บทที่ 1
“หนิงเฉิน โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้”
“คุณชายรอง ท่านเข้าไปไม่ได้......คุณชายสี่เป็นหวัดแล้ว ประเดี๋ยวจะติดหวัดเอาขอรับ”
“ไปให้พ้น เจ้าทาสชั้นต่ำ กล้ามาขวางทางข้า? บอกเจ้าลูกนอกสมรสคนนั้นอย่าทำเป็นแกล้งตาย รีบโผล่หัวออกมาเจอข้า”
ท่ามกลางเสียงด่าทอระคนด้วยเสียงตบหน้าอันดังกังวานทีหนึ่ง
หนิงเฉินสะดุ้งตื่นแล้ว
เขาสังเกตดูห้องที่แคบและเล็กแห่งนี้ด้วยหน้าตาฉงน
โต๊ะเหลี่ยม เก้าอี้กลม เตียงเล็กที่โกโรโกโสเตียงหนึ่ง ไม่มีอะไรอย่างอื่น
ที่นี่คือที่ไหน?
ขณะที่หนิงเฉินกำลังสงสัย เศษความทรงจำกลับไหลบ่าเข้าสู่หัวสมองของเขา ความเจ็บปวดอันรุนแรงเกือบทำให้เขาหมดสติลงไป
แต่ความรู้สึกเจ็บปวดอันนี้มาเร็ว และไปเร็วเช่นกัน
หนิงเฉินเช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้ว ท่าทางดูผิดปกติอยู่บ้าง......คาดไม่ถึงว่าเขาทะลุมิติมาแล้ว
เดิมทีเขาเป็นผู้บัญชาการของหน่วยรบพิเศษแห่งหนึ่งบนโลก ตอนที่กำลังยิงต่อสู้กับศัตรู โดนกระสุนปืนลูกหลงยิงโดนจุดสำคัญเข้าแล้ว จึงพลีชีพเพื่อชาติ
หลังจากตาย คาดไม่ถึงว่าทะลุมิติมาอยู่ในร่างคนที่ชื่อและแซ่เดียวกันกับเขาคนนี้แล้ว?
ที่นี่คือแคว้นต้าเสวียน
นี่เป็นราชวงศ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์
แต่ว่า เจ้าของเดิมของร่างกายนี้ มีชีวิตน่าเวทนาพอสมควร
หนิงจื้อหมิงผู้เป็นบิดา ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมธรรมการ ขั้นสองระดับสูง
แต่หนิงเฉินอยู่ในตระกูลนี้ กลับมีชีวิตที่สู้คนรับใช้ไม่ได้
ในตอนนั้น หนิงจื้อหมิงเข้าเมืองหลวงมาเข้าร่วมสอบขุนนาง จึงรับปากมารดาของหนิงเฉินว่า รอเขาสอบผ่าน จะกลับมารับนางแน่นอน
แต่พอรอคราวนี้ก็ผ่านไปตั้งห้าปี
อันที่จริงเมื่อห้าปีก่อนหนิงจื้อหมิงก็สอบผ่านเป็นอันดับสอง ได้รับความสนใจจากอัครมหาเสนาบดีซ้าย จึงแต่งงานกับบุตรสาวของอัครมหาเสนาบดีซ้าย และมีลูกด้วยกันสามคน
แคว้นต้าเสวียนให้ความสำคัญต่อความกตัญญูมาเป็นอันดับหนึ่ง คราวนี้ที่หนิงจื้อหมิงกลับมา เพียงเพื่อมาเซ่นไหว้บรรพบุรุษ
เดิมทีมารดาของหนิงเฉินไม่รู้เรื่องทุกอย่างนี้ ยังคิดว่าที่หนิงจื้อหมิงกลับมาเพื่อมารับนางไปใช้ชีวิตสุขสบายที่เมืองหลวง
ทว่าหลังจากนอนด้วยกันคืนหนึ่ง เจ้าคนสารเลวนี้ก็ไปโดยไม่รับผิดชอบ พอไปแล้วไม่กลับมาอีก
หลังจากนั้น มารดาของหนิงเฉินรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์แล้ว
ตอนที่หนิงเฉินอายุเจ็ดขวบ มารดาซึมเศร้าจนล้มป่วย กระทั่งเสียชีวิตลง
ต่อมา หนิงเฉินขอทานเพื่อมีชีวิตรอด อาศัยของบริจาคจากแต่ละครอบครัวเติบโตขึ้นมา
ตอนที่หนิงเฉินอายุสิบสามปี หนิงจื้อหมิงส่งคนมาตามหาเขา และรับเขากลับไปตระกูลหนิง
ต่อมาหนิงเฉินถึงรู้ว่า หนิงจื้อหมิงไม่ได้มีมโนธรรมในใจ ทว่าเป็นห่วงอนาคตของตนเองต่างหาก
หนิงจื้อหมิงได้ข่าวมาว่า ศัตรูทางการเมืองรู้เรื่องที่เขาทอดทิ้งภรรยากับลูกแล้ว ดังนั้นจึงไปรับหนิงเฉินกลับมาก่อนก้าวหนึ่ง และแต่งเรื่องราวอันสมบูรณ์แบบเรื่องหนึ่งขึ้น
แต่ฉางหรุเยว่นายหญิงของตระกูลหนิง และลูกชายทั้งสามของนาง กังวลว่าต่อไปหนิงเฉินจะแบ่งสมบัติ เดิมทีจึงไม่ชอบหนิงเฉิน
แต่ละวันหนิงเฉินประจบพวกเขาอย่างระมัดระวัง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมีเพียงการดูถูกที่รุนแรงกว่าเดิม
แต่ไม่ว่าจะดูถูกอย่างไร หนิงเฉินไม่เคยพูดสักคำ เพราะเขาไม่อยากไปเร่ร่อนขอทานอีกแล้ว
ทว่าสิ่งเขาไม่รู้คือ ไม่ว่าเขายอมกล้ำกลืนฝืนทนอย่างไร......อีกฝ่ายจะไม่เห็นเขาเป็นคนในครอบครัวเดียวกันอยู่ดี มิหนำซ้ำยังอยากเอาชีวิตเขาด้วย
ปัจจุบันนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว หนิงเฉินยังสวมเสื้อผ้าบางเบา ปรากฏว่าเป็นหวัดแล้ว
พวกเขาไม่เพียงไม่ให้หมอมาตรวจอาการหนิงเฉิน ยังแอบราดน้ำเย็นบนผ้าห่มและที่นอนของหนิงเฉินด้วย
ปรากฏว่าทำให้หนิงเฉินป่วยหนักไร้หมอรักษา จนตายไป
หนิงเฉินถอนหายใจ สำหรับเจ้าของเดิมของร่างกายนี้ เขามีเพียงคำพูดเหล่านี้......รู้สึกเสียใจต่อเคราะห์ร้ายของเขา และรู้สึกโกรธเคืองที่เขาไม่ต่อต้าน
ในเวลานี้เอง มีคนเปิดประตูแล้ว
ชายชราขาเป๋ที่สวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้ว
เมื่อมองเห็นหนิงเฉินที่นั่งอยู่บนเตียง ชายชราตะลึงไปก่อน ทันใดนั้นหน้าตาประหลาดใจเต็มที่ พูดว่า “คุณชายสี่ ท่านฟื้นแล้ว? ช่างดีเหลือเกิน ช่างดีเหลือเกิน......”
ชายชราขาเป๋ผู้นี้ อยู่ที่จวนหนิงมานานมาก ตอนที่หนิงเฉินมาเขาก็อยู่......คนอื่นๆ เรียกเขาว่าท่านไฉ หนิงเฉินเรียกเขาว่าท่านลุงไฉ
ลุงไฉเป็นคนที่ดีต่อหนิงเฉินที่สุดภายในจวนแห่งนี้
ซึ่งปกตินั้น ของที่หนิงเฉินกินล้วนคืออาหารที่เหลือมา จึงมักจะกินไม่อิ่ม เป็นลุงไฉเหลืออาหารของตนเองให้หนิงเฉิน
“คุณชายสี่ ท่านยังป่วยอยู่ รีบนอนลง......” ลุงไฉพูดอยู่ พลางเทน้ำอย่างคล่องแคล่วยกเข้ามาแล้ว “มาขอรับ คุณชายสี่ ดื่มน้ำสักอึก......คงหิวแล้วกระมัง? ประเดี๋ยวข้า......”
เขายังไม่ทันพูดจนจบ เสียงดังสนั่นทีหนึ่ง มีคนถีบประตูห้องออกแล้ว
ชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าอันงดงาม และทำตัวกำเริบเสิบสานอวดดีคนหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้ว
หนิงซิง พี่รองของหนิงเฉิน
มองเห็นหนิงเฉิน หนิงซิงรีบชี้หน้าด่าเขา “ข้ารู้ว่าลูกนอกสมรสเยี่ยงเจ้านี้กำลังแกล้งป่วย......เอาหยกห้อยเอวของข้าคืนมา ไม่เช่นนั้นวันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ตาย”
“คุณชายรอง คุณชายสี่เพิ่งฟื้น มีอะไรเอาไว้ค่อยคุยกันเถิดขอรับ”
ลุงไฉรีบขวางหนิงซิงไว้ทันที
หนิงเฉินหนีรอดจากความตายมา เพิ่งฟื้นมาได้เมื่อสักครู่ ร่างกายอ่อนแอ โดนหนิงซิงทุบตีอย่างโหดเหี้ยมไม่ไหวแน่
เขาเคยเห็นหนิงซิงตีหนิงเฉิน ลงมือไม่บันยะบันยัง หมายจะตีให้ตาย
“ไปให้พ้น เจ้าทาสชั้นต่ำ!”
ปีนี้หนิงซิงอายุสิบเจ็ดปี ร่างกายแข็งแรง ถีบมาทีเดียวทำให้ลุงไฉล้มลงพื้น ด่าทอเขา “เจ้าทาสชั้นต่ำ เจ้ากล้าช่วยเจ้าลูกนอกสมรสคนนี้หลอกข้า ข้าจะตีเจ้าให้ตาย”
เห็นว่าหนิงซิงยังอยากลงมือต่ออีก แววตาหนิงเฉินดูอึมครึม แต่บนหน้ากลับฝืนยิ้มเอาใจออกมา “พี่รอง ขอโทษขอรับ ข้าจะคืนหยกห้อยเอวให้ท่าน......ท่านอย่าได้โมโหไป!”
หนิงเฉินพูดไปพลาง ค้นหาที่หัวเตียงไปพลาง
หนิงซิงก้าวใหญ่ๆ เดินเข้าไป “ข้ารู้ว่าเจ้าลูกนอกสมรสเยี่ยงเจ้าขโมยหยกห้อยเอวของข้าไป......กล้าขโมยหยกห้อยเอวของข้า รอท่านพ่อกลับมา เจ้าโดนลงโทษหนักเป็นแน่”
เมื่อวานนี้ หลังจากหนิงซิงเจอกับหนิงเฉิน บอกว่าหยกห้อยเอวของตนเองหายไป ยืนยันหนักแน่นว่าเป็นหนิงเฉินขโมย พัวพันไม่เลิกรา
ส่วนจะทำหายจริงหรือหายปลอม มีเพียงหนิงซิงเองที่รู้
“หาเจอแล้ว!”
หนิงเฉินพูดขึ้นกะทันหัน จากนั้นยื่นมือออกมา
หนิงซิงจ้องมือของหนิงเฉินไว้ แต่ตอนที่หนิงเฉินแบมือออก ในฝ่ามือกลับว่างเปล่า
หนิงซิงมึนงง ยังไม่ทันตอบสนองกลับมา หนิงเฉินยกหมอนกระเบื้องตรงหัวเตียงขึ้นมา ทุบบนศีรษะเขาอย่างแรง
ปึง!
ตามมาด้วยเสียงทุ้มทีหนึ่ง หมอนกระเบื้องแตะละเอียด
หนิงซิงซวนเซถอยหลังไปสามสี่ก้าว เกือบหกล้ม ชั่วขณะนั้นศีรษะแตกเลือดไหล
เขามองหนิงเฉินด้วยท่าทางเหลือเชื่อ แม้กระทั่งลืมร้องโอดโอยด้วย
เพราะเขาไม่อยากเชื่อว่า หนิงเฉินกล้าทำร้ายเขา?
เมื่อก่อน ไม่ว่าพวกเขารังแกอย่างไร หนิงเฉินจะไม่สู้กับและด่ากลับทั้งสิ้น ไม่ว่าเป็นความผิดของหนิงเฉินหรือไม่ สุดท้ายหนิงเฉินจะขอโทษพวกเขาอย่างระมัดระวัง ขอให้อภัย
ลุงไฉก็ตกใจเช่นกัน
ผ่านไปสักพักหนึ่ง หนิงซิงถึงตอบสนองกลับมา ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา ตะโกนใส่หนิงเฉิน
“เจ้ากล้าตีข้า? เจ้าลูกนอกสมรสนี่กล้าตีข้า?”
หนิงเฉินจับเศษหมอนกระเบื้องไว้ในมือ พูดอย่างเย็นชา “ข้าไม่เพียงกล้าตีเจ้า ข้ายังกล้าฆ่าเจ้าด้วย เชื่อหรือไม่?”
หนิงซิงตกใจสายตาของหนิงเฉินแล้ว สั่นเทาไปทั้งตัว หันหน้าแล้ววิ่งไปข้างนอก ในปากก็ตะโกนว่าฆ่าคนแล้ว
ลุงไฉลุกขึ้นมาจากบนพื้น พูดอย่างตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก “คุณชายสี่ ตอนนี้......ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”
หนิงเฉินกลับมองลุงไฉไม่ได้พูดจา
“คุณชายสี่ ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง?”
ลุงไฉคิดว่าหนิงเฉินตกใจจนพูดไม่ออก ถามอย่างเป็นห่วง
หนิงเฉินกลับยิ้มเบิกบาน บอกว่า “ท่านลุงไฉ ท่านไปหาท่อนไม้มาส่วนหนึ่ง จากนั้นเอาน้ำมันสนมาด้วย”
ลุงไฉไม่เข้าใจเหตุผล แต่ยังไปทำตามอยู่ดี
หนิงเฉินลงมาจากบนเตียง พอยืนขึ้นโงนเงนทันที......ร่างกายนี้ขาดสารอาหารมาเป็นเวลานาน ผนวกกับเพิ่งฟื้นตัวจากอาการป่วยหนัก อ่อนแออย่างรุนแรง
“ดูท่าต้องตั้งใจออกกำลังกายเสียหน่อย......เมื่อสักครู่ทุบหนิงซิงไปนั้น พละกำลังแย่กว่าที่คาดเอาไว้เยอะมาก”
หนิงเฉินพูดพึมพำขึ้นมา
