ะ” นางเอ่ยกลับอย่างไม่เกรงกลัว สายตาจ้องมองไปที่บิดาสลับมองไปที่แม่รองที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“หุบปากเจ้าเสียหลินเอ๋อ!!”
“ข้าไม่ต้องการแต่งงาน ข้าไม่อยากตรอมใจเหมือนท่านแม่ ข้าจะไม่แต่ง…”
เพลี้ย!! เสียงฝ่ามือกระทบลงมาบนผิวแก้มของหวังหลี่หลิน ใบหน้าหมองเศร้าสะบัดไปตามแรงมือ นางหันมองผู้เป็นบิดาด้วยสายตาน้อยเนื้อต่ำใจ เหตุใดกันเล่านางถึงต้องแต่งงานกับชายผู้นี้
เสียงหัวเราะดังขึ้นสาวใช้หนิงเอ๋อรู้สึกตกใจไม่ต่างจากคนที่ยืนกันอยู่ในห้องรับรองแขกตอนนี้ หวังหลี่หลินหัวเราะเสียงดังปนร้องไห้และกรีดร้องออกมา นางวิ่งกวาดข้าวของที่วางอยู่ภายในห้องล้มระเนระนาด
มิวายยังวิ่งตรงไปยังห้องที่ถูกเตรียมเอาไว้ใช้ประกอบพิธีมงคลในวันพรุ่งนี้ หวังหลี่หลินเหมือนคนบ้าวิ่งพุ่งเข้าใส่สิ่งของที่เป็นสีแดง มือทั้งสองกวาดจับและเขวี้ยงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าราบเป็นหน้ากลอง
หวังหวงลู่สั่งบ่าวรับใช้ให้วิ่งไล่จับหวังหลี่หลิน แต่มิมีบ่าวคนใดกล้าเข้าไปใกล้ เสียงหัวเราะยังคงดังอยู่เช่นนั้น พร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ ทุกคนล้วนแล้วได้แต่ยืนมองหญิงสาวที่กำลังวิ่งกวาดข้าวของทุกอย่างที่ขวางหน้าอยู่เช่นนั้น
“คุณหนูรองตระกูลหวัง เป็นบ้าเสียสติไปแล้ว เพราะถูกน้องสาวแย่งสามี!!”
คำร่ำลือนี้ดังออกไปนอกจวนหวังอย่างรวดเร็ว หวังหลี่หลินหญิงงามของเมืองบัดนี้ได้กลายเป็นหญิงบ้าเสียสติไปแล้ว….