บทที่ 2
เช้าวันเดียวกันนั้นเมื่อถึงเวลากุ้ยเจียอีก็จัดการตัวเองและเดินทางไปสอนหนังสือที่โรงเรียนตามปกติ แต่แล้วช่วงบ่ายของวันนั้นเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อหญิงสาวรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาขณะที่กำลังเดินลงบันไดของอาคารเรียนนับว่าโชคดีที่บันไดเหลือเพียงไม่กี่ขั้นและมีเพื่อนครูเดินมาด้วยกันทำให้เธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
หัวหน้ากลุ่มสาระจึงบอกให้หญิงสาวกลับไปพักและให้ลาป่วยต่อได้อีกหนึ่งวัน หญิงสาวที่อ่อนเพลียมากเลยยอมกลับมาพัก
วันนั้นหลังจากกลับมานอนพักที่คอนโด กุ้ยเจียอีจึงตัดสินใจจะไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจให้ได้รู้กันไปว่าเธอป่วยเป็นอะไรกันแน่
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
“ร่างกายของคุณค่อนข้างอ่อนเพลีย แต่ไม่มีความผิดปกติอื่นเดี๋ยวหมอจะจ่ายวิตามินเสริมให้นะครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
หญิงสาวหน้าตายังเต็มไปด้วยความสงสัยคิดไพล่ไปว่าหรือบางทีเธออาจจะต้องไปพบจิตแพทย์หรือเปล่า หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลกุ้ยเจียอีก็ตัดสินใจที่จะเดินกลับคอนโดที่อยู่ไม่ไกลนักเพื่อที่ว่าตัวเองนั้นจะได้ออกกำลังกายบ้าง
เมื่อเดินมาได้สักพักก็สะดุดตากับหมอดูคนหนึ่งที่มีหนวดสีขาวยาวจนถึงเกือบหน้าอก นั่งตั้งโต๊ะรับดูดวงอยู่บนฟุตบาธริมถนน ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวของกุ้ยเจียอีทันที
หญิงสาวเดินตรงเข้าไปหาหมอดูคนนั้นด้วยความสนใจระคนอยากรู้อยากลอง ยังไม่ทันที่เธอจะได้นั่งลงตรงม้านั่งที่ด้านหน้าโต๊ะนั้น หมอดูชายชราหนวดขาวผู้นั้นก็ทักเธอขึ้นมาเสียก่อน
“นั่นไม่ใช่ฝันร้ายนะแม่หนู”
คำทักทายที่ดูผิดแปลกจากคนที่ไม่รู้จักกันทำเอาความสนใจของกุ้ยเจียอียิ่งพุ่งสูงมากขึ้นไปอีก ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อได้เจออะไรที่น่าสนใจจึงรีบนั่งลงตรงหน้าหมอดูผู้นั้นทันที
“ช่วยดูดวงให้หน่อยได้ไหมคะ คุณตา”
“ได้สิ เอามือมาวางตรงผ้าผืนนี้”
ชายแก่หยิบเอาแว่นขยายขึ้นมาดูลายมือของกุ้ยเจียอีสักพักก็พูดขึ้นมา ท่าทางครุ่นคิด
“เดี๋ยวหนูก็จะได้กลับไปทำตามสัญญา คนเราถ้าสัญญากันไว้แล้วไม่ช้าหรือเร็วอย่างไรเราก็ต้องทำมันหากจิตเราผูกกัน”
“สัญญา? สัญญาอะไรหรือคะ?”
ใบหน้าของกุ้ยเจียอีเต็มไปด้วยความมึนงงเพราะคำพูดแปลก ๆ ของชายชราตรงหน้า สัญญาอะไรกัน เธอจำได้ว่าตัวเองไม่เคยสัญญาอะไรไว้กับใครที่ไหนนี่นา
“ข้อนี้ฉันก็ตอบหนูไม่ได้หรอกนะ เรื่องบางเรื่องก็ต้องแล้วแต่พรหมลิขิต”
“พรหมลิขิต?”
