ตอนที่ 3 ถ้ำลับ
เยี่ยนหลิงไม่ได้พูดสิ่งใดอีกนางกล่าวขออภัยเขาหนึ่งคำ แล้วจึงยื่นมือออกไปช่วยประคองเซียวชินหย่วนให้ลุกมา พร้อมกับช่วยพยุงเขาเดินไปตามทางอย่างช้า ๆ เพราะชายหนุ่มบาดเจ็บที่กระดูกขาจึงทำให้ไม่อาจทิ้งน้ำหนักลงขาข้างนั้นได้มากนัก ดังนั้นนางจึงให้เขาทิ้งน้ำหนักมาที่นาง ทั้งคู่เดินไปเงียบ ๆ ตลอดทาง ทว่าหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองใบหน้าหล่อเหลาที่ขบกรามกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ คิ้วของเขาหม่นลงปลายจมูกมีหยาดเหงื่อเกาะอยู่ ครั้นกระทบกับแสงแดดก็ทำให้ดูเป็นประกาย ช่างทำให้คนแอบมองตาพร่ามัวเหลือเกิน
ในขณะที่เยี่ยนหลิงดึงสายตากลับไปมองด้านหน้า นางกลับไม่รู้เลยว่าบุรุษข้าง ๆ ที่เหมือนจะไม่ได้สนใจนางเมื่อสักครู่ ก็เหลือบสายตามามองนางบ้างเช่นกัน ริมฝีปากหยักยกมุมปากขึ้นยิ้มคล้ายมีคล้ายไม่มี ทว่าเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเหลือบสายตากลับมาอีกครั้ง เขาก็ดึงสายตาคืนกลับไปเช่นเดิม และพยายามปรับสีหน้าไม่ให้ดูย่ำแย่จนเกินไป
เยี่ยนหลิงอดจะเปรียบเทียบคนผู้นี้กับเสิ่นหัวหรงไอ้คนเสเพลประจำหมู่บ้านไม่ได้ หากเทียบกันแล้วบุรุษคนนี้ต่างหากที่ควรจะเรียกว่าหล่อเหลาราวกับเทพเซียนที่ไม่มีอยู่จริง
ระหว่างทางที่เดินมานั้น คนทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยสิ่งใดกันมีเพียงความเงียบ และเสียงเหล่าสัตว์ป่าที่ส่งเสียงบ้างเป็นบางครั้ง แต่แล้วความเงียบที่น่าอึดอัดก็ทำให้เยี่ยนหลิงหาเรื่องชวนคุย ความจริงนางเป็นคนช่างพูด ให้อยู่เงียบ ๆ ก็ดูจะอึดอัดไปบ้าง แน่นอนว่านางไม่ชอบพูดกับบิดามารดาของนาง เพราะทุกคนที่คุยกันก็ไม่พ้นเรื่องแต่งงาน
"ข้ายังไม่ได้ถามเลย ท่านมีชื่อแซ่ว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ ข้าคิดว่าท่านมิใช่คนที่นี่แน่ ๆ"
นางถามชื่อแซ่ของเขาออกไปอย่างไม่คิดอันใด ทว่าชายหนุ่มกลับมีท่าทีครุ่นคิดเหมือนกับไม่อยากจะบอกนาง บางทีเขาคงคิดว่าไม่จำเป็นต้องบอก เพราะอย่างไรอีกประเดี๋ยวทั้งคู่ก็ต้องแยกย้ายกันไปคนละทาง หญิงสาวเห็นว่าเขาไม่พูดนางก็ไม่สนใจอีก นางพาเขาเดินไปเงียบ ๆ อีกครั้ง
"เรียกข้าว่าอาหย่วนก็ได้" แต่แล้วในที่สุดเขาก็บอกออกมา เยี่ยนหลิงไม่คิดว่าเขาจะพูด แต่กระนั้นนางก็พยักหน้ารับ
"เช่นนั้นท่านก็เรียกข้าว่าอาหลิงเถิด"
ทั้งคู่เดินกันมาครู่ใหญ่ ในที่สุดก็ถึงหน้าปากถ้ำแห่งหนึ่ง ถ้ำที่เป็นที่ลับของหญิงสาวข้าง ๆ เซียวชินหย่วนมองดูถ้ำนั้นด้วยความพอใจ ถ้ำแห่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบและร่มรื่นไม่น้อยเลย แม้ภายในจะไม่ได้กว้างขวางมาก แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้อึดอัดแต่อย่างใด
เยี่ยนหลิงประคองเขามานั่งบนก้อนหินก้อนใหญ่ที่นางลงมือกลิ้งเข้ามาข้างในถ้ำด้วยตนเอง ชายหนุ่มค่อย ๆ นั่งลงเอนกายพิงผนังถ้ำ เหยียดขาข้างที่กระดูกร้าวออกไป สายตาก็ยังคงมองภายในและพยักหน้าไม่หยุด
"อาหลิง ถ้ำลับของเจ้าดียิ่งนัก เหตุใดเจ้าจึงหามันเจอ"
เยี่ยนหลิงนั่งลงบนพื้นมิได้นั่งบนก้อนหิน เพราะก้อนหินอันใหญ่นี้มีเพียงอันเดียว นางกลิ้งมันมาทำเก้าอี้เอาไว้ดื่มชา และแน่นอนว่ามีเก้าอี้หินแล้ว ย่อมต้องมีโต๊ะตัวเล็ก ๆ หนึ่งตัว นั่นนางก็ทำเองเช่นกัน นางนั่งลงไม่ไกลจากเซียวชินหย่วนเท่าใดนัก พลางหมุนหัวไหล่ไล่ความเมื่อยล้า
"ก็ไม่มีอะไรเวลาที่ข้าไม่อยากพูดคุยกับผู้อื่น ข้าก็มักจะเข้ามาในป่าแห่งนี้ เดินไปเดินมาก็เจอถ้ำแห่งนี้โดยบังเอิญ แต่ท่านไม่ต้องกังวลไป ที่นี่ปลอดภัยอีกทั้งยังไกลจากผู้คน หากมองผ่าน ๆ ย่อมไม่เห็น ท่านพักที่นี่ได้ตามสบาย หากอยากไปเมื่อใดท่านก็ไปได้ตลอด แต่ท่านแน่ใจหรือว่าจะไม่ให้ข้าพาไปหาหมอ"
ถ้ำลับแห่งนี้มีทางเข้าที่ซับซ้อน ทั้งยังมีโขดหินต้นไม้บดบัง ทำให้ไม่อาจมองเห็นได้ง่าย ๆ เยี่ยนหลิงเหลือบไปมองที่ขายาวของเขาอีกครั้ง เซียวชินหย่วนเห็นดังนั้นก็ยกยิ้มให้พลางส่ายหน้า
"ไม่เป็นไรจริง ๆ เจ้าไม่เชื่อหรือว่าข้าเป็นหมอ" แน่นอนว่าเยี่ยนหลิงไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าใด นางเคยเจอแต่หมอชรา ๆ หมอหนุ่ม ๆ เช่นนี้อาจจะไม่เก่งกาจเท่าใดนัก เซียวชินหย่วนเห็นสายตาเคลือบแคลงเช่นนั้นก็ไม่ได้กล่าวอันใด เพียงแค่ยิ้มอย่างอ่อนใจเท่านั้น
"อาหลิงข้ามีเรื่องอยากรบกวนเจ้า ขาของข้าอาจจะต้องพักก่อนสักสองหรือสามวัน ข้ารบกวนให้เจ้าทำอาหารมาส่งให้ข้าได้หรือไม่ เจ้าไม่ต้องมาทุกวันแค่ทำแป้งจี่มาให้มากหน่อยก็พอ เรื่องเงินเจ้าไม่ต้องห่วงข้าย่อมไม่เอาเปรียบ อีกอย่างเจ้าช่วยตัดไม้ให้ข้าใช้ค้ำเดินได้หรือไม่"
"ได้สิ ไม่มีปัญหา"
เยี่ยนหลิงเห็นว่าสิ่งที่เขาขอก็ไม่ได้มากมายเท่าใด อีกอย่างนางก็ตั้งใจจะทำอาหารขึ้นมาเผื่อเขาอยู่แล้วจึงรับปากได้ไม่ยากนัก เซียวชินหย่วนยิ้มมองนางอย่างอ่อนโยน ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนที่ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ หากไม่ได้นางป่านนี้ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นเช่นไร บางทีอาจจะยังคงนอนรอความตายอยู่ที่เดิมก็ได้ผู้ใดจะรู้เล่า
ทางด้านเยี่ยนหลิง นางเองก็บอกไม่ได้เช่นกันว่าเพราะเหตุใดจึงถูกชะตากับคนแปลกหน้าผู้นี้อย่างไม่มีเหตุผล อาจเพราะว่าเขาพึ่งพานางแต่กระนั้นการพึ่งพาของเขาก็มักจะถามความรู้สึกนางก่อน ไม่มีผู้ใดเคยถามนางเหมือนเช่นเขามีแต่บอกว่า นางต้องทำเช่นนั้นเช่นนี้
หรือเพราะนางช่วยเหลือเขาเอาไว้ บางทีอาจเป็นเพราะเขาหล่อเหลาถูกใจนาง เขามีหลายอย่างที่นางรู้สึกว่าชอบ นางไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับบุรุษใดในเมืองหลิงอี้เลยแม้แต่คนเดียว แต่กลับพึงใจเล็ก ๆ กับคนแปลกหน้าผู้นี้ จะว่าไปก็ช่างเหลือเชื่อจริง ๆ
เยี่ยนหลิงนั่งพักสักครู่ก็ออกไปตัดไม้มาทำไม้เท้าให้เขา และตัดไม้ไผ่มาเปลี่ยนที่ดามขาให้เขาใหม่ อันเก่านางหาลวก ๆ จึงไม่ดีเท่าใดนัก นางนั่งเหลาไม้จนไม่เหลือเศษเสี้ยนมีเพียงไม้ลื่น ๆ จึงกล้านำมาให้เขาใช้ ครั้นเมื่อจัดการของเหล่านี้เสร็จเวลาผ่านมาจนถึงช่วงบ่ายคล้อยนางก็มอบทั้งหมดให้เขา
"ตอนนี้ข้ามีขนมจู้เปย อยู่สองชิ้น ท่านเก็บเอาไว้กินแก้หิวไปก่อน แล้วนี่กระบุงของท่าน ข้าวิ่งไปเก็บมาให้ ดูเหมือนจะมีสมุนไพรที่ท่านใช้รักษาตัวได้อยู่นะ พรุ่งนี้ข้าจะรีบกลับมา ท่านอยู่ได้ใช่หรือไม่"
"ข้าอยู่ได้ขอบใจเจ้ามากอาหลิง" เยี่ยนหลิงกวาดสายตามองรอบ ๆ อีกครั้ง จากนั้นก็เดินออกไป ทั้งไม่ลืมที่จะดันก้อนหินหน้าถ้ำและดึงเถาวัลย์มาปิดเอาไว้ นางส่งเสียงบอกลาเขาอีกคำ ครั้นได้ยินเขาตอบอืมออกมา จึงได้เดินกลับลงไป
หลังจากที่เยี่ยนหลิงจากไปแล้ว เซียวชินหย่วนก็ถกกางเกงขึ้น เปิดดูขาตนเองที่ได้รับบาดเจ็บ โชคดีที่กระดูกแค่เพียงร้าวเท่านั้น เขาควานหาสมุนไพรในกระบุงนำมาบด ๆ โปะลงที่บาดแผล จากนั้นก็นำแผ่นไม้ขึ้นมาวางประกบ ทว่าเมื่อหยิบแผ่นไม้ที่ทั้งเรียบและลื่น ก็อดจะยกยิ้มออกมาไม่ได้ สตรีผู้นั้นลงแรงไปไม่น้อยจริง ๆ มือหนารีบจัดการบาดแผลตนเอง ทว่าริมฝีปากหยักก็ไม่หยุดยิ้มแม้แต่น้อย
ครั้นเมื่อนั่งเงียบ ๆ ผู้เดียวในถ้ำ เขาก็พลันนึกทบทวนดี ๆ อีกครั้ง ก่อนหน้าที่จะได้รับบาดเจ็บและพลัดตกเขาลงมานั้น เขารู้สึกเหมือนว่าตนเองถูกตีจากทางด้านหลัง จนสลบไปและกลิ้งตกลงมาจากเขา เขารีบยกมือไปลูบที่ท้ายทอยของตนเอง ก็พบว่ามีรอยช้ำจริง ๆ เสียด้วย
จะต้องมีคนคิดลงมือสังหารเขาเป็นแน่ บางทีการหลบอยู่ที่นี่ก่อนชั่วคราว ไม่แน่ว่าจะปลอดภัยกว่าดึงดันที่จะกลับไป หากยังหาต้นตอของการถูกลอบทำร้ายมิได้ เขาไม่อาจประมาทได้แม้แต่น้อย
หลังจากที่เยี่ยนหลิงลงจากเขาแล้ว นางก็รีบตรงไปที่ร้านหมอชราก่อนเป็นอันดับแรกต่อให้กระบุงของเซียวชินหย่วนจะเต็มไปด้วยสมุนไพรก็จริง แต่กระนั้นนางก็อยากจะหาสมุนไพรบำรุงร่างกายให้เขาสักหน่อย ครั้นหาซื้อจนครบก็รีบกลับมาที่บ้านตนเอง เมื่อกลับมาถึงยังไม่ทันได้นั่งพัก
ท่านแม่ก็มาเรียกให้ออกไปพบเสิ่นหัวหรงอีกแล้ว คนเช่นเสิ่นหัวหรงย่อมไม่มามือเปล่า เขายังซื้อของมามากมายเพื่อเอาใจนาง เยี่ยนหลิงถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย นางไม่รู้ว่าจะสลัดคนชั่วนั้นให้ออกจากชีวิตตนเองได้อย่างไร นางไม่อยากแต่งกับเขาและไม่มีวันยอมแต่งเป็นอันขาด
แต่เพราะถูกท่านแม่บังคับ เยี่ยนหลิงจึงจำต้องออกมาพบอย่างเสียไม่ได้ เมื่อเสิ่นหัวหรงเห็นเยี่ยนหลิง ก็ตรงเข้ามาหาหมายจะกอดนาง แต่ทว่าหญิงสาวก็รีบเบี่ยงกายหลบ ชายหนุ่มคล้ายมีท่าทีไม่พอใจ แต่ทว่ายังคงเอ่ยกับนางด้วยท่าทางที่เอาใจใส่อย่างอ่อนโยน
"หลิงเอ๋อร์ วันนี้พี่ชายซื้อของมาให้เจ้ามากมายเลย อีกทั้งยังซื้อของกินของใช้มาให้ด้วย เจ้าดูสิ นี่เป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมของเหล่าสตรีในเมืองหลวงเชียวนะ เจ้าชอบหรือไม่"
"ไม่ชอบ"
เยี่ยนหลิงเอ่ยโดยไม่แม้แต่จะคิด เสิ่นหัวหรงพลันหน้าบึ้งตึง เพียงไม่นานก็กลับมายิ้มแย้มเอาใจนางเช่นเดิม ทว่าคนที่ไม่พอใจกลับเป็นบิดามารดาของนาง ที่หันมามองเป็นตาเดียวพร้อมส่งสายตาคาดโทษมาให้ แต่เยี่ยนหลิงกลับไม่ใส่ใจอย่างไรก็ถูกด่าว่าทุกวันอยู่แล้ว จะด่าเพิ่มอีกนิดจะเป็นอันใดไป
ท่านพ่อท่านแม่จะเกรงกลัวคนตระกูลเสิ่นมากเกินไปแล้ว หากว่าเราทำมาหากินที่หลิงอี้ไม่ได้ก็ย้ายเมืองเสีย ดีกว่าต้องมาทนถูกกดขี่เช่นนี้ หรือเพราะจริง ๆ แล้วในความคิดของทั้งคู่ บุตรสาวเช่นนางนั้นไร้ค่า มีไว้เพียงแค่แลกเปลี่ยนกับอำนาจของตระกูลเสิ่นเท่านั้น
ถึงแม้เสิ่นหัวหรงจะยังคงยิ้มแย้ม แต่ภายใต้แขนเสื้อฝ่ามือทั้งสองข้างกลับกำเอาไว้แน่น จดความอัปยศนี้เอาไว้ในใจ หากวันใดนางแต่งเข้ามาแล้วละก็ เขาจะทำให้นางสยบใต้ร่างกายเขาให้ได้
"หลิงเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องเขินอาย ชอบก็บอกว่าชอบ พี่ชายจะนำมาให้เจ้าอีก"
"ก็ข้าบอกว่าไม่ชอบ!"
เยี่ยนหลิงตะเบ็งเสียงใส่ ดวงตาเรียวถลึงมองอย่างเกลียดชัง นางกระแทกฝ่าเท้าเดินจากไปไม่เหลียวไปมองอีก เยี่ยนฮูหยินและสามีปั้นหน้าไม่ถูกรีบเอ่ยขอโทษเสิ่นหัวหรง บอกว่าเพราะนางไม่สบายจึงอารมณ์ไม่คงที่ เสิ่นหัวหรงไม่เอ่ยสิ่งใด เพียงโยนของทั้งหมดลงที่พื้นถลึงตามองสองผัวเมียที่หน้าซีดเผือดมองเขาอยู่
เยี่ยนหลิงนะเยี่ยนหลิง ไม่ยอมดื่มสุราคารวะ ชอบสุราลงทัณฑ์ เขาชอบนางมากถึงเพียงนี้แต่นางกลับไม่ชายตามองเขา เห็นทีเขาคงจะต้องใช้ไม้แข็งกับนางเสียแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็จะต้องตกเป็นภรรยาของข้าอยู่วันยังค่ำ นอกเสียจากเจ้าจะตายเป็นผีข้าจึงจะปล่อยเจ้าไป!
"คุณชายเสิ่นอย่าได้มีโทสะเลย ข้าจะพูดกับนางเอง นางเป็นสตรีหน้าบาง คุณชายอย่าได้ถือสา"
เยี่ยนหลิงได้ยินเสียงบิดามารดากำลังเอาอกเอาใจเสิ่นหัวหรงอยู่ นางก็เบ้ปากขึ้น แต่ก็ดีเช่นกัน นางจะได้ฉวยโอกาสหนีเอาของขึ้นไปให้อาหย่วนอีกสักรอบ หญิงสาวรีบหยิบผ้าห่มในตู้ และเอาชุดของพี่ชายออกมา จากนั้นก็เอาของกินเล่นพร้อมกับสมุนไพรที่ซื้อ อ้อ ใช่ต้องไม่ลืมที่จุดไฟจะได้จุดไฟไล่สัตว์ป่าดุร้าย
************************