ภารกิจสุดท้าย...1
จางหยู่เสวียนเป็นชื่อที่เธอตั้งให้ตัวเอง แต่องค์กรเรียกเธอว่าหมายเลข 13
“เป้าหมายต่อไป” ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกวางลงตรงหน้า เธอหรี่ตามองโดยไม่พูดอะไร หญิงสาวปฏิเสธงานที่องค์มอบหมายให้ไม่ได้อยู่แล้ว หยิบซองสีน้ำตาลมาถือไว้แล้วก็โค้งให้ผู้บังคับบัญชา มีเพียงความเงียบขานตอบเขา
จางหยู่เสวียนถูกองค์นักฆ่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่จำความได้
เธอได้รับการฝึกวิธีสังหารเป้าหมายมาทุกรูปแบบ ถูกเคี่ยวเข็ญ
ให้เชี่ยวชาญในทุกสาขาอาชีพเพื่อความแนบเนียนยามแฝงตัว ปัจจุบันจางหยู่เสวียนอายุยี่สิบหกปีแล้ว แต่ก็ยังไม่หลุดพ้นจากองค์กรนี่สักที
ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าตัวเองถูกเลี้ยงมาให้เป็นสัตว์ประหลาด ผ่านร้อนหนาวมาหลายครั้ง เธอย่อมตื่นรู้สักวันว่ามือตัวเองเปื้อนเลือดเกินจะย้อมมันให้เป็นสีเทาดังเช่นคนธรรมดา
เป้าหมายต่อไปของเธอคือผู้ได้ชื่อว่าหมอเทวดาที่อาศัยอยู่กลางกรุงปักกิ่ง ราคาค่าหัวหลายหมื่นล้านหยวนเพียงเพราะไปขัดหูขัดตาลูกค้าในครั้งนี้เข้าจึงถูกสั่งเก็บ ด้วยการบ่มเพาะขององค์กร
จางหยู่เสวียนไม่ผูกมิตรกับใครนอกเวลางาน เธอมีปฏิสัมพันธ์
กับผู้คนเพื่องาน ดังนั้นการพูดคุยกับคนไข้ที่มารอรักษาก็เป็นไปเพื่องาน เพียงจางหยู่เสวียนแสร้งทำตัวน่าสงสารว่าตกงานมานานและ
ของานทำ จะเป็นแค่คนทำความสะอาดก็ได้ หมอเทวดาผู้มีใจเมตตาก็ตอบรับให้เธอเป็นผู้ช่วยทันที
“หมอฟ่านคะ คนไข้คนสุดท้ายกลับไปแล้วค่ะ”
เธอเดินมาบอกเขาหลังปิดคลินิกซอมซ่อนี่เรียบร้อย เพราะฝีมือของผู้ชายคนนี้ทำให้ถูกผู้มีอิทธิพลขัดขวางจนทำงานได้ลำบาก และงานของเธอคือจบชีวิตเขา
“ขอบคุณนะ พึ่งมาทำงานได้สองวันแต่เธอดูคล่องแคล่วมากเลยล่ะ ช่วยได้เยอะจริงๆ”
จางหยู่เสวียนยิ้มตอบและไม่ได้กล่าวอะไรกลับไป
คลินิกซอมซ่อนี่อยู่ในตรอกลึก ผู้คนไม่พลุกพล่าน แม้แต่ตอนกลางวันคนยังหลีกเลี่ยงเส้นทางเพราะสัญจรลำบาก ไม่มีที่ไหนเหมาะแก่การลอบสังหารเท่านี้แล้ว กับดักที่เธอวางเอาไว้เพื่อฆ่า ไม่จะชั้นที่สอง สาม สี่ หรือห้า ก็ต้องสำเร็จสักทาง
“ผู้ช่วยจาง”
“คะ?”
“ถ้าจะฆ่าผม ขอเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้ได้ไหม มีคนไข้ที่ต้องผ่าตัดให้ได้ก่อนน่ะ” จางหยู่เสวียนตกใจจนตาเบิกโพลง เธอทำผิดพลาดไปที่ตรงไหน ทำไมเขาถึงจับได้
“เสียงฝีเท้า”
"..."
“เสียงฝีเท้าของคุณไม่มีเลยน่ะ เป็นคนของโลกฝั่งนั้นใช่ไหม ผมก็เผชิญชีวิตแบบนี้มาพักใหญ่แล้ว พอรู้อะไรบ้างเหมือนกัน”
“ไม่หนีเหรอคะ” ในเมื่อรู้ตัวแล้ว ทำไมถึงยังยอมให้เธออยู่ใกล้ ๆ ล่ะ แถมยังบอกออกมาให้เธอระวังเขาอีก
“ผมหนีคุณไม่พ้นหรอก หากคุณลงมือจริง ๆ ผมไม่ทันมีโอกาสร้องขอชีวิตด้วยซ้ำล่ะมั้ง”
แม้เขาจะพึ่งอายุสามสิบกว่า แต่ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวในแง่ประสบการณ์ชีวิตมาไม่น้อย ตอนเจอเธอครั้งแรกเขายังไม่มั่นใจ
แต่พอเห็นเธอทำงานแค่วันเดียวก็ปักใจเชื่อทันทีว่าเธอแฝงตัวมา
และสิ่งเดียวที่เขาจับเธอได้คือเสียงฝีเท้า นักฆ่าคนอื่นก่อนหน้านี้หรือพวกอันธพาลข้างถนน เผยพิรุธออกมาชัดเจน ผู้ช่วยจางคือคนที่มีฝีมือที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา
“สองวันนี้ช่วยไปได้หลายคน ผมพอใจมากแล้วล่ะ ถึงจะอยากทำต่อไปอีกหน่อยก็เถอะ แต่ขอแค่เคสผ่าตัดพรุ่งนี้ก็ได้”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ”
แค่หนึ่งวัน เธอผ่อนผันวันตายให้ได้อยู่แล้ว หมอฟ่านหนีรอดมาได้จนป่านนี้ องค์กรคงไม่เร่งรัดเธอนักหรอกมั้ง อีกอย่างที่เธอไม่ลอบสังหารครั้งเดียวให้จบๆ เพราะอยากเห็นว่าเขาเป็นคนดีแค่ไหน ทว่ายิ่งเห็นยิ่งรู้สึกลำบากใจที่จะลงมือฆ่าคนดี ๆ แบบนี้ แต่
จางหยู่เสวียนลืมไปว่า องค์กรจะไม่เคลื่อนไหวนอกเหนือรายละเอียดว่าจ้าง หากต้องการต้องจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่า
จางหยู่เสวียนนั่งประจำเคาน์เตอร์ตัวเดิม มองแสงแดด
ยามบ่ายที่เริ่มอ่อนแสงลง ห้องผ่าตัดที่กำลังดำเนินการ และคลินิกหมอเทวดาที่ร้างคนไข้ ที่ว่ามาทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้องรู้สึกหัวใจกระตุก สถานการณ์ผิดปกตินี้จะเป็นอะไรนอกจากองค์กรถือว่าเธอทำงานพลาด
