บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 งานของผู้ช่วย

“เข้าใจที่พูดใช่ไหม ถ้าไม่เข้าใจอะไรก็ถามแล้วกัน” เสียงทุ้มของพ่อเลี้ยงหนุ่มพูดขึ้นหลังจากได้อธิบายงานในส่วนที่ผู้ช่วยส่วนตัวคนใหม่ต้องทำต้องรับผิดชอบให้คนตัวเล็กฟัง ส่วนผู้ช่วยคนใหม่ก็ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

ภายในออฟฟิศที่พ่อเลี้ยงกิตติภูมิสร้างไว้เป็นสำนักงานอาคารหลังใหญ่มีห้องทำงานของพ่อเลี้ยงอยู่ด้านในสุดและห้องของผู้ช่วยอยู่ติดกัน ส่วนด้านนอกเป็นห้องรับแขก ออฟฟิศอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักสักเท่าไหร่แต่ต้องเดินทางด้วยรถเท่านั้นเพราะถ้าเดินไปมีหวังขาลากแน่ๆ ทุกเช้าคนเป็นเจ้านายเลยต้องมีหน้าที่สารถีมารับผู้ช่วยของตัวเองที่เรือนมะลิเพื่อที่จะมาทำงานด้วยกันตามที่เเม่เลี้ยงกานดาได้จัดแจงหน้าที่ของเจ้าของไร่ชาที่ควรกระทำต่อลูกจ้างอย่างหนูข้าวโพดไว้ให้เขา

“เข้าใจแล้วครับ” ผู้ช่วยคนใหม่ตอบเจ้านายหลังจากที่ได้รับฟังงานในหน้าที่ของตัวเอง งานของเขาไม่มีอะไรมากนอกจากการทำบัญชี รายรับรายจ่ายของไร่ การดูแลเรื่องการเบิกจ่ายค่าแรงของคนงาน และงบการเงินต่างๆ ส่วนมากทำให้ต้องอยู่แต่ในออฟฟิศ

เจ้าของเสียงใสเอียงหน้าขึ้นมามองว่าอีกคนจะมอบหมายงานอะไรให้กับตัวเองก็ถึงกับใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อพอเงยหน้าขึ้นมองก็เจอใบหน้าขาวหล่อคมที่ยืนอยู่ข้างเก้าอี้ที่ร่างบางนั่งอยู่ก้มลงมา มือยาวจับเม้าท์ของคอมพิวเตอร์ ส่วนอีกมือเท้าอยู่ที่พนักเก้าอี้เหมือนกับตอนนี้ข้าวโพดตกอยู่ในอ้อมกอดของร่างสูงโดยปริยายไอ้หัวใจบ้าอยู่ๆ ก็มาเต้นผิดจังหวะเอาง่ายๆ เพียงเพราะอยู่ใกล้คนหล่อ และถ้าพ่อเลี้ยงหันหน้าเอียงมาทางร่างบางเพียงนิดเดียว นิดเดียวเท่านั้นปากก็จะชนกันแล้วก็เหมือนข้าวโพดจะโดนจูบแล้ว พอคิดถึงจูบแก้มขาวใสก็พลอยแดงด้วยความเขินอายที่ตัวเองคิดซุกซน

คนที่ยืนอยู่ตอนแรกก็จ้องที่จอคอมพิวเตอร์ พอถามอีกคนแต่เห็นนิ่งไปเลยอยากมองหน้าเพื่อต้องการคำตอบ แค่คนที่นั่งอยู่เงยหน้ามองตัวเอง แก้มใสๆ นั้นสวยหวานปนน่ารักน่ามอง ริมฝีปากบางเล็กเป็นกระจับสีชมพูน่าจูบนี่อีก ถ้าได้ลองจูบน่าจะหวานมาก ยิ่งตอนนี้แก้มใสๆ เริ่มเป็นสีชมพูอมแดงมันยิ่งทำให้ร่างบางน่ารักไปอีก เขาอยากจะกดจมูกไปลองสัมผัสกับแก้มแดงนั่นจังเลยว่าจะนุ่มสักแค่ไหน หยุดเลยไอ้บลูนั่นคนงานมึงจะมาเป็นสมภารกินไก่วัดไม่ได้ จิตฝ่ายดีเตือนร่างสูงทำให้เขาได้สติรีบยืดตัวขึ้น ทำหน้าขรึมเสียงเข้มต่อ

