บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 อยู่เพื่อกันและกัน

“แมะ เอิ๊กๆ” ร่างอวบอ้วนของเสี่ยวเหลียนที่กำลังนั่งเล่นกองดินอยู่ใต้ร่มไม้ เมื่อมองสบตากับมารดานางจะยิ้มกว้างเห็นฟันสวยๆ หนึ่งซี่ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับท่านแม่

ด้านลี่อินยามใดได้มองหน้าเจ้าตัวน้อย ส่งยิ้มหน้าบานหัวเราะเสียงดัง เพียงเท่านี้นางก็หายเหนื่อยได้ในทันที พร้อมกับส่งยิ้มหวานตอบกลับบุตรสาวตัวน้อย

“รอแม่อยู่ตรงนั้นก่อนนะเสี่ยวเหลียน แม่ปลูกมันเสร็จแล้วจะรีบไปหาหนูเลย” หญิงสาวพูดเสียงเล็กเสียงน้อย เจ้าตัวเล็กก็รู้เรื่องเสียจริงเพียงได้ยินเสียงมารดาบอก เสี่ยวเหลียนก็ตอบรับในทันที

“จ๋า จ้ะ” ยิ้มหวานให้ท่านแม่หนึ่งที เสี่ยวเหลียนก็ก้มลงเล่นดินต่อ มิได้สนใจมารดาอีกเลย

จากนั้นลี่อินจึงหันกลับมาปลูกหัวมันตามร่องดินที่ขุดไว้ต่อ แม้พื้นที่หลังกระท่อมน้อยที่นางใช้ปลูกจะไม่ใช่ที่ดินของตนเอง แต่ด้วยความสงสารชาวบ้านและหัวหน้าหมู่บ้านหงชุน ได้อนุญาตให้นางใช้สอยพื้นที่ว่างไปก่อนได้ จนกว่าที่ดินผืนนี้จะมีเจ้าของครอบครอง

ลี่อินจึงได้เลือกปลูกหัวมันและต้นกล้วย เผื่อว่าในอนาคตนางจะได้เก็บผลผลิตนำมากินและขายได้ จะได้มีตำลึงเงินไว้เลี้ยงเสี่ยวเหลียนน้อยของนางด้วย เพราะรายนั้นยิ่งโตก็ยิ่งกินเก่งเหลือเกิน เสี่ยวเหลียนเป็นเด็กอารมณ์ดีเลี้ยงง่าย หากไม่สบายตัวหรือเจ็บป่วยแม่หนูน้อยก็แทบจะไม่ร้องไห้โยเยเลย

ตั้งแต่ที่นางมาทะลุมิติมาอยู่ในยุคจีนโบราณ ตอนนี้ก็เป็นเดือนที่สามแล้ว หญิงสาวเริ่มปรับตัวได้มาก เสี่ยวเหลียนก็ได้ขวบกว่า เด็กน้อยสามารถพูดได้เป็นคำสั้นๆ และปล่อยให้เล่นด้วยตนเองได้แล้ว แต่ก็ยังต้องอยู่ในสายตาลี่อินตลอดเวลา

ด้วยตัวนางเองเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่มาขออาศัยอยู่เท่านั้น ลี่อินพยายามเข้าหาผู้คนในหมู่บ้านหงชุนเพื่อจะได้ผูกมิตรเอาไว้ เพื่อว่าในภายภาคหน้านางต้องการความช่วยเหลือจากชาวบ้าน

จากความพยายามขยันขันแข็งและความมีน้ำใจ ทำให้ท่านป้าเจียงให้ความเอ็นดูช่วยเหลือลี่อินในยามนางขัดสน ซึ่งท่านป้าเจียงมีบุตรชายเป็นถึงบัณฑิต รับสอนหนังสือสถานศึกษาอยู่ในเมืองฉงชิ่ง พอจะมีหน้ามีตาผู้คนให้ความเกรงใจ

อีกทั้งยังเป็นผู้รับรองลี่อินกับหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อให้นางมีชื่อเป็นผู้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านหงชุน แต่กระนั้นก็ยังมีชาวบ้านบางกลุ่มที่ยังหัวโบราณ รังเกียจและมีอคติกับนางอยู่ดี

เพราะสตรีม่ายที่มีลูกติดมักจะถูกมองในทางที่ไม่ดี มีดวงกินผัวอยู่กับผู้ใดก็รังแต่จะนำความอัปมงคลมาให้ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นลี่อินจึงไม่ได้ใส่ใจ

“ลี่อินมีกล้วยให้ป้าสักหวีหรือไม่” ป้าเจียงเป็นลูกค้าขาประจำซื้อกล้วยกับลี่อิน ด้วยเพราะสงสารอายุยังน้อยต้องมาหนีตายจากสงคราม พ่อแม่ญาติพี่น้องและสามีตายกันหมด อีกทั้งยังมีลูกน้อยต้องเลี้ยงดู

“มีเจ้าค่ะท่านป้าเจียง เดี๋ยวข้าไปนำมาให้นะเจ้าคะ” หญิงสาววางงานในมือลงทันที รีบลุกไปนำกล้วยมาให้ท่านป้าเจียง

ลี่อินมักจะเข้าไปเก็บกล้วยในป่าตรงข้ามกับกระท่อม เพราะนางเห็นว่าตรงแถบนั้นมีต้นกล้วยเกิดอยู่มาก หากว่ามีเครือไหนที่พอจะนำมาเก็บไว้ได้หญิงสาวก็จะตัดมาเก็บไว้ ซึ่งหากถามว่าเหตุใดชาวบ้านคนอื่นถึงไม่ได้มาเก็บไปกินน่ะหรือ

ชาวบ้านบางคนก็มาเก็บไปกินบ้าง เพียงแต่ด้วยมีงานต้องทำในแต่ละวัน ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาเข้าป่ากันมากนัก ลี่อินจึงถือโอกาสยึดเป็นอาชีพขายกล้วยเสียเลย ชาวบ้านหมู่บ้านหงชุนเกือบทุกครัวเรือนจะยึดอาชีพทำนาและปลูกผัก เพื่อนำไปขายในเมืองฉงชิ่งหรือส่งพวกพ่อค้าคนกลาง ที่มารอรับซื้อไปขายต่อยังต่างเมือง

ด้วยในป่าแถบนี้ไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์สักเท่าไหร่ ทำให้ไม่สามารถยึดอาชีพเป็นนายพรานล่าสัตว์ หรือหาของป่าได้

ลี่อินยังคิดว่าจะตัดเอาหน่อกล้วยนำมาปลูกไว้ จะได้ไม่ต้องเข้าไปเก็บในป่าให้เสียเวลา และไม่ต้องทิ้งเสี่ยวเหลียนให้อยู่คนเดียวอีกด้วย หากเก็บตำลึงเงินได้มากพอนางจะขอซื้อที่ดินผืนนี้ไว้เสียเอง

ดังนั้นพื้นที่จากกระท่อมที่นางใช้อาศัยเลยไปจนเกือบจะถึงริมคลอง หญิงสาวก็จัดการปลูกมันหวานที่ขุดมาได้จากป่าเมื่อหลายวันก่อน นำมาปลูกไว้กินเสียเลยและนางจะปลูกกล้วย ผักหวาน ผักหนาม หอมและกระเทียมป่าที่นางบังเอิญไปเจอมา ปลูกไว้หากว่างอกงามจะได้เอาไปขายและเอาไว้กินเอง

เมื่อผลผลิตโตพอที่ลี่อินจะนำไปขายได้ นางก็จะได้มีตำลึงเงินมากขึ้น จากนั้นลี่อินกับเสี่ยวเหลียนก็จะสบายไม่ต้องอดมื้อกินมื้ออีกต่อไป

“มาแล้วเจ้าค่ะท่านป้าเจียง วันก่อนข้าเข้าป่าได้เห็ดเยื่อไผ่มาเยอะเลย แบ่งให้ท่านป้าเอาไปทำอาหารด้วยเจ้าค่ะ” ลี่อินยื่นกล้วยสองหวีและเห็ดที่ห่อด้วยใบกล้วยกำใหญ่ให้กับท่านป้าเจียง

“ให้อะไรข้ามาเยอะแยะ เจ้าเก็บไว้ให้เสี่ยวเหลียนกินเถอะ ดูสิเนี่ยหลานสาวยายกำลังถึงวัยต้องกิน” ท่านป้าเจียงหยอกเย้าเจ้าเด็กน้อย ที่นับวันจะอ้วนจ้ำม่ำพุงยื่นจนน่าหยิก

“จ๋าจ้ะ ยาย” แม้จะพูดประโยคยาวๆ ยังไม่ได้ แต่เสี่ยวเหลียนก็ยังสามารถตอบรับคำผู้ใหญ่ได้อย่างรู้ความ

“รู้ความเสียจริง โตขึ้นเจ้าต้องเป็นเด็กดีฉลาดนะรู้ไหมเสี่ยวเหลียนเอ้ย” ป้าเจียงลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู

“จ้าจ้ะ” เมื่อถูกชมเจ้าเด็กน้อยก็ตอบรับแถมด้วยยิ้มหวานๆ ให้กับท่านยายเจียง

“เอานี่ค่ากล้วยห้าอีแปะ” หลังจากป้าเจียงอยู่เล่นกับเจ้าเด็กอ้วนจนพอใจ จึงได้ยื่นเงินอีแปะให้กับลี่อิน

“กล้วยแค่สองหวีให้ตั้งห้าอีแปะ มันเยอะไปเจ้าค่ะท่านป้า ข้าเอาแค่สองอีแปะก็พอ” หญิงสาวคืนเงินสามอีแปะให้กับท่านป้าเจียง กล้วยนางก็มิได้ลงทุนอะไรแค่เก็บเอาที่มีอยู่แล้วมาขาย