บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 14 รถม้าประจำตำแหน่ง

มู่หรงเหยียนโกรธจนเส้นเลือดบนหน้าผากของเขากระตุก "แล้วยาแก้พิษเล่า? เจ้าใส่พิษชนิดไหนให้ข้า?"

เซี่ยชูหลิงหยุดชะงักลงจากนั้นนางก็ยื่นเม็ดยาที่หักครึ่งแล้วใส่มือของเขา

"ยาพิษนี้จะทรมานขึ้นไปเรื่อยๆ ประมาณหกเจ็ดวันหากท่านอ๋องรู้สึกว่าทนไม่ไหวแล้วล่ะก็ ยาไส้ขาดนี้ท่านก็กลืนมันเข้าไป"

"เซี่ยชูหลิงสักวันข้าจะฆ่าเจ้า!"

" อำมหิตเสียจริงคนสองคนแค่ทะเลาะเบาะแว้งกันนิดหน่อยเองช้อนยังมีกระทบปากหม้อบ้างเลยเอะอะก็จะฆ่าคิดว่าจวนของท่านเป็นสนามรบหรือไงกัน"

น้ำเสียงเยือกเย็นนั้นของนางดังออกมาจากด้านใน มู่หรงเหยียนโมโหจนควันออกหูไม่รู้ว่าจะระบายความโกรธยังไงได้แต่สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไป

เมื่อเสิ่นหยุนชูเห็นเขาเดินไปแล้วขืนตนเองอยู่ต่อก็คงจะไม่ได้อะไรอยู่ดี จึงได้แต่จ้องมองชิงฮวนด้วยความโกรธจากนั้นก็ส่ายเอวเดินจากไป

ชิงฮวนที่ยืนอยู่นางก็รู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย นางรู้ว่าตั้งแต่คุณหนูฟื้นขึ้นมาก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน อย่างในวันนี้ที่ทำให้ท่านอ๋องที่เป็นถึงเทพสงครามของเมืองลั่วเฉิงนั้นกริ้วขนาดนี้ มันจะไม่องอาจมากไปหน่อยเหรอ

มู่หรงเหยียนออกจากตำหนักฉาวเทียนด้วยความโกรธ เขาเดินรอบจวนท่านอ๋อง แต่ก็ไม่รู้จะระบายอารมณ์ไปที่ไหน

แต่ได้เจอกับหมอที่อยู่ในจวนพอดี เขากำลังนั่งยองๆ อยู่หน้าราวเก็บยาของเขา ในอกก็อุ้มลิงแก่ของเขาเอาไว้ มือของเขาถือเข็มเงินระยิบระยับเอาไว้สามเข็ม แล้วพูดคุยต่อรองกับลิงแก่ตัวนั้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

“ให้ข้าลองอีกครั้งนะ แม้ว่ามันจะเจ็บหน่อย แต่มันจะทำให้ร่างกายแข็งแรง เสริมบำรุงหยางและไตมันดีต่อเจ้านะ”

ลิงแก่ตัวนั้นแยกเขี้ยวเพื่อแสดงความไม่พอใจ

มู่หรงเหยียนเดินเข้าไปใกล้ จากนั้นดึงแขนเสื้อขึ้น แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความโกรธ “จับชีพจรให้ข้าด้วย!”

ลิงแก่นั้นกลัวความความโกรธบนตัวของเขาจึงวิ่งหนีไปอย่างว่องไว หมอยิ้ม “แหะแหะ” แล้วถามว่า “ท่านอ๋องไม่สบายตรงไหนขอรับ”

“ทั้งตัว!”

ดูท่าทางแล้วน่าจะปวดตับนะ แต่หมอไม่กล้าพูดหรอก ได้แต่เข้าไปจับดูซะอย่างตั้งใจ พลางมองดูสีหน้าและอารมณ์ของเขาอย่างระมัดระวัง ผ่านไปนานก็ไม่กล้าที่จะให้ข้อสรุป

"สรุปแล้วเป็นยังไง?" เขาเอ่ยถาม

“ท่านอ๋องให้คำใบ้หน่อยได้ไหมขอรับคาดเดาแบบไม่มีที่มาที่ไปมันยากจริงๆ"

“วันนี้โดนเข็มเงินจิ้มเข้าที่บริเวณใต้ซี่โครง จู่ๆ ร่างกายก็รู้สึกชาและอ่อนแรง"

“โดนยาพิษหรือขอรับ”

“ใช่” มู่หรงเหยียนกัดฟันพูด “ตอนนี้การรับรู้ต่างๆเริ่มจะกลับมาแล้ว แต่ผู้หญิงคนนั้นบอกว่า จะอีกหลายวันถ้าไม่ตายก็จะกลับมาเป็นปกติ" นัยน์ตาของหมอนั้นมีความตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย

“เป็นยาพิษที่แรงจริงๆ! ดูแล้ว คนผู้นี้จะต้องมีฝีมือการรักษาโรคที่เก่งกาจอย่างแน่นอนไม่ทราบว่า เป็นใครหรือขอรับ!"