“คิดอะไรลามกกับผมหรือเปล่า อยู่ๆ ก็หน้าแดง” ร่างสูงกอดอกถามคนที่นั่งแก้มแดงอยู่

“คิดลามกอะไร ใครจะไปคิดอะไรกับคนแก่อย่างคุณที่ปากร้ายเหมือนน้องพิตบูล” ร่างบางตอบสวนทันควันอย่างแสบสัน

“เออ อย่าให้เห็นว่าอยากได้ผัวแก่ก็แล้วกัน พ่อจะขำให้ฟันหลุด” คนตัวโตพูดอย่างมีโมโหนิดๆ ที่โดนเด็กมันว่าแก่ ก่อนที่จะเอามะเหงกใส่หน้าผากลูกจ้างเบาๆ แล้วเดินออกไป ทิ้งไว้แค่คนที่นั่งฮึดฮัดอารมณ์ไม่ดีที่โดนทำโทษอยู่คนเดียวในห้อง

ข้าวโพดมาทำงานกับกิตติภูมิเกือบเดือนพอได้มาเห็นการทำงานของพ่อเลี้ยงหนุ่มเข้าจริงๆ ร่างบางต้องนับถือเขามากๆ ที่บริหารจัดการทั้งงานทั้งคนได้ดีขนาดนี้ วันๆ งานของพ่อเลี้ยงล้นมือ ตอนที่ไม่มีเขามาช่วยงานเรื่องบัญชีแม่เลี้ยงกานดาบอกว่าลูกชายของนางต้องทำเอง เขาเอาเวลาไหนพักผ่อนกันนะ เพราะขนาดมีเขามาช่วยแล้ววันๆ ข้าวโพดแทบจะไม่เห็นหน้าอีกคนเลยนอกจากจะมารับมาส่งเขาที่ออฟฟิศเท่า

“เอ่อ ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าพ่อเลี้ยงกิตติภูมิอยู่ไหมครับ”

ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เมื่อได้ยินเสียงใครสักคนเข้ามาถามหาเจ้าของไร่ ห้องทำงานของข้าวโพดเป็นกระจกใสจึงสามารถมองเห็นภายนอกและภายในห้องได้ พอเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงก็ได้พบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงกำยำหน้าตาคมคายในชุดกางเกงยีนเสื้อยืดสีเข้มยืนอยู่ใกล้กับประตูห้องทำงานของตัวเอง ก่อนที่ร่างบางจะลุกจากเก้าอี้ทำงานเพื่อต้อนรับแขกของเจ้านาย แล้วเอ่ยบอกแขกซึ่งตัวเองไม่รู้ว่าเป็นใคร

“พ่อเลี้ยงเข้าไปในไร่ครับ เอ่อ ไม่ทราบว่า..”

“ผมบดินทร์ หรือดินครับเป็นเพื่อนกับพ่อเลี้ยง คุณเป็นผู้ช่วยคนใหม่ของพ่อเลี้ยงหรือครับ” บดินทร์แนะนำตัวเองพร้อมกับถามชายหนุ่มร่างบางที่ตัวเองเพิ่งเคยเห็นหน้า คนอะไรผิวขาวนวลละเอียดหน้าตาไปทางสวยน่ารักมากกว่าหล่อ มองเผินๆ เหมือนผู้หญิงผมสั้น เวลายิ้มน่ารักมาก ถูกใจไอ้ดินคนหล่อเป็นที่สุด

“สวัสดีครับผมข้าวโพดครับ เพิ่งจะทำงานกับพ่อเลี้ยงได้ไม่ถึงเดือนเองครับ เชิญคุณบดินทร์นั่งก่อนนะครับเดี๋ยวผมหาน้ำเย็นให้ดื่ม”

“ขอบคุณครับ น้องข้าวโพดเรียกพี่ว่าพี่ดินดีกว่าครับ เรียกคุณบดินทร์มันดูห่างเหินยังไงไม่รู้” คนพี่ที่ดูอยากจะสนิทกับเขาพูดอนุญาตให้ข้าวโพดเรียกเพียงชื่อเล่น

“ครับ น้ำครับ พี่ดิน” ข้าวโพดวางแก้วน้ำเย็นไว้ที่โต๊ะรับแขกข้างหน้าบดินทร์ ก่อนที่จะขอตัวทำงานของตนให้เสร็จต่อ เพราะบดินทร์บอกให้ทำตัวตามสบาย ทั้งสองตะโกนคุยกันอย่างถูกคอเพราะบดินทร์เป็นคนคุยเก่ง คุยสนุก จนคนพี่ขี้เกียจตะโกนคุยแล้วจึงได้พาร่างสูงมาดแมนไปยืนพิงประตูห้องทำงานของข้าวโพดแทน

“น้องข้าวโพดว่างเมื่อไหร่ถ้าสนใจเดี๋ยวพี่จะพาไปเที่ยววัดที่นี่มีแต่สวยๆ ทั้งนั้นเลย” บดินทร์อาสาชวนข้าวโพดไปไหว้พระที่วัดเพราะอีกคนบอกว่ายังไม่ได้มีโอกาสไปไหนเลย และชอบวัดทางภาคเหนือ

เสียงคนสองคนคุยกันอย่างถูกคอทำให้ผู้ที่ก้าวเข้ามาใหม่ชะงักเท้าเล็กน้อย มองไปก็เห็นเพื่อนไอ้ดินตัวดีของตัวเองที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คุยอยู่กับลูกจ้างกิตติมศักดิ์ผู้ช่วยตัวดีของเขาที่ยิ้มระรื่นเชียว ทีคุยกับเขานับคำได้ ดีหน่อยตรงที่ช่วยงานเขาได้เยอะไม่ต้องมาห่วงเรื่องงานเอกสารอะไรนี่อีก

“อะ แอ้ม ไอ้ดินมึงมานานหรือยัง มีธุระอะไรหรือเปล่า” เจ้าของสถานที่เดินเข้ามาถามเพื่อนมองก็รู้ว่ามันมานานแล้วเพราะความเย็นที่เกาะอยู่บนแก้วน้ำรับแขกไม่มีความเย็นแล้ว เสือกไม่โทรหากูปกติก็ไปบุกถึงไร่ชา

“กูมานานแล้ว ไม่มีอะไรหรอกกูเหงา พอดีมาเจอกับน้องข้าวโพดเลยหายเหงาแล้ว มึงเลิกงานหรือยัง กูจะชวนมึงกินเหล้า”

“กินเหล้าอะไร มึงก็รู้ว่ากูไม่กินเหล้าถ้าไม่ใช่วันหยุด วันนี้เพิ่งวันพุธ มึงมาผิดวันแล้ว เอาดีๆ มึงมีอะไรว่ามา” กิตติภูมิถามเพื่อนตัวดีทันทีอย่างรู้กันมันรู้ดีว่าเขาจะไม่ดื่มเด็ดขาดถ้าอีกวันต้องทำงาน แล้วร่างสูงก็หย่อนกายลงพักที่โซฟารับแขก จนเพื่อนที่ยืนอยู่หน้าห้องข้าวโพดต้องเดินมาหา

“กูเบื่อ พ่อกูจะจับคู่ให้กูกับลูกเพื่อน ให้พาเขาไปกินข้าว กูเลยหนีมาหามึงมาขอข้าวมึงกินวันนี้” บดินทร์เฉลยธุระของตัวเองทันที

“อ้าวก็ไม่ดีหรือไงวะ มึงอายุเยอะสมควรออกเรือนได้แล้วนะ”

“ไอ้บลู มึงไม่ต้องมาสนับสนุนเห็นด้วยกับพ่อกู มึงต้องอยู่ฝั่งกูซิ จู่ๆ เอาสัญญาที่ให้กันไว้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหามาบังคับให้กูหมั้น ให้กูแต่งกับใครก็ไม่รู้ไม่เคยเห็นหน้ากันเลยหน้าตาคงขี้เหร่มาก ถ้าหน้าตาน่ารักสวยๆ อย่างน้องข้าวโพดก็ว่าไปอย่าง ถ้าเป็นแบบนี้กูแต่งทันทีเลย”

คนพูดยังมาหลีผู้ช่วยของเจ้าของไร่ต่อ โดยไม่สนใจหน้าอีกคนที่เริ่มตึง นี่ไม่ทันไรโดนผู้ช่วยเขาตกไปแล้วหรือไง ทำไมทุกคนที่เห็นจึงถูกคนตัวเล็กตกเอาง่ายๆ ทุกคน โดยเฉพาะแม่ของเขาโทรมาทีไรถามหาแต่ผู้ช่วยแทนที่จะถามข่าวลูกชายบ้างไม่มีเลย

“มึงเห็นหน้าเขายัง เขาอาจจะสวยมากก็ได้นะ”

“สวยห่าอะไร เขาเป็นผู้ชายเพิ่งเรียนจบจากกรุงเทพ คงแรดอยากมีผัวน่าดูจึงยอมให้คลุมถุงชน กูจำได้แต่ว่าตอนเด็กเป็นเด็กอ้วนๆ ร้องไห้ตามกูขี้มูกกรัง หยึยยย นึกถึงแล้วขยะแขยง” บดินทร์พูดถึงคู่หมั้นอย่างแสบสัน ทำเอาคนที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ สะอึกแทนผู้ชายอีกคนที่ต้องมาโดนผู้ชายที่เป็นคู่หมั้นว่าขนาดนั้น

“แล้วมึงจะเอายังไง กูไม่ดื่มนะวันนี้” เจ้าของบ้านถามแขก

“ไอ้บลู มึงใจร้าย มึงจะปล่อยให้เพื่อนรักของมึงกินเหล้าเมาคนเดียวจริงๆ เหรอ งั้น น้องข้าวโพดครับ กินเหล้าเป็นเพื่อนพี่ดินได้ไหมครับ”

“ไม่ต้องเลยมึง ไอ้ห่า กูไม่กิน คนของกูก็ต้องห้ามกิน ทุกคนรู้กฎข้อนี้ดี” กิตติภูมิพูดเสียงดังพร้อมกับหันไปทางร่างบางเชิงบอกให้อยู่เงียบๆ ห้ามเสนอตัวรับปากถ้าไม่อยากเจอดี

“งั้น ก็กินข้าวบ้านมึงนะวันนี้ กูจะนอนกับมึงด้วย” เพื่อนรักเอาแต่ใจอีกคนยังงอแงด้วยไม่อยากกลับบ้านไปเจอคู่หมั้น

“ถ้างั้นก็โอเค งั้นก็กลับไปที่บ้านกู ป่ะกลับกัน” กิตติภูมิหันมาพยักหน้าบอกผู้ช่วยของตัวเองเชิงบอกให้เก็บของและเตรียมตัวกลับบ้าน

ร่างบางจึงเซฟงานที่ทำอยู่แล้วรีบปิดคอมพิวเตอร์ ดูความเรียบร้อยของแอร์และไฟก่อนที่จะเดินตามเจ้านายออกไปขึ้นรถ บดินทร์ถึงกับงงที่เห็นร่างบางของคนที่เขาสนใจเดินขึ้นรถไปกับเพื่อนรักอย่างไอ้บลู เพราะปกติไอ้เพื่อนรักของเขาไม่ค่อยจะเทคแคร์ใครนอกจากคนสำคัญของมันอย่างแฟนสาวที่เลิกรากันไปเมื่อหลายปีกับคนในครอบครัว ส่วนน้องข้าวโพดนี่ยังไงเป็นคนงานแต่ได้นั่งหน้ารถคู่กับเจ้านาย ปกติเห็นผู้ช่วยคนก่อนๆ ก็กลับเองถึงจะเป็นผู้หญิงก็ไม่เห็นเพื่อนเขาจะขับรถไปส่งหลังเลิกงานเลย ชักจะยังไงซะแล้ว หรือว่าเป็นคนสำคัญของเพื่อนรักวะ มิน่าล่ะตอนเขาพูดกับน้องดูไอ้เพื่อนรักของเขาจะไม่ค่อยพอใจเท่าไร

บดินทร์ขับรถตามหลังรถของกิตติภูมิมาก็สงสัยเพราะอีกคนขับรถไปจอดที่เรือนมะลิ ก่อนที่ร่างบางของน้องข้าวโพดจะหอบของลงจากรถ นี่อย่าบอกนะว่าน้องข้าวโพดคนสวยของเขาพักอยู่ที่เรือนมะลิที่ไอ้บลูหวงนักหวงหนา แสดงว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนงานธรรมดาแน่นอน ไอ้ดินคนนี้ต้องรู้ให้ได้ว่าน้องข้าวโพดสำคัญกับเพื่อนรักของเขายังไง ต่อมอยากเผือกของบดินทร์เริ่มทำงานสงสัยที่คิดจะจีบน้องข้าวโพดคงจะแห้วซะแล้วแทนที่จีบได้น้องมาเป็นแฟนคงได้เป็นเพื่อนสะใภ้แทนแล้วล่ะไอ้ดิน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel