ตอนที่ 2 การช่วยชีวิตคนได้กุศลมากกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น
สตรีที่แอบอยู่หลังต้นไม้ กำลังมองไปที่บุรุษแปลกหน้าผู้นั้นอย่างไม่วางตา หากจะบอกว่าเสิ่นหัวหรงหล่อเหลาแล้วละก็ บุรุษผู้นี้กลับมีดวงตาดอกท้อ ใบหน้าราวกับหยกชั้นดี เกินคำว่าหล่อเหลาไปแล้วจริง ๆ ถึงแม้เศษดิน คราบเลือดจะบดบังใบหน้าขาว ๆ นั้นไปบ้าง
แต่กระนั้นนางก็ยังคงคิดว่าเขาเป็นบุรุษรูปงาม แต่ให้ตายเถิดอาหลิง นี่ใช่เวลาที่เจ้าจะมาชมความงามของบุรุษอยู่หรือ มือเล็กยกขึ้นทึ้งเส้นผมตัวเอง แต่แล้วนางก็ได้ยินเสียงแหบพร่าดังมาจากคนผู้นั้น หรือเขาจะรู้ว่านางแอบอยู่ตรงนี้
"นะ...น้ำ ขอน้ำหน่อย!"
เยี่ยนหลิงพยายามเงี่ยหูฟัง ก่อนจะได้ยินว่าเขาต้องการน้ำ นางรู้สึกสองจิตสองใจว่าจะช่วยเขาดีหรือไม่ แต่เมื่อเห็นว่าสภาพเขายามนี้หากไม่ช่วยคงต้องตายอย่างแน่นอนนางจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะตัดสินใจได้
เอาเถิดช่วยก็ช่วย ก็แค่ช่วยคนนี่นา โบราณว่า การช่วยชีวิตคนได้กุศลมากกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นเมื่อคิดได้เช่นนั้น เยี่ยนหลิงจึงเดินออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าบุรุษหน้าหยกผู้นั้น นางย่อกายลงนั่งจ้องมองเขาอีกครั้ง
เจ็บขนาดนี้คงไม่มีเรี่ยวแรงลุกมาทำร้ายนางกระมัง แขนเรียวยื่นออกไปช้า ๆ ค่อย ๆ ประคองเขาขึ้นมานั่งพิงต้นไม้ แล้วจึงปลดกระบอกไม้ไผ่ที่นางใส่น้ำเตรียมเอาไว้มาให้ตนเอง นางยกกระบอกจ่อไปที่ริมฝีปากป้อนน้ำให้เขาดื่มช้า ๆ ชายหนุ่มรีบคว้าจับกระบอกไม้ไผ่และดื่มน้ำเข้าไปด้วยความหิวกระหาย
"ค่อย ๆ ดื่มท่านสลบไปไม่รู้นานแค่ไหน ร่างกายยังปรับสภาพไม่ได้ ประเดี๋ยวก็สำลักหรอก"
หญิงสาวเหลือบมองท่าทีของบุรุษตรงหน้าขนาดดื่มน้ำอย่างกระหายเช่นนี้ แต่กลับดูไม่น่าเกลียดเลยสักนิด บุรุษผู้นี้หน้าตาดีอย่างยิ่ง ไม่ใช่บุรุษในหมู่บ้านหยู่เปิงแน่ นางเกิดและเติบโตที่นี่ย่อมคุ้นหน้าคุ้นตาคนในหมู่บ้าน แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นคนนอก ทว่าจะเป็นผู้ใดก็สุดจะรู้
แต่หากเป็นคนนอกเมืองหลิงอี้ก็ดีเช่นกัน วันหนึ่งที่เขาหายดีแล้ว นางและเขาก็จะได้ไม่ต้องพบเจอกันอีก ทว่าบุรุษผู้นี้มีใบหน้าหล่อเหลาถึงเพียงนี้ หากได้นั่งมองทุกวันจะดีเพียงใดกันนะ จะว่าไปนางเองก็ชื่นชอบของสวยงามเป็นอย่างมาก
หากเสิ่นหัวหรงผู้นั้นมิได้มีนิสัยเลวทรามมากถึงเพียงนั้น นางก็คงจะพอรับได้ คิดไปแล้วก็จริงอย่างที่มารดานางกล่าว จะแต่งกับผู้ใดก็ต้องปรนนิบัติสามีเหมือนกัน
