เมืองกว่างโจว
ซูอี้กับลี่จูใช้เวลาปั่นจักรยานไม่ถึง 10 นาทีก็เข้ามาถึงเขตเมืองกว่างโจ เพราะเส้นทางที่ทั้งสองคนใช้เป็นทางลัดหลังหมู่บ้านที่น้อยคนนักที่จะรู้จัก หากต้องเดินทางมาด้วยเส้นทางปกติต้องใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงถึงจะเข้าถึงตัวเมืองกว่างโจว เพราะทางเข้าหมู่บ้านเทียนซวงต้องอ้อมภูเขาไปอีกทางหนึ่ง
"ว้าาาว เหมือนในรูปที่เคยเห็นเลย~"
ลี่จูอุทานเบา ๆ เมื่อเข้ามาถึงเขตเมืองกว่างโจว ภูมิทัศน์และตึกรามบ้านช่องเป็นเหมือนที่เธอเคยเห็นในรูปถ่ายตอนเรียนไม่มีผิดเพี้ยน
"อะไรเหรอลี่จู?"
คนที่กำลังปั่นจักรยานให้ภรรยาซ้อนท้ายเอ่ยถามเบา ๆ พร้อมกับชะลอความเร็วเพื่อจะจอดข้างริมคลองน้ำ
"ปีนี้ปีอะไรคะพี่ซูอี้?"
"วันที่ 8 เดือน 6 ปี 1980 ลี่จูถามทำไมเหรอ?"
แม้ซูอี้จะสงสัยว่าเหตุใดลี่จูจึงลืมวันลืมคืนเช่นนี้ แต่ก็ยอมตอบออกไปให้อีกฝ่ายได้กระจ่าง
"ปี 1980~"
ปี 1980 เป็นปีที่กิจการต่าง ๆ ของรัฐได้เริ่มถ่ายโอนไปเป็นของเอกชน และทำสัญญาให้เอกชนเข้ามาดำเนินการในอุตสาหกรรมที่รัฐเป็นเจ้าของ รวมถึงยกเลิกมาตรการควบคุมราคาสินค้า หรือจะเรียกว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะซื้อขายได้อย่างอิสระตามที่ต้องการหากสามารถหาสินค้าได้
ปีนี้จึงถือเป็นช่วงเวลาทองของลี่จูที่จะนำสิ่งของที่เธอเตรียมมาออกมาทำกำไรและสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว
"ลี่จู ลี่จู น้องเป็นอะไรรึเปล่า พี่เห็นเงียบไปนานแล้วเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตอบ"
"มะ...ไม่เป็นไรค่ะ หนูแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย ว่าแต่พี่ซูอี้จะไปที่ไหนรึเปล่าค่ะ เดี๋ยวหนูลงตรงนี้ก็ได้นะ อีกซัก 1 ชั่วโมงเราค่อยมาเจอกันที่นี่ก็ได้"
"จะดีเหรอ เราไปด้วยกันก่อนดีไหม รอพี่เสร็จธุระพี่จะพาลี่จูไปทำธุระอีกต่อหนึ่ง"
"ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ เสร็จธุระแล้วหนูกะว่าจะเดินดูอะไรแถวนี้อีกหน่อย อีก 1 ชั่วโมงค่อยมาเจอกันที่นี่ก็ได้ค่ะ"
หญิงสาวพยายามหาทางออกเป็นพัลวันเพื่อจะปลีกตัวออกไปคนเดียว เพราะเธอต้องใช้เวลาในการหยิบของออกจากมิติเพื่อไม่ให้ใครพบเห็น ยังมีนมอัดเม็ดที่เธอต้องเอากลับไปฝากหนูน้อยที่บ้านอีก
"เอาตามนั้นก็ได้ เงินนี่เอาติดตัวไว้นะ ถ้าหลงทางแล้วหาทางกลับบ้านไม่เจอจำไว้ว่าบ้านเราอยู่หมู่บ้านเทียนซวง หรือไม่ก็ไปบ้านปู่เล็กที่หมู่บ้านเซียงซุนเข้าใจไหม"
ลี่จูรับเงิน 10 หยวนที่ซูอี้ยัดใส่มือให้เธอพร้อมกับความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กน้อยที่เข้ามาเที่ยวในเมืองเป็นครั้งแรก แล้วผู้ปกครองกลัวว่าเธอจะหลงทางจนต้องกำชับเรื่องสถานที่นัดหมายให้ชัดเจนก็ไม่ปาน
"เข้าใจแล้วค่ะ แต่เงินนี่พี่ไม่ต้องให้หนูก็ได้ หนูยังพอมีติดตัวค่ะ"
หากจะบอกว่าเจ้าของร่างนี้มีเงินติดตัวก็คงเป็นเรื่องโกหก แต่ที่ตัวเธอมีเงินอยู่จริงเพราะลี่จูไปเปิดกล่องสะสมของมารดาที่ล่วงลับไปแล้ว แล้วพบเข้ากับเงินสะสมตั้งแต่สมัยคุณยายยังเป็นสาว จึงถือเป็นความโชคดีของเธอที่ข้ามมากาลเวลานี้แล้ว แต่ก็ยังพอมีเงินติดตัว
"ลี่จูรับไว้เถอะพี่จะได้หายห่วง"
สุดท้ายลี่จูก็ต้องรับเงิน 10 หยวนนั้นเอาไว้ แล้วแยกย้ายกันเดินไปตามทิศทางของตนเอง เป้าหมายของซูอี้คือค่ายทหารเรือที่อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไป ซูอี้ต้องใช้เวลาปั่นจักรยานประมาณ 20 นาทีกว่าจะถึงที่หมาย
"จะไปทางไหนดีเนี่ย"
ลี่จูบ่นพึมพำแต่เท้าของเธอก็ยังมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองที่เป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจ หากเธอจำไม่ผิด ปีนี้จะมีการเริ่มพัฒนาเมืองโดยกำหนดจุดเด่นของแต่ละเขต ชั้นในเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจวัฒนธรรมและกิจกรรมระหว่างประเทศ เขตเทียนเหอเป็นศูนย์กลางด้านกีฬา การศึกษาและการวิจัย เขตหวงผู่เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีนวัตกรรมและเศรษฐกิจเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
เป้าหมายของลี่จูตอนนี้ชัดเจนมากว่าเธอต้องรีบสร้างตัวแล้วหาซื้อบ้านและที่ดินเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ติดก็แต่ระหว่างเส้นทางที่เธอกำลังต้องเผชิญเพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมาย เธอต้องพบเจอกับอะไรบ้าง
"พี่สาวจ๊ะ ตลาดกลางเมืองอยู่ตรงไหนเหรอจ๊ะ"
ระหว่างทางเดินลี่จูได้แวะถามผู้คนที่เดินผ่านไปมา แม้ว่าเธอจะเดินไปยังจุดที่ผู้คนพลุกพล่านแต่ก็ต้องถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
"เดินตรงไปถึงสี่แยกข้างหน้าแล้วเลี้ยวขวาก็เจอแล้วล่ะน้องสาว ส่วนตลาดท่าเรือต้องเลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปจนสุดถนนแล้วค่อยเลี้ยวขวาอีกทีนะ"
"ขอบคุณจ้ะพี่สาว"
เมื่อลี่จูรู้แล้วว่าเป้าหมายของเธออยู่ตรงไหน หญิงสาวจึงรีบมุ่งหน้าเข้าไปที่ตลาดกลางเมืองก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อดูว่า ณ ปัจจุบันผู้คนค้าขายสินค้าประเภทไหนบ้าง และมีอะไรที่เธอสามารถนำออกมาสร้างรายได้ให้กับตนเองได้บ้าง
แต่อาชีพหลักที่เธอต้องการทำก็ยังคงเป็นเต้าหู้ตามสูตรที่เธอและมารดาช่วยกันทำมาเช่นเดิม ลี่จูมั่นใจว่าอย่างไรอาหารชนิดนี้ก็ต้องขายดีทุกยุคทุกสมัยแน่นอน
เดินต่อไม่ถึง 10 นาที ลี่จูก็พบกับตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่าน แม้ตอนนี้จะเป็นเวลา 10 โมงแล้วแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าผู้คนจะลดลงเลย สมกับที่เมืองแห่งนี้เป็นเมืองใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ เป็นเมืองหลวงของมณฑลกวางตุ้ง ทั้งยังเป็นเมืองแห่งเส้นทางสายไหมในการนำเข้าและส่งออกสินค้าไปขายที่ต่างประเทศ
เมื่อมาถึงตลาดลี่จูก็เริ่มเดินสำรวจว่ามีสินค้าตัวไหนขายบ้าง เรียกว่าตลาดนี้มีสินค้าขายทุกอย่างก็ว่าได้ แต่ละร้านถูกจัดให้อยู่ในโซนที่เหมาะสม แต่สินค้าที่เธอเห็นกลับสู้ไม่ได้กับสินค้าที่เธอมีอยู่ในมิติเลยสักอย่าง แต่ให้บังเอิญว่าสายตาของเธอไปสะดุดอยู่กับกระเป๋าสตางค์ใบหนึ่งที่หล่นอยู่ข้างตะกร้าใส่ของที่วางระเกะระกะอยู่
"นี่มันกระเป๋าตังค์ใครล่ะเนี่ย"
หญิงสาวพยายามหันซ้ายแลขวาแต่ก็ไม่พบว่าใครกำลังมองหากระเป๋าตังค์เลยสักคน เธอจึงตัดสินใจยืนรออยู่ตรงนั้นเพื่อดูว่าจะมีใครมาเดินตามหากระเป๋าตังค์หรือไม่
10 นาทีต่อมา
"อั๊ยหยา! ลื้อหากระเป๋าอั๊วเจอม้ายอาจิ้น เดินหามานานแล้วนะ ถ้าไม่ใช่ว่าในนั้นมีของสำคัญอั๊วคงไม่สนใจหรอก"
เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นเรียกความสนใจของลี่จูได้เป็นอย่างดี เพราะเนื้อหาที่เธอได้ยินมันเกี่ยวกับกระเป๋าตังค์ที่หล่นหาย
"ไม่เจอเลยจ้ะเจ้"
"ใช่กระเป๋าอันนี้ไหมคะ พอดีฉันเก็บได้ตรงนี้เลยยืนรอดูว่าจะมีใครมาตามหารึเปล่า"
ลี่จูเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นกระเป๋าให้อีกฝ่ายดู
"ใช่ ๆ ใบนี้แหละ ขอบใจมากนะแม่หนู เจ้นึกว่าจะไม่ได้รูปของแม่กลับมาซะแล้ว ยิ่งมีใบเดียวซะด้วย"
หญิงสูงวัยรับเป๋ากลับไปแล้วรีบเปิดดูรูปที่อยู่ด้านในว่ายังคงอยู่ดีหรือไม่ โดยที่ไม่สนใจเลยว่าเงินที่อยู่ภายในกระเป๋าจะเหลือเท่าเดิมรึเปล่า
"ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ"
ระหว่างที่ลี่จูกำลังจะเดินไปก็ถูกอีกฝ่ายเรียกตัวเอาไว้เสียก่อน
"เดี๋ยวก่อน ๆ เอานี่ไปนะแม่หนู เจ้ให้เป็นสินน้ำใจ"
ธนบัตรสีแดงถูกยื่นมาตรงหน้าลี่จูถึง 2 ใบ หากเธอยอมรับเงินก้อนนี้หนี้สินของเธอกับบ้านหลักสกุลเมิ่งก็ถือว่าไม่มีอะไรค้างคาต่อกัน แต่...
"ไม่เป็นไรค่ะเจ้ ฉันไม่ได้ต้องการอะไร แค่ส่งกระเป๋าคืนเจ้าของที่แท้จริงได้ก็พอแล้วค่ะ"
รูปถ่ายเพียงใบเดียวของมารดาสำคัญขนาดไหนลี่จูย่อมรู้ดีตามประสาของคนที่สูญเสียเช่นกัน
"ได้ยังไงกันล่ะ รับไปเถอะแม่หนู"
เจ้กิมจูค่อนข้างแปลกใจที่มีคนกล้าปฏิเสธเงินที่นางมอบให้มากถึง 200 หยวน เงินในกระเป๋านางไม่ได้เสียดายเลยสักนิด แต่เป็นรูปถ่ายของมารดาผู้ล่วงลับไปแล้วต่างหากที่มีคุณค่าทางจิตใจ ต่อให้มีเงินมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว
"ไม่เป็นจริง ๆ ค่ะเจ้ ฉันมีเวลาไม่มากแล้ว ฉันขอตัวไปเดินดูตลาดก่อนนะคะ"
"ดูตลาด? จะมาซื้อของหรือมาขายของล่ะ เจ้จะได้บอกถูกว่าอะไรอยู่ตรงไหน"
หญิงสูงวัยยังไม่ยอมบอกว่าตนเองเป็นเจ้าของตลาดแห่งนี้ รวมไปถึงตลาดท่าเรือก็เป็นของนางด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนที่หวังกอบโกยและแสวงหาผลประโยชน์จากนาง
"ฉันมีสินค้าหลายตัวที่อยากเอามาขายค่ะ แต่ฉันสนใจเป็นการขายส่งให้ตามร้านมากกว่า รับมา-ขายไป เป็นคนกลางในการติดต่อซื้อขาย"
เจ้กิมจูจ้องมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยความแปลกใจ หากเดาไม่ผิดเด็กสาวคนนี้น่าจะอายุไม่ถึง 20 ปีเสียด้วยซ้ำ เหตุไฉนถึงได้รู้จักแหล่งสินค้าถึงขั้นอยากมาเป็นคนกลางในการซื้อขายของเช่นนี้
"ขายส่งเหรอ? เจ้ก็หาของอยู่เหมือนกันนะ ว่าแต่แม่หนูชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน แล้วมีอะไรบ้างที่จะเอามาขาย มีตัวอย่างมาด้วยไหม?"
ใบหน้าของลี่จูปรากฏรอยอย่างมีความหวัง เธอไม่รอช้าที่จะรีบแนะนำตัวให้อีกฝ่ายรู้จัก
"ฉันชื่อลี่จูค่ะเจ้ เมิ่งลี่จู เป็นสะใภ้บ้านรองสกุลเมิ่ง อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเทียนซวงค่ะ"
"..."
"ส่วนเรื่องสินค้าตัวอย่างเจ้อยากดูเป็นสินค้าประเภทไหนคะ ฉันสามารถหาได้ทั้งอาหารสด ของใช้ เครื่องปรุงและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส์ นมผงเด็กก็มีนะคะ"
"โอ้ว เก่งนะแม่หนู ดูท่าคงจะมีเส้นสายไม่น้อยถึงจะหาสิ่งของได้เยอะขนาดนี้ เอาอย่างนี้นะ เดี๋ยวเจ้จะไปรอที่สำนักงานตรงนั้น ถ้าสินค้าตัวอย่างพร้อมแล้วลื๊อก็ไปหาเจ้ที่นั่นได้เลย ถ้าไปแล้วเจอคนงานก็บอกพวกเค้าว่ามาหาเจ้กิมจูนะ"
หญิงสูงวัยพูดจบก็ส่งสัญญาณให้ลูกน้องของตนจดจำใบหน้าของลี่จูเอาไว้ เวลาที่เด็กสาวมาหาก็ให้เข้าพบได้ตลอด พร้อมกับชี้บอกทิศทางสำนักงานของตนให้ลี่จูได้รับรู้
"ได้เลยค่ะ ฉันขอตัวไปเตรียมสินค้าตัวอย่างสักครู่นะคะ เสร็จแล้วฉันจะรีบตามไปค่ะ"
พูดจบลี่จูก็รีบเดินแยกออกมา แต่สายตาของเธอไม่ลืมที่จะจดจำเส้นทางและนึกไปพลาง ๆ ว่าจะขนสินค้าไปอย่างไร ส่วนเรื่องราคาสินค้า เท่าที่เดินดูอยู่สักพักลี่จูก็พอจะจดจำได้แล้วว่าราคาขายปลีกแต่ละอย่างขายกันเท่าไหร่ แต่ของเธอเป็นกรณีขายส่งลี่จูจึงพอจะมีราคาในใจที่รับได้อยู่ก่อนแล้ว
ทางด้านเจ้กิมจูกับลูกน้องก็เดินกลับไปที่สำนักงานของตนและเตรียมตารางราคาสินค้าต่าง ๆ ไว้เช่นกัน
ลี่จูเดินออกมาจนถึงซอยที่มีตึกบดบังทัศนวิสัยการมองเห็นจากผู้คนด้านนอก หญิงสาวไม่รอช้ารีบเอาจักรยานที่มีพ่วงท้ายออกมาหนึ่งคัน ตามด้วย กุ้งลายเสือ ปลาหมึก หมูเนื้อแดง หมูสามชั้น กระดูกซี่โครง ออกมาอย่างละ 5 กิโล
ตามด้วยนมผงเด็ก ผงซักฟอก ยาสระผม สบู่ ยาสีฟัน น้ำยาล้างจาน แปรงสีฟัน ฟองน้ำล้างจาน บุหรี่ เหล้าและเบียร์ออกมาจัดเรียงลงในกระบะท้ายรถจักรยาน เมื่อเช็กดูว่าของครบทุกอย่างแล้วลี่จูจึงเอาผ้าออกมาคลุมให้มิดชิดแล้วปั่นจักรยานไปที่สำนักงานของเจ้กิมจูทันที
"มาแล้วค่ะเจ้"
เจ้กิมจูที่รออยู่ก่อนแล้วถึงกับตาลุกวาวเมื่อเห็นจักรยานที่ลี่จูปั่นมา มันดูแปลกตาและยังสามารถบรรทุกของด้านหลังได้ด้วย หากได้จักรยานแบบนี้มาขายหลาย ๆ คันคงสร้างกำไรให้นางดีไม่น้อย
"มา ๆ เด็ก ๆ พวกลื้อไปช่วยอาลี่จูขนของขึ้นมาเร็วเข้า ส่วนอาลี่จูลื้อมานี่ก่อน เจ้สนใจจักรยานแบบที่ลื้อปั่นมา พอจะหามาขายให้เจ้ได้ไหม? คันล่ะเท่าไหร่ 300 หยวนพอไหม?"
ลี่จูยิ้มแก้มแทบปริเมื่อเจ้กิมจูสนใจจักรยานที่เธอปั่นมา ทั้งยังเสนอราคาให้มากถึง 300 หยวน เป็นแบบนี้แล้วเธอจะปฏิเสธได้ยังไงกัน
"จักรยานคันนี้ฉันขายส่งให้เจ้คันละ 280 หยวนค่ะ แต่ฉันเอามาได้วันละ 1 คันนะคะ แต่ยังมีอีกรุ่นที่สามารถนั่งได้ 3 คน พ่อแม่ลูก เจ้อยากดูหน่อยไหมคะ?"
"เอาสิ ๆ ลื้อรีบไปเอามาให้เจ้ดูเลยนะอาลี่จู ได้วันละคันอั๊วก็เอา หลายวันก็หลายคันเอง"
เจ้กิมจูพูดไปก็เดินวนจักรยานสามล้อไปพลาง ๆ ด้วยความชอบใจ หญิงสูงวัยไม่วายจะอดจินตนาการไม่ได้ว่าอีกรุ่นหนึ่งจะหน้าตาเป็นยังไง
"เดี๋ยวฉันมานะคะ ส่วนสินค้าตัวอย่างที่ฉันเตรียมมาเชิญเจ้ดูก่อนได้เลยค่ะ"
"ได้ ๆ ไม่ต้องห่วงทางนี้ ลื้อรีบไปเอาจักรยานมาเถอะ"
ได้ยินเช่นนั้นลี่จูก็เร่งฝีเท้าไปยังซอกตึกที่เดิม ไม่นานเธอก็ปั่นจักรยานกลับมาที่สำนักงานของเจ้กิมจู คนที่รออยู่ก่อนแล้วถูกตาต้องใจกับสินค้าตัวใหม่ไม่น้อย
"คันนี้ก็สวยอาลี่จู อั๊วเอาทั้งสองคันเลย ว่าแต่คันนี้ขายส่งได้เท่าไหร่?"
"คันนี้ขายส่งอยู่ที่ 270 หยวนค่ะเจ้ ถ้าเจ้สนใจฉันสามารถเอามาส่งได้แบบละ 1 คัน/ต่อ 1 วันนะคะ"
"สนใจสิสนใจ 5 วันต่อจากนี้ให้ลื้อเอามาส่งให้อั๊วทุกวันเลยนะ อั๊วจะรอให้ครบแบบละ 5 คันถึงจะเอาไปตั้งขายที่นี่ตลาด คิดว่าต้องขายได้แน่ ๆ ดูยอดขายก่อนอั๊วจะสั่งเพิ่มอีกที"
"ได้เลยค่ะ"
คนที่ขายของได้ยิ้มอย่างมีความสุข หากขายของได้อย่างนี้ทุกวันเธอกับครอบครัวคงตั้งตัวได้ในไม่ช้า
"ส่วนเรื่องสินค้าตัวอย่างพวกนั้นอั๊วขอถามก่อนว่าสินค้าจริงจะสวยแบบนี้ไหม? พวกเนื้อสัตว์จะไม่ย้อมแมวขายให้อั๊วใช่ไหม? ขอให้สดใหม่แบบนี้ทุกวันรับรองว่ามีคำสั่งซื้อตลอดแน่นอน"
เจ้กิมจูไม่ลืมที่จะกำชับเรื่องคุณภาพของ ชื่อเสียงที่นางสั่งสมมาเป็นเวลานานมันบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือ ดังนั้นเจ้กิมจูถึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ
"เจ้วางใจได้ค่ะ สินค้าที่ฉันหามารับรองว่าสดใหม่แน่นอน ถ้าสินค้ามีปัญหาระหว่างที่คนของเจ้ตรวจเช็ก ฉันยินดีจะเปลี่ยนสินค้าใหม่ให้ทั้งหมดค่ะ"
ข้อเสนอของลี่จูทำให้หญิงสูงวัยที่เป็นเจ้าของตลาดพอใจไม่น้อย
"ถ้าอย่างนั้นดูราคาสินค้าแต่ละอย่างที่อั๊วรับซื้อก่อนนะอาลี่จู ราคานี้ลื้อรับได้ไหม?"
อาจิ้นคนงานของเจ้กิมจูรีบนำเอกสารราคาสินค้ายื่นให้ลี่จูได้อ่านดู เมื่อเห็นราคาที่อีกฝ่ายเสนอมาลี่จูก็ไม่มีอะไรคัดค้านหากเทียบกับราคาขายปลีกหน้าร้านก็ถือว่าราคานี้สมเหตุสมผลแล้ว อย่างไรเสียเธอก็ไม่มีเวลาออกมานั่งขายทุกอย่างด้วยตนเอง
"ตกลงค่ะเจ้ เอาราคากลางนี้เลยก็ได้ค่ะ"
"ดี ๆ อาจิ้น ลื้อไปจดรายการของที่อาลี่จูเอามาวันนี้ทั้งหมดเลยนะ เสร็จแล้วก็คำนวณเป็นยอดเงินออกมาเลย ของวันนี้อั๊วรับซื้อทั้งหมด"
"จ้ะเถ้าแก่ เดี๋ยวฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยจ้ะ"
อาจิ้นรีบเดินไปหยิบสมุดบัญชีมาจดรายการของตามที่ผู้เป็นนายสั่งอย่างรวดเร็ว เป็นลูกน้องของเจ้กิมจูต้องขยัน คล่องแคล่ว อดทนและซื่อสัตย์ ส่วนเรื่องค่าตอบแทนรับรองว่าเจ้กิมจูไม่เอาเปรียบใครแน่นอน
"ว่าแต่ลื้อเถอะอาลี่จู ของล็อตแรกพร้อมจะเอามาส่งได้วันไหน เดี๋ยวอั๊วจะให้อาจิ้นจดใบคำสั่งซื้อให้"
"พรุ่งนี้ค่ะเจ้ แต่อาจจะเป็นช่วงสาย ๆ หน่อยนะคะ ช่วงเช้าฉันมีธุระต้องไปทำค่ะ"
ด้วยไม่รู้ว่าการเซ็นเอกสารในวันพรุ่งนี้ต้องใช้เวลานานแค่ไหนลี่จูจึงเลือกที่จะนัดหมายเวลาส่งสินค้าเป็นช่วงเที่ยงวันแทน
"เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่ใจจริงแล้วอั๊วอยากให้ลื้อมาส่งช่วงเช้ามืดนะอาลี่จู ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ออกมาซื้อของกันช่วงเช้า ถ้าได้ของสด ๆ ใหม่ ๆ มาขายคงจะดี"
"หลังจากรอบพรุ่งนี้ฉันคิดว่าน่าจะเข้ามาส่งแต่เช้าได้ค่ะเจ้"
"ดี ๆ อ้าวเสร็จแล้วเหรออาจิ้น ไหนเอาบิลมาให้อาลี่จูดูซิว่าเป็นเท่าไหร่"
"นี่จ้ะน้องสาว"
อาจิ้นนำบิลค่าสินค้าที่ตนเองทำเพิ่งเสร็จมายื่นให้เด็กสาวและเจ้านายให้ได้ดูไปพร้อม ๆ กัน
หมูเนื้อแดง 5 โล X 8 หยวน = 40 หยวน
หมูสามชั้น 5โล X 6 หยวน = 30 หยวน
ซี่โครง 5 โล X 5 หยวน = 25 หยวน
กุ้ง 5 โล X 10 หยวน = 50 หยวน
หมึก 5 โล X 10 หยวน = 50 หยวน
บุหรี่ 1 แพ็ค 40 หยวน
เหล้านอก 2 ขวด X 20 หยวน = 40 หยวน
เบียร์ 2 ขวด X 3 หยวน = 6 หยวน
ยาสระผม 2 หยวน
ผงซักฟอก 2 หยวน
น้ำยาล้างจาน 2 หยวน
สบู่แพ็ก 4 ก้อน 2 หยวน
แปรงสีฟัน 2 เหมา
ฟองน้ำล้างจาน 2 เหมา
จักรยานมีกระบะหลัง 280 หยวน
จักรยาน 3 ที่นั่ง 270 หยวน
รวมเป็นเงิน 851 หยวน 4 เหมา
"นี่เงินค่าของนะอาลี่จู ตรวจนับดูก่อน ส่วนนี่เป็นรายการของที่อั๊วสั่งรอบต่อไป อย่าลืมนะว่าจักรยานอั๊วยังเอาทุกวันเหมือนเดินจนครับ 5 วัน ถ้ามีสินค้าอะไรใหม่ ๆ ก็เอามาเสนออั๊วได้ตลอด"
"ขอบคุณค่ะเจ้ แต่วันนี้เป็นการค้าขายครั้งแรกของเรา เงิน 51 หยวน 4 เหมานี้ฉันลดให้นะคะ ขอบคุณเจ้มากที่ให้โอกาสฉัน"
ลี่จูรีบส่งเงินในส่วนดังกล่าวกลับคืนให้เจ้กิมจูแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับกลับคืน
"ได้ยังไงอาลี่จู นี่เป็นเงินของลื้อนะ รับมา-ขายไป ส่วนต่างจะได้ซักกี่ตังค์กันเชียว"
"ถึงจะได้ไม่เยอะ แต่ถ้าเจ้สั่งซื้อตลอดมันก็ทำให้พวกเราลืมตาอ้าปากได้ค่ะ"
หญิงสูงวัยได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ ให้กับเด็กสาวตรงหน้า เงินตั้ง 50 กว่าหยวนหากเป็นคนอื่นคงยิ้มกริ่มไปแล้ว
"โถ่อาลี่จู ลื๊ออย่าไปทำแบบนี้กับใครเชียวนะ อั๊วเอาแค่ 20 หยวนให้เด็ก ๆ มันไปแบ่งกันก็พอ ที่เหลือลื้อเก็บไว้เถอะ ตราบใดที่สินค้าของลื้อยังมีคุณภาพ รับรองว่าอั๊วต้องสั่งซื้อกับลื้อแน่นอน"
แต่นางไม่อยากเอาเปรียบคนที่กำลังเริ่มสร้างตัวจึงเลือกที่จะหยิบมาเพียง 20 หยวนแล้วเอาส่งให้ลูกน้อง เพื่อทำตามความต้องการของลี่จู แค่นี้ก็ถือว่าเธอรับน้ำใจไว้แล้ว
"ขอบคุณมากค่ะเจ้ งั้นวันนี้ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ ไว้พรุ่งนี้ฉันจะรีบเอาของมาส่งค่ะ"
"ได้ ๆ เดินทางปลอดภัยนะ"
หลังจากออกจากสำนักงานของตลาด ลี่จูก็เดินไปด้วยหัวใจที่ฟูฟ่อง มือของเธอกำกระดาษคำสั่งซื้อเอาไว้แน่น ส่วนเงินที่ได้มาจากการขายของเธอก็นำออกมาติดตัวไว้เพียง 200 หยวนเพื่อนำไปใช้หนี้ในวันพรุ่งนี้
ลี่จูไม่ลืมที่จะแวะซอกตึกอีกครั้งแล้วนำเสื้อผ้าสำหรับทุกคนในครอบครัวออกมาคนละ 1 ชุด และนำเสบียงอาหารออกมาเล็กน้อย แต่ที่ลืมไม่ได้ก็คือนมอัดเม็ดที่เธอสัญญากับพู่พู่เอาไว้ ปิดท้ายด้วยขนมโดนัทหน้าช็อกโกแลต 1 ชิ้น หน้าสตอเบอร์รี่อีก 1 ชิ้น และนมผงสำหรับเด็กอีก 1 กระป๋อง แล้วรีบเดินไปรอสามีที่จุดนัดหมาย
