ขายสินสอดทอดตลาด2
ปลายยามเหมาเสียงมโหรีบรรเลงดังลั่นจนคนต้องตื่นจากที่นอนออกมาดู คนเป่าแตรเดินไปทั่วท้องถนน มีคนแจกใบปลิว ขอทานต่างเข้ามารุมล้อมเอาไปปลิวไปโยนเล่น ชาวบ้านที่ตื่นมาแต่เช้าก็สงสัย วันนี้เมืองหลวงมีเรื่องอะไรหรือครึกครึ้นยิ่งนัก คนที่อ่านหนังสือออกเก็บใบปลิวมาได้ก็จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันสนุกปาก
"นี่พวกเจ้า วันนี้คุณหนูเซียวคนนั้นที่ถูกเจ้าบ่าวทิ้งงานแต่งไปแต่งคุณหนูสกุลหลิวจะขายสินสอดของจวนจ้าวทิ้งน่ะ"
"ไอ้หยา...คุณหนูเซียวคนนี้สติไม่ดีหรือ สินสอดนั่นขายได้ด้วยหรือ จ้าวอันป๋ออำมาตย์ซ้ายจะยอมหรือ แม้ว่าเขาไม่ทวงคืนแต่อย่างไรก็เป็นของสกุลจ้าว"
"เพ้ยๆๆๆ พวกเจ้าคิดว่าคนที่ทำเรื่องต่ำช้าอย่างจ้าวเฉิงจะกล้าไปเอาความกับคุณหนูเซียวคนนี้หรือ"
"ทำเรื่องต่ำช้า เรื่องอันใดกัน เจ้ารู้อะไรก็รีบเล่ามา"
ชาวบ้านเริ่มจับกลุ่มวิจารณ์กันสนุกปาก ตอนนี้สกุลหลิวกับสกุลจ้าวกำลังมีความสุขที่ทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองกันสำเร็จ พวกเขาไม่รู้เลยว่าอีกไม่เกินหนึ่งชั่วยามจะกลายเป็นหัวข้อสนทนาไปทั่วเมืองหลวงจนถึงขั้นยกกันมาเอาเรื่องเซียวอี้เซียนถึงบ้าน และอับอายกลับไป
กลางยามเฉินเซียวอี้เซียนก็สั่งให้บ่าวไพร่เริ่มวางข้าวของเรียงราย สินค้าที่เป็นรายการสินสอดขายราคาต่ำจนดูไร้ค่า แต่ของจวนเซียวขายราคาสูงจนดูเป็นของหายาก ใครไม่รู้ก็คิดว่านั้นคือสินสอดราคาแพง เซียวอี้เซียนไม่ใส่ใจคำติเตียน หากภายหน้าจ้าวอันป๋อมาขอดูรายการที่ขายเขาจะได้ไม่กล้ามั่วนิ่มว่านางค้ากำไรเกินควร
คนที่ผ่านไปมาอดมองไม่ได้ ไปสอบถามจึงรู้ว่าวันนี้ที่จวนสกุลเซียวกำลังคึกคักเนื่องจากวันนี้คุณหนูเซียวบุตรีคนเดียวของเซียวจ้านเปิดแผงขายของหน้าบ้าน เดิมทีตระกูลเซียวหมั้นหมายอยู่กับจ้าวเฉิงบุตรชายอำมาตย์ซ้าย แต่ใครจะรู้ว่าตระกูลจ้าวเล่นตลก ในวันแต่งงานกลับส่งเกี้ยวไปรับคุณหนูหลิวมาแทนเรื่องนี้สร้างความอับอายแก่ตระกูลเซียวยิ่งนัก แต่เนื่องจากเป็นเพียงตระกูลเล็กๆ จึงไม่อาจต่อกร ตั้งแต่วันนั้นสามวันมาแล้วประตูจวนเซียวก็ไม่เปิดอีกเลย จนกระทั่งวันนี้คุณหนูเซียวเปิดจวนวันแรกก็ตั้งแผงขายของหน้าจวนเสียแล้วคงเสียใจจนสิ้นสติกระมัง
"เอาล่ะๆ ทุกคนได้เวลาอันเป็นมงคลแล้ว เตรียมตัวได้เสี่ยวฮวาตีฆ้อง เริ่ม"
โหม่งๆๆๆๆ เสียงตีฆ้องร้องป่าวดังมาจากหน้าจวน เสียงใสๆ กำลังตะโกนเรียกลูกค้า
"เร่เข้ามาๆ เจ้าค่ะ วันนี้มีของดีของถูกมาขายแก่พ่อแม่พี่น้อง มีเครื่องประดับมากมาย แพรพรรณสวยงาม ใครที่มาซื้อในวันนี้คุณหนูของเราบอกว่าจะจดชื่อพวกท่านเอาไว้เพื่อป่าวประกาศความใจบุญของทุกท่าน เพราะเงินตำลึงที่ได้ในครั้งนี้จะนำไปซื้อเสบียงแจกทานที่เมืองซ่างกู่ ชาวบ้านที่นั่นเจอกับปัญหาภัยแล้งใหญ่หลวง ราชสำนักอยากให้ทุกคนร่วมมือกัน ใครที่มาซื้อสินค้าในวันนี้เท่ากับช่วยเหลือราชสำนักด้วยเจ้าค่ะ"
ชาวบ้านและขุนนางที่เดินผ่านจวนเซียวต่างเดินเข้ามาชมสินค้าล้วนมีแต่ของดี
"โย่ว..ข้าซื้อๆ ข้าอยากทำบุญ"
"ข้าด้วยๆ"
กล่องไม้หลากหลายขนาดถูกวางเรียงราย เครื่องประดับ ภาพวาด เครื่องเรือน แพรพรรณอย่างดีถูกนำมาจัดวาง
"เสี่ยวฮวา วางป้ายราคาได้"
สาวใช้ตัวน้อยรับคำก่อนจะวางป้ายราคาตามสินค้าชิ้นต่างๆ เหล่าคนที่มาดูเรื่องตลกทีแรกก็ตะลึง หยกเนื้อดีที่ราคาสามร้อยถึงหนึ่งพันตำลึงแต่คุณหนูคนนี้ขายเพียงแปดสิบตำลึง เครื่องลายครามราคาแปดร้อยตำลึงนางขายเพียงร้อยตำลึง ผ้าไหมอย่างดี ราคาพับละสามร้อยตำลึงนางขายเพียงสามสิบตำลึง ไม่นานสินค้ากว่าแปดร้อยรายการที่วางขายก็เริ่มทยอยขายจนหมด กระทั่งเหลือหยกสามชิ้น
หนึ่งในนั้นมีบุรุษแต่งกายมอซอคนหนึ่ง ใครที่อยู่ใกล้ๆเขาต่างก็รังเกียจ เขาเดินเข้ามาคอตกทำท่าทางกล้าๆกลัวๆก่อนจะเอ่ย
"คะ คุณหนู ขะ ขอรับ คือว่าขะข้าๆเอ่อข้า"
"พี่ชาย ท่านต้องการสิ่งใดว่ามาเถอะ หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงข้าย่อมให้ท่านได้"
"วะ วันเกิดมารดาข้า บิดาข้าจากไปนานแล้วนางเฝ้าหลุมศพท่านพ่อจนกระทั่งผมขาว ข้าน้อยทำงานหนักมานานจึงอยากให้ของขวัญนางสักชิ้น อยากได้ของขวัญ คะ คุณหนูมีที่ไม่แพงไหม"
"เหลือปิ่นสามอัน ราคาเล่มละห้าสิบตำลึงเป็นหยกเนื้อดี พี่ชายท่านพอใจชิ้นไหนหรือ"
หยางเทียนหลงยิ้มให้นาง คนอื่นรังเกียจเขาพากันเดินหนีโดยเฉพาะสตรี แต่คนตรงหน้ายังคงยิ้มแย้มให้เขา หยางเทียนหลงชี้ไปที่ปิ่นหยกสีเขียวเข้ม ราคาห้าสิบตำลึง อืม เดิมทีปิ่นนี้น่าจะได้สักสามร้อยตำลึงแต่นางขายยิ่งกว่าขาดทุนเสียอีก
"พี่ชาย..อย่าเอาชิ้นนั้นเลยท่านเอาชิ้นนี้เถอะ"
เซียวอี้เซียนเปิดกล่องไม้นำปิ่นดอกไม้ออกมา ปลายปิ่นแกะสลักเป็นรูปดอกหลันฮวา ตรงกลางมีอัญมณีสีแดงเล็กๆคล้ายเกสรดอกไม้ คำนวณราคาไม่อาจเทียบได้ในท้องตลาด เขาไม่เคยเห็นของที่ประณีตเพียงนี้
"คะ คุณหนู อันนี้ยิ่งแพงกว่าหรือไม่ขอรับ"
"ขายเท่ากัน ไม่ขอปิดบังเดิมทีของเหล่านี้เป็นสินสอด แต่เจ้าบ่าวทิ้งข้าไปแต่งสตรีอื่น ข้าจะเก็บเอาไว้ก็อัปมงคลยิ่งนัก ข้าจึงนำออกมาขาย แต่ว่ามารดาท่านยึดมั่นในรัก ของขวัญควรเป็นของมงคล ปิ่นนี้ข้าแกะสลักเอง ราคาไม่แพงมากนักท่านรับไว้เถอะ"
หยางเทียนหลงรับกล่องไม้มา ก่อนจะยิ้มให้นาง จากนั้นเซียวอี้เซียนทยอยขายสินค้าที่มาจากโพ้นทะเลซึ่งเป็นของจวนนางเองจนหมดแล้ว
