บทที่5 ภัยแล้งใกล้ฉัน
ขบวนหนีภัยแล้งเดินทางต่อโดยมีหัวหน้าหมู่บ้านนำขบวนและครอบครัวหลีปิดท้ายขบวน ชิงอี่ค่อยใช้กล้องส่องทางไกลดูรอบๆว่าปลอดภัยมั้ย
"ชิงอี่เห็นอะไรบ้าง"พ่อหลีถามบุตรสาวด้วยกลัวพวกโจรจะตามมา
"ไม่มีอะไรเจ้าค่ะท่านพ่อ ไม่มีใครตามขบวนเรามา "ที่เธอกังวลไม่ใช้โจร แต่เป็นพวกเจ้าหน้าที่ต่างหากละ จากที่เธออ่านในสมุดบัญชี มีเจ้าเมืองเฉียงมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแล้วพวกเธอกำลังเดินทางผ่านเมืองนี้พอดี พวกเธอจะเจออะไรบ้างยากที่จะเดาจริงๆ ช่วงหยุดพักกลางวันหลายๆครอบครัวเลือกที่จะนอนพักเอาแรงเพราะเมื่อคืนทุกคนเกือบจะไม่ได้นอนกันเลย
หัวหน้าหมู่บ้านก็เหมือนจะเข้าใจเลยพักให้นานอีกหน่อย เฟยหลงไปดูรอบๆพอรู้มีแหล่งน้ำ ไห่เม้ยกับฮวาหลิวเลยพาเสี่ยวซากับเสี่ยวหลิงไปอาบน้ำสระผมให้สะอาดตาขึ้น เพราะเมื่อคืนแค่เช็ดตัวแต่ยังไม่สะอาดหมดและผมที่เกาะกันเป็นก้อนๆต้องค่อยๆสางกว่าจะอาบน้ำสระผมเสร็จก็หมดเวลาพักพอดี
"พออาบน้ำแล้วค่อยน่ารักขึ้นมาหน่อย"ชิงอี่พูดด้วยความเอ็นดู
"ข้าว่าแหล่งน้ำเริ่มลดลงแล้วนะ"เฟยหลงเห็นปริมาณน้ำที่ลดลงมากจากรอยเดิม
"หมายความว่าภัยแล้งเริ่มขยายพื้นที่แล้วเหรอ"แม่เฒ่าหวองเป็นกังกล กว่าพวกนางจะเดินไปถึงทางเหนือก็ใช้เวลาอีกกว่าอีกสองเดือน
"มีความเป็นไปได้สูงขอรับ เพราะตั้งแต่ที่เราเดินทางมายังไม่เคยเห็นฝนตกเลย มีแต่แดดแล้วก็แดด"หลีฟูสังเกตตั้งแต่พวกเขาหลีภัยมายังไม่เคยเห็นแม่แต่น้ำค้าง
"งั้นถ้าเราเจอแหล่งน้ำอีกต้องพยามกักตุนไว้ให้มากหน่อย"แม่เฒ่าหวองวางแผนการตุนน้ำ
"เรื่องน้ำครอบครัวเราไม่เดือดร้อนขอรับแต่มันอาจสร้างความเดือดร้อนให้เราได้"หลีฟูหมายถึงคนอื่นจะมาสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวเขาได้
"ต่อไปนี้เราต้องระวังการใช้น้ำจะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าครอบครัวพวกเรามีน้ำใช้ตลอด"เฟยเทียนคิดว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่แนถ้ามีคนรู้ความลับของหลานสาว