มู่หรงเหยียนทำเสียงไม่พอใจ “ข้าว่าเจ้าจะสนใจผิดประเด็นนะ”

“ดูจากชีพจรแล้ว ไม่มีอะไรที่ผิดปกติเลยนะขอรับ แล้วก็ไม่มีวี่แววของการโดนยาพิษ ที่ท่านอ๋องบอกว่าไม่ปกติหมายถึงอะไรหรือขอรับ”

ที่พระท่านเคยกล่าวไว้ไม่สามารถบอกได้ครานี้ก็เข้าใจชัดแจ้งแล้ว

อยู่ๆมู่หรงเหยียนก็ลุกขึ้นมา พอสะบัดแขนเสื้อหน่อยก็มียาเม็ดร่วงหล่นลงมาที่พื้น ซึ่งนั่นเป็นพิษหญ้าไส้ขาดที่เซี่ยชูหลิงให้เขากินเมื่อรู้สึกทนไม่ไหว

หมอก้มลงไปเก็บขึ้นมา มู่หรงเหยียนขมวดคิ้วแล้วพูดเตือน “ระวังมีพิษ!"

หมอมองเขาอย่างงุนงง จากนั้นก็ถามอย่างคิดไม่ดีนัก “ยานี้ท่านอ๋องได้มาจากไหนหรือขอรับ”

“เจ้าไม่ต้องมาพูดมาก! มีอะไร?ทำไม?"

หมอยิ้ม “แหะแหะ” แล้วพูดว่า “ข้าน้อยไม่กล้าหรอกขอรับ แค่อยากจะเตือนท่านอ๋องว่า พยายามกินให้น้อยๆ หน่อย มันไม่มีอะไรดีหรอก ขอรับ”

มู่หรงเหยียนมองเขา “นี่มันยาอะไร

“ยาเม็ดอู๋ไป๋เฟิงขอรับ”

“แล้วมันใช้รักษาอะไร?”

สีหน้าของหมองุนงง แล้วพูด“ปรับรอบเดือนขอรับ”

พรึ่บ! สีหน้าของมู่หรงเหยียนมืดมนทันที ราวกับท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆ ที่ฟ้าฝนกำลังจะถล่มลงมา

“ให้ตายเถอะ! พรุ่งนี้ได้เห็นดีกันแน่!"

หลังสามวันผู้เป็นเจ้าสาวจะต้องกลับบ้านเกิด ซึ่งจะเป็นงานที่มีความอลังการ ยิ่งไปกว่านั้นคือ

เป็นการกลับไปยังมณฑลบ้านเกิดของชายารองเหยียนอ๋อง

แน่นอนว่าเกียรติยศเหล่านี้ล้วนเป็นของเสิ่นหยุนชูเพราะเรื่องที่นางช่วยชีวิตท่านอ๋องเหยียนในวันมงคลสมรสของตนเองนั้นได้แพร่กลับไปยังจวนรองแม่ทัพเสิ่นเรียบร้อย ท่านพ่อคงเฝ้ารอให้ท่านอ๋องพานางกลับไปเยี่ยมเยียร

ในเวลาเดียวกันเซี่ยชูหลิงเองก็คิดว่าถือโอกาสนี้กลับไปเยี่ยมพี่ชายของนางที่จวนเสนาบดีเสียหน่อย เพื่อจะได้ตรวจดูอาการป่วยให้กับเขาด้วย

หากว่ามีหนทางรักษาก็ต้องย้ายออกมาจากจวนเสนาบดีเสียก่อน เพราะตระกูลจินที่เกลียดนางกับพี่ชายเข้าไส้ คงจะหาโอกาสใช้สร้างปัญหาให้เขาอยู่บ่อยครั้งแน่นอน

หากว่าไม่มีพี่ชายของนางอยู่ที่นั่นให้ตายนางก็จะไม่กลับไปเหยียบจวนเสนาบดีนั่นอย่างแน่นอน นางไม่อยากจะกลับจวนเซี่ยนี่เลยสักนิด

ผู้ชายเจ้าชู้ที่ทิ้งภรรยาของตน จินอี้เหนียงที่โหดร้ายอำมหิต

แล้วก็พวกอนุภรรยาและลูกพี่ลูกน้องที่ชอบทำตัวเป็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือหลังบ้านของจวนมหาเสนาบดีนั้นก็เหมือนปัญหาใหญ่อันหนึ่ง นางไม่รู้สึกถึงความรักของครอบครัวเลย

แม้แต่น้อย

สิ่งเดียวที่นางผูกพันนั่นก็คือพี่ชายที่พึ่งพาอาศัยกันมาตลอด เดิมเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีความสามารถ มีอนาคตที่สดใส แต่ตอนนี้กลับนอนป่วยมานับหลายปี หอบได้ทั้งวัน จนกลายเป็นคนที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

เมื่อนึกถึงตรงนี้ สายตาของเซี่ยชูหลิงก็เยือกเย็นทันที แล้วกำมือไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว

อาการป่วยของพี่ชายจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!