เยี่ยนหลิงโคลงศีรษะไปมา พยายามไล่ความคิดไร้สาระนี้ออกไปไม่ว่าอย่างไรก็คนแปลกหน้าผู้หนึ่ง นางล้วงมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้าจากอกเสื้อของตนเองออกมา ค่อย ๆ เช็ดตามใบหน้าให้เขาอย่างเบามือ
ครั้นเมื่อได้ดื่มน้ำแล้ว ชายหนุ่มก็รู้สึกดีขึ้นมาก เขาค่อย ๆ หันไปมองรอบ ๆ สายตาก็พลันเห็นสตรีผู้หนึ่งกำลังนั่งมองเขาอยู่ ใบหน้าของนางงดงามราวกับเทพธิดาตัวน้อย ๆ ครั้นเห็นดวงตาที่มองเหมือนอยากรู้ระคนสงสัยเขาก็ยกริมฝีปากที่แห้งผากขึ้นเป็นรอยยิ้ม
"แม่นาง ขอบใจเจ้ามาก" เสียงเขาทุ้มฟังดูนุ่มละมุน แต่กระนั้นก็ปิดบังความอ่อนล้ามิได้
"อย่าได้เกรงใจเลยเจ้าค่ะ ความจริงข้าก็มิได้ช่วยอันใดเพียงผ่านทางมา แล้วเห็นท่านนอนหมดสติอยู่จึงเข้ามาดู ว่าแต่ท่านเถอะ เหตุใดจึงมานอนอยู่ที่นี่ได้เล่าเจ้าคะ"
เมื่อได้ยินคำถามของนาง เขาก็ถอนหายใจออกมา สายตาเหม่อมองไปยังยอดเขา โชคดีเท่าใดแล้วที่เขายังมีชีวิตอยู่ เซียวชินหย่วนจมอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเองอีกครั้ง เมื่อสามวันก่อนเขาเดินทางขึ้นเขามาเก็บสมุนไพรเพื่อนำไปปรุงเป็นยา เดิมทีเขาหาใช่คนเมืองหลิงอี้ ทว่าเขามาจากเมืองหลวงที่ต้องเดินทางมาไกลถึงเพียงนี้เพราะว่า ตัวยาสำคัญที่ต้องใช้ปรุงยาในครั้งนี้ไม่มี
ครั้นได้ยินว่าภูเขาที่เมืองหลิงอี้นั้นอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก มีทั้งผลไม้ป่า ของป่าและสมุนไพรหายากหลายชนิดที่ขึ้นอยู่ตามแนวชายเขา เขาจึงเดินทางมาที่นี่ด้วยตนเอง เพราะการปรุงยาครั้งนี้สำคัญมาก ตัวสมุนไพรก็มีระยะเวลาในการเก็บ หลังจากถอนออกมาจากดินแล้ว ต้องปรุงยาเลยไม่เกินสี่ชั่วยามดังนั้นครั้งนี้เขาจึงต้องมาด้วยตนเอง
ตลอดการเดินทางเขารีบเร่งเป็นอย่างมาก แทบจะอยู่บนหลังม้าตลอดจึงทำให้ขาดการพักผ่อนไปบ้าง ตอนแรกก็คิดว่าจะไหวแต่ผู้ใดจะไปคาดคิดว่าเขาจะประเมินตนเองสูงเกินไป จึงได้พลาดท่าตกเขาลงมาเช่นนี้
เยี่ยนหลิงจ้องมองบุรุษตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา ทว่าเห็นเขาเงียบไป นางจึงคิดว่าเขาคงไม่สะดวกจะตอบคำถาม ดังนั้นนางจึงไม่ถามอะไรออกไปอีก
"หากท่านไม่เป็นอันใดแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน กระบอกน้ำนั้นท่านเก็บเอาไว้เถิด" เยี่ยนหลิงพูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกมา ในเมื่อเขารู้สึกตัวแล้ว ก็ไม่เกี่ยวอันใดกับนางอีก คาดว่าประเดี๋ยวเขาก็คงหาทางกลับไปเองได้
"โอ๊ย!"
แต่แล้วในขณะที่หญิงสาวกำลังเดินออกไป ก็ได้ยินเสียงร้องขึ้นมาหนึ่งคำก่อนจะฝืนกัดฟันไม่ส่งเสียงอีก นางจึงหันกลับมามองด้วยความอยากรู้ ก็เห็นว่าบุรุษผู้นั้นกำลังใช้มือจับที่หัวเข่าของตนพร้อมกับขบกรามแน่นด้วยความเจ็บปวด ร่างเพรียวบางรีบถลากลับมาอย่างไม่ทันยั้งคิด
"ท่าน! เป็นอันใดหรือเจ้าคะ"
เซียวชินหย่วนเงยหน้าขึ้นสบตากับหญิงสาวตรงหน้า เขายกยิ้มบาง ๆ และส่ายหน้า ทว่าเหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผากและไรผม ก็ทำให้รู้ว่าเขากำลังข่มกลั้นความรู้สึกเอาไว้
"ดูเหมือนว่าขาข้าจะมีปัญหาเสียแล้ว"
เซียวชินหย่วนจ้องมองต้นขาของตนเอง บาดแผลไม่ได้ลึกมาก ทั้งเลือดก็หยุดไหลไปแล้ว แต่กระนั้นแรงกระแทกก็ทำให้กระดูกร้าวเสียแล้ว โชคดีที่แผลไม่ลึกมากและเลือดก็หยุดไหลแล้ว แน่นอนว่าการต่อกระดูกเขาย่อมทำได้ไม่ยาก อย่างไรก็เป็นหมอมานาน แต่ที่ยากนั่นก็คือเขาต้องรีบเดินทางกลับไปเมืองหลวงไปปรุงยาให้แล้วเสร็จ
เยี่ยนหลิงไม่ได้มีความรู้เรื่องหมอ แต่ก็รู้จักสมุนไพรอยู่บ้างเล็กน้อย ถึงอย่างไรพี่ชายนางก็เจ็บป่วยมานาน อาศัยต้มยาให้พี่ชายดื่มก็ทำให้แยกสมุนไพรออกบ้างแล้ว ทว่าดูจากท่าทางของคนตรงหน้าแล้ว นางก็พลันหนักใจแทน
"ท่านมีญาติหรือว่าคนที่ติดตามมาด้วยหรือไม่ ข้าจะไปแจ้งพวกเขาให้มารับท่าน"
เซียวชินหย่วนส่ายหน้าพลางถอนหายใจ คิ้วหนาขมวดขึ้น
"คนติดตามหรือ" ชายหนุ่มหยุดคิดไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงส่ายหน้าช้า ๆ
"เกรงว่าจะมีเพียงข้าผู้เดียวแล้ว"
เยี่ยนหลิงพยักหน้าถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจไอ้คำว่า เกรงว่าจะมีเพียงเขาผู้เดียวหมายความว่าอย่างไร พามาหรือไม่พามาก็ไม่รู้อีกหรือ นางปรายสายตาไปมองที่ขา ก็คิดว่าปล่อยให้เขาอยู่ตรงนี้ไม่ได้แน่ ไม่งั้นหมาป่าได้คาบไปเป็นอาหารคืนนี้แน่นอน
"เช่นนั้นข้าพาท่านไปหาหมอดีหรือไม่ ในหมู่บ้านของข้ามีโรงหมออยู่ ถึงจะแก่ไปบ้างแต่คนในหมู่บ้านก็มักจะไปรักษาที่นั่น"
"ไม่เป็นไรข้าเองก็เป็นหมอ เจ้าหาไม้มาให้ข้าดามขาเอาไว้ก็พอ คือว่า...ข้ายังต้องเก็บสมุนไพรสำคัญต่ออีกหน่อย แม่นางเจ้าพอจะมีที่พักบนเขาให้ข้าพักหรือไม่"
เยี่ยนหลิงไม่เข้าใจคนผู้นี้แม้แต่น้อย ร่างกายตนเองไม่ใช่สำคัญกว่าหรอกหรือ เหตุใดจึงเอาแต่ห่วงเก็บสมุนไพรเช่นนี้อยู่อีก แต่ก็ช่างเถิด...นั่นมันเรื่องของเขามิใช่หรือ
"เช่นนั้นท่านเดินไหวหรือไม่ ข้ามีสถานที่ลับหนึ่งที่ไม่มีผู้ใดรู้จัก ที่นั่นปลอดภัยท่านวางใจได้ ความจริงที่แห่งนั้นข้าไม่เคยให้ผู้ใดเข้าไปมาก่อน บางครั้งข้าเบื่อหน่ายก็มักจะหนีมาหลบที่นี่ ข้าให้ท่านยืมอาศัยชั่วคราวก็แล้วกัน" เยี่ยนหลิงก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดจะต้องบอกเรื่องเหล่านี้ ทั้งยังยินดีให้เขาเข้าไปพักในสถานที่ลับของนางด้วย แต่กระนั้นเมื่อนางเอ่ยปากออกไปแล้ว ช่างเถิดส่งพระก็ต้องส่งให้ถึงวัด ช่วยคนก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด นางก็เป็นคนเช่นนี้นี่เอง
"เช่นนั้นก็รบกวนแม่นางแล้ว"
************************