เป็นอันตกลงกันว่าทุกคนจะทำตัวปกติเหมือนผู้ลี้ภัยทั้วไปจะไม่อาบน้ำทุกวันอย่างที่ชิงอี่ให้ทำเพราะไม่อย่างนั้นผิดปกติแน ชิงอี่เลยได้แต่ทำใจแต่มีข้อแม้ว่าทุกคนต้องเช็ดตัวทุกวัน
ตกเย็นพักตั้งกระโจมบุรุษทั้งสองครอบครัวก็สลับกันทำหน้าที่หลีฟูไปล่าสัตว์เฟยเทียนกับเฟยหลงออกไปหาแหล่งน้ำ ส่วนเสี่ยงหมิงกับชิงอี่เฝ้าระวังรอบๆกระโจม
ส่วนฮวาหลิวกับไห่เม้ยช่วยกันหุงข้าวธัญพืชและเตรียมผักดอง
หลีฟูกับเฟยเทียนก็แบกหมูป่าน้ำหนัก200กว่าชั่ง สร้างความหือฮาให้ชาวบ้านเป็นอย่างมาก
หลีฟูกับเฟยเทียนเลยตกลงกันว่าจะแบ่งเนื้อหมูป่าให้ชาวบ้านทุกครัวเรือนแล้วแต่จะจัดสันปั่นส่วยได้ส่วนไดไป
"ขอบใจมากนะหลีฟูที่แบ่งเนื้อหมูป่ามาให้ชาวบ้าน"หัวหมาหมู่บ้านรู้สึกซึ้งน้ำใจส่วนนี้มาก
"ถือว่าช่วยเหลือกันขอรับ ยังไงก็หมู่บ้านเดียวกัน"เขาไม่คิดอะไรมากอยู่แล้วเพราะเสบียงพวกเขาไม่เคยขาดแต่ที่ล่าสัตว์์์เพราะจะได้ออกกำลังฝึกฝีมือการต่อสู้
มีชาวบ้านรู้สึกขอบคุณครอบครัวหลีที่มีน้ำใจแบ่งปั่นอาหารให้ทั้งๆที่พวกเขาจะไม่แบ่งเลยก็ได้เพราะถือเป็นสิทธิของพวกเขา แต่ก็มีบางครอบครัวที่ไม่พอใจในส่วนแบ่งเพราะอยากได้มากกว่าที่แจกแต่ก็พูดอะไรไม่ได้เพราะหัวหน้าหมูบ้านขู่ว่าถ้าเรื่องเยอะก็ไม่ต้องรับส่วนแบ่ง
แต่เรื่องพวกนี้หาได้รอดสายตาชิงอี่ที่มีความระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลาตามสัญชาตญาณเดิมจากภพที่แล้ว
ครอบครัวที่ไม่พอใจคือครอบครัวอู๋ พวกเขาไม่ชอบครอบครัวหลีมาแต่เดิมตอนอยู่หมู่บ้านนางอู๋นางอยากดองกับบ้านหลีเพราะเห็นว่าเสียงหมิงขยันถ้าได้มาเป็นเขยคงจะมาช่วยงานลงนาที่บ้านได้ดีแนนอนเพราะเห็นหลีฟูกับเสียวหมิงไปช่วยทำดูแลบ้านแม่เฒ่าหวองที่เป็นบ้านเดิมภรรยาไม่เคยขาดถ้าเสียวหมิงได้แต่งกับบุตรสาวนางก็คงมาช่วยเหลืองานไร่บ้านนางแนๆ แต่พอนางลองเรียบๆเคียงๆถามฮวาหลิวกับบอกปัดว่าให้บุตรชายตัดสินเอง นางเลยพยามให้บุตรสาวค่อยเข้าใกล้เสียวหมิงฝ่ายชายได้สนใจ แต่เสียวหมิงกลับไม่สนใจสร้างความอับอายให้บุตรสาวนางอย่างมากจนต้องแต่งออกไปอยู่อีกหมู่บ้านแล้วเจอครอบครัวสามีไม่ดี ถ้าตอนนั้นเสียวหมิงยอมรับความหวังดีของบัตรสาวนาง หมี่เย่วคงไม่ต้องแต่งไปเจอครอบครัวสามีที่ไม่ดีแนๆ ทั้งหมดเป็นเพราะเสียวหมิงและครอบครัวหลี
"ท่านพี่ ดูเหมือนท่านป้าอู๋จะยังโทษท่านที่ไม่ยอมแต่งงานกับบุตรสาวนางนะ"
"ปล่อยนางไปเถอะ"เสี่ยวหมิงบอกปัดด้วยความไม่ใส่ใจ
ชิงอี่จำได้อู๋หมี่เย่วเคยมาขอร้องให้พี่ชายเธอไปสู่ขอนางเพราะนางไม่อยากแต่งงานกับคนปลูกผักอีกหมู่บ้าน แต่พี่ชายเธอเพิ่งจะ13หนาวไหนเลยจะคิดถึงเรื่องคู่ครองเลยบอกปัดไปหมี่เย่วในวัย15หนาวถึงต้องแต่งออกไปอีกหมู่บ้านแล้วก็ได้ข่าวบ้านสามีใช้งานนางสารพัด จนทำให้แม่อู๋ร้องไห้แล้วบ่นให้คนใกล้ชินได้ฟังว่าเป็นเพราะเสียวหมิง
"ถ้าตอนนั้นบ้านหลียอมมาขอลูกสาวข้านางคงไม่ต้องทรมานอย่างทุกวันนี้แน"พูดแล้วก็ร้องไห้ตีอกตัวเองว่าช่วยอะไรบุตรสาวไม่ได้
"ลูกชายบ้านหลีเพิ่งจะ13หนาวเองไม่ใช้เหรอแม่อู๋"ชาวบ้านที่ฟังก็ขัดคำพูดนางเพราะคิดว่าการที่บุตรสาวนางจะแต่งกับใครแล้วไม่ดีมันไปโทษลูกชาบบ้านหลีดูจะไม่เหมาะ
แต่แม่อู๋ก็ไม่ฟังยังคงโทษว่าเป็นความผิดของคนสกุลหลีจนทุกวันนี้
บ้านหลีไม่ได้สนใจความคิดคนอื่นตอนนี้ทุกคนกำลังพยามช่วยกันแปลรูปหมูููป่าที่เหลือให้เก็บไว้กินได้นานที่สุด
หลังจากนั้นผ่านไปอีกเป็นอาทิตย์ก็ยังไม่มีเค้ารางว่าฝนจะตกและสภาพอากาศก็เริ่มแห้งแล้งขึ้น
การหาแหล่งน้ำก็ยากขึ้น หลีฟูพยามออกหาแหล่งน้ำให้ชาวบ้านได้ประทัง
"ข้างหน้ามีแอ่งน้ำพอให้พวกเราตักมาใช้บ้างขอรับ"เฟยเทียนกลับมาแจ้งข่าวกับหัวหน้าหมู่บ้าน
"แต่เราจะอยู่นานไม่ได้นะขอรับเพราะแหล่งน้ำที่มีพอแค่ใช้ครั้งนี้"หัวหน้าหมู่บ้านพอได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ
"กลุ่มเราถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่ การใช้น้ำมันเลยมีความต้องการมาก ไม่รู้กว่าจะถึงชายแดนเราจะเหลือชาวบ้านครบมั้ย"หัวหน้าหมู่บ้านพยามจะช่วยเหลือชาวบ้านให้ได้มากที่สุดเท่าที่เขาจะช่วยได้
"พวกข้าจะพยามช่วยอีกแรงขอรับ ออกเดินทางมาด้วยกันก็อยากให้ถึงที่หมายด้วยกัน"เขาจะพยามเท่าที่ช่วยได้แล้วกัน
"สัตว์เลี้ยงพวกเจ้าดีจังเลยนะขนาดไม่ค่อยได้กินยังดูดีเลยว่ามั้ย"แม่อู๋เดินมาเห็นสัตว์ทั้ง4ของครอบครัวหลีก็รู้สึกอิจฉา เกวียนวัวสองรถรากล่อหนึ่งลาอีกหนึ่ง แถมรูปร่างแต่ละตัวก็ดูแข็งแรงไม่มีสภาพอดอยากเลย มันจะดีแค่ไหนนะถ้าพวกมันเป็นของครอบครัวนาง
ซานซาที่กำลังเอาหญ้าให้บันดาสัตว์ทั้ง4ก็หันมามอง
"ท่านป้ามีอะไรเหรอเจ้าค่ะ"ซานซาเห็นท่านป้าพูดถึงเจ้าสี่สหายก็สงสัย
"เรื่องของเจ้านาย ทาสอย่างเจ้าไม่ต้องมายุ่ง"นางเห็นนะว่าเสียวหมิงค่อยดูแลนังเด็กนี้กับน้องสาวตลอด
ซานซาเมื่อเห็นหญิงวัยกลางคนพูดแบบนั้นก็เลิกสนใจ
เสี่ยวหมิงอุ้มหลิงหลงมาหาซานซาทันได้ฟังคำพูดของท่านป้าอู๋ก็รู้สึกไม่ชอบใจแต่ซานซาส่งสายตาไม่ให้ใส่ใจเขาเลยปล่อยผ่าน
ส่วนแม่อู๋เมื่อเห็นทั้งสองคนไม่สนใจก็นึกโกรธจึงอยากจะทำร้ายสัตว์เลี้ยงแต่พอจะเอาไม้ไปตีเจ้าลาโง่ ตัวล่อก็เดินมาส่งเสียงไล่ไม่ให้นางเข้าไกล้น้องชายมัน จนนางต้องวิ่งหนี
หลีฟูกับเฟยเทียนนั้งปรึกษากันเรื่องปัญหาภัยแล้ง
"ถ้ายังเป็นแบบนี้ชาวบ้านต้องแยแนๆ เราหนีภัยแล้งมาแต่กลับมาเจอแล้งหนักกว่าเก่า "
"แล้วเราจะขึ้นเหนือไปอีกมั้ย" เสียวหมิงเอยถามบิดา
"เราเดินทางกันมาเป็นสองเดือนแล้วนะ อีกไม่ถึงสองเดือนก็ถึงชายแดน แล้วถ้าไปถึงแล้วชายแดนก็แล้งเราไม่แยกว่าเก่าหรือ"เฟยหลงกังวลถึงอนาคต
ชิงอี่ก็คิดหนักไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เธอเป็นนักประดิษไม่ใช้นักวิทยาศาตร์ จะต้องทำไงฝนถึงจะตก แล้วเธอก็นึกอะไรออกก่อนจะปีนขึ้นไปบนเกวียนแต่จริงๆแล้วหายเข้าไปในมิติ บ้านหวองเริ่มชินกับการกระทำของชิงอี่ ส่วนซานซากับหลิงหลงถือว่าชิงอี่เป็นผู้ช่วยชีวิตไม่ว่าชิงอี่จะทำอะไรสองพี่น้องล้วนรับได้หมด
ผ่านไปครึ่งชั่วยามชิงอี่ก็ออกมาจากมิติพร้อมกล่องอะไรสักอย่าง
"มันคืออะไรนะชิงอี่"เสียวหมิงมองด้วยความสงสัย
"มันเหมือนที่ตรวจจับว่าจะมีฝนตกมั้ยนะเจ้าค่ะ..ข้าก็ไม่แนใจว่าช่วยอะไรได้บ้างมั้ย"เธอซื่อเครื่องนี้มาเหมือนจะเอาไว้ตรวจสภาพอากาศว่าวันนั้นจะมีลมหรือปริมาณฝนเท่าไร เธอได้มาตอนปลอมตัวอยู่ศูนย์วิจัยสภาพอากาศ กว่าเธอจะหาเจอก็ใช้เวลานานโข
ชิงอี่เอาเครื่องมานั้งเปิดและรอ สักแปบเครื่องก็ปรากฏหน้าจอแล้วบอกปริมาณน้ำฝน
"อีกไม่เกินเจ็ดวันอาจฝนตกเจ้าค่ะ"