เมื่อก่อนนั้นไม่รู้เรื่อง ไปเชื่อคำของหมอที่ตระกูลจิ

นเชิญมา ว่าพี่ชายนั้นเป็นวัณโรค ตอนนี้มาตั้งใจ

คิดดูดีๆ แล้ว อาการมันไม่เหมือนกันเลย มีความ

แตกต่างกันเล็กน้อย

ดังนั้น ตนเองถึงยอมเสี่ยงอาศัยตอนชายารองกลับบ้านที่ไปเยี่ยมดูพี่ชายสักหน่อย ดูว่า

เขาป่วยเป็นอะไรกันแน่ ไม่อย่างนั้นหากสักวันหนึ่งที่นางถูกหย่าและขับไล่ออกจากจวนท่านอ๋อง

อยากจะกลับไปที่จวนอกมาตย์คงจะเป็นเรื่องที่ยากแล้ว

หลังจากที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เซี่ยชูหลิงเองก็เห็นว่าเวลาก็สายแล้วขบวนชายารองคงจะไปกันแต่เช้าแล้ว ดังนั้นจึงออกจากตำหนักหลัก

เมื่อเดินออกไปก็พบกับมู่หรงเหยียนกำลังรอนางอยู่ที่นอกจวน เซี่ยชูหลิงพิจารณาเขาสักครู่วันนี้เขาสวมใส่ชุดยาวสีฟ้าหม่น ประดับด้วยด้ายสีเงิน สีที่สว่างนั้นลดความเป็นปรปักษ์ของเขาลงไปไม่น้อย

และสะท้อนให้เห็นถึงทรงคิ้วที่เฉียบคมของเขา เขานั่งอยู่บนหลังม้า เมื่อเห็นเซี่ยชูหลิงก็รีบหันหน้าหนีทันทีแล้วกัดฟันเล็กน้อย

ถ้านับๆ ดูแล้วเขาก็เป็นเจ้าบ่าวมาสามคืนแล้ว

ตั้งแต่สมรสมาเขาก็ยังไม่มีโอกาสได้กินเนื้อนางเลย มองดูเสิ่นหยุนชูที่เป็นหญิงงามแบบนี้ มีใจแต่

กลับทำอะไรไม่ได้ ไม่ได้กินเนื้อ เลยชักสีหน้าใส่

ตนเองมันก็สมควรแล้ว

วันแรกเพราะอาการบาดเจ็บ(อันเล็กน้อย) ของเสิ่นหยุนชู

วันที่สองเพราะของที่ตนทำให้เสิ่นหยุนชู ทำให้ท่านอ๋องหน้าเยือกเย็นคนนี้นอนอยู่ที่ห้องหนังสือ

ส่วนวันที่สาม แหะแหะ เขาคงจะไม่ได้ฟังคำที่ตนสร้างขึ้นมาแล้วคิดว่าตนเองไม่ได้เรื่องหรอกนะ

ด้วยนางนั้นเป็นมนุษย์มาสองชาติแล้ว ไม่มาคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กปัญญาอ่อนแบบนี้หรอก

ที่หน้าประตูมีรถม้าสามคันจอดอยู่ คันหนึ่งมี

หลังคาที่สวยงามหรูหรา อีกคันกลับเป็นรถม้านําๆ

ธรรมดาทั่วไป ส่วนคันที่อยู่หลังสุดก็คงจะเป็นรถที่

คนรับใช้นั่ง และก็มีของขวัญในการกลับบ้านของชายารองในโอกาสแต่งงานสามวัน

เซี่ยชูหลิงไม่ได้สนใจมอง นางหันไปหามู่หรงเหยียนแล้วกล่าว "ท่านอ๋องเดินทางดีดีนะเพคะ"

เนื่องจากวันนี้ตัวนางเองก็ต้องไปที่จวนเสนาบดีเซี่ยดังนั้นรถม้าประจำตำแหน่งของพระชายาเอกจวนอ๋องคงต้องหรูหราสมฐานะจะมาทำเล่นๆเหมือนรถลานั้นไม่ได้

นางเดินตรงไปที่รถม้าที่มีหลังคาสวยหรู คนขับรถม้านั้นมองไปที่มู่หรงเหยียนด้วยความลำบากใจ ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง แล้วก็ไม่ได้วางเก้าอี้รองขาลงให้นาง

ชิงฮวนเดินหน้าไปเปิดม่านรถม้า ก็พบว่าในนั้นมีคนนั่งอยู่แล้ว เสิ่นหยุนชูและสาวรับใช้ส่วนตัวของนางนั่งอยู่ข้างใน นางพูดด้วยเสียงโอ้อวดว่า

“คนเราควรจะมีญาณทัศนะที่รู้ตนเองดี”

เซี่ยชูหลิงมองไปที่รถม้าแล้วยกยิ้มมุมปาก

“ชายารองพูดถูกแล้ว คนเราควรจะมีญาณทัศนะที่รู้ตนเองดี รถม้านี้สลักลวดลายกิเลน ประดับด้วยพู่สีทอง ซึ่งเป็นรถม้าของท่านอ๋องและพระชายาเอก

เจ้ามันเป็นแค่อนุภรรยา แต่กลับบุกรุกครอบ

ครองของของคนอื่น ไร้ระเบียบวินัย ไม่ทราบว่า

ญาณทัศนะทีรู้ตนเองดีของเจ้าหายไปไหนหรือ?"

เสิ่นหยุนชูไม่สนใจกับคำซักถามของนาง

 “ท่านอ๋องอนุญาตให้ข้านั่งอยู่ที่นี่ เจ้าอยากนั่ง ก็ต้องให้ท่านอ๋องอนุญาตก่อนสิ"

มู่หรงเหยียนนั่งอยู่บนหลังม้า คำสนทนาระหว่างทั้งสองคนเขาได้ยินหมดเลย เขายิ้มเยือกเย็นแล้วพูดว่า

“ข้ารักและเอ็นดูผู้หญิงของข้า คนอื่นมีสิทธิ์อะไร

มายุ่งด้วย"

เซี่ยชูหลิงนั่งได้แม้กระทั่งรถลา ความจริงจะไม่มาสนใจเรื่องรถม้านี้แล้วก็ได้ แต่เมื่อรถม้านี้เป็นรถม้าของท่านอ๋องกับพระชายา ชายารองเช่นนางจะมานั่งกลับจวนตระกูลเสิ่นของนางมันคงจะเป็นการเหยียบหัวของนางเกินไป

เรื่องบางเรื่องนางจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ด

ขาด โดยเฉพาะรถม้านี่มันแสดงถึงฐานะ หากตน

ให้เสิ่นหยุนชูนั้นอยู่เหนือหัว

แล้วตนนั่งรถม้าของชายารองกลับจวนมหา

เสนาบดีไป คนใช้ที่ชอบดูถูกคนอื่นที่จวนมหา

เสนาบดีนั้นคงจะไม่ตั้งใจดูแลพี่ชายมากไปกว่า

เดิมก่อนที่ตนเองจะมีปัญญาปกป้องพี่ชายให้ปลอดภัยนั้น จะให้เขาลำบากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

เซี่ยชูหลิงมองมู่หรงเหยียนอย่างไม่ละสายตา

“หากข้าผิด ก็สามารถหย่าจากกันได้ แต่ก่อนที่พระราชโองการจะมาถึง ข้ายังคงเป็นพระชายาเอกของจวนท่านอ๋อง มีสิทธิ์ในการปกครองดูแล

อนุภรรยาของท่านอ๋อง หากในวันนี้ข้าจะสั่งให้คนโบยนางตีนางก็ถือว่ามีเหตุมีผล แต่หากท่านอ๋องโกรธเคืองข้าเพียงเพราะเรื่องนี้ ก็จะเป็นการละเลยกฎระเบียบที่บรรพบุรุษตั้งขึ้น รักและเอ็นดูอนุภรรยาแต่กำจัดพระชายาเอก ท่านจะเอาแบบนี้จริงหรือ?"

มู่หรงเหยียนรู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้ผิดอยู่ก่อนชัดๆ นางควรจะร้องไห้ฟูมฟายแล้วมาสำนึกผิดแล้วก้มกราบเพื่อขอให้ตนให้อภัยไม่ใช่หรือ ทำไมนางถึงได้หยิ่งยโสโอหังกล้ามากล่าวโทษตนอย่างมั่นอกมั่นใจแบบนี้

เวลานี้ผู้คนก็เริ่มออกันหยุดดูเรื่องสนุก มู่หรงเหยียนหลับตา กัดฟันจนปวดหนึบ เขาไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาต้องมาพ่ายแพ้แก่สตรีเช่นนี้ 

เขาพูด " ข้ามีธุระต้องไปจัดการ ไม่มาฟังคำไร้สาระของเจ้าแล้ว!"

กล่าวจบเขาก็ควบม้าตรงไปทางพระราชวังทันที ทิ้งให้เสิ่นหยุนชูกล้ำกลืนจนตาแดงก่ำในรถม้าโดยไม่กล่าวลาหาทางลงให้นางเลยสักคำ

........

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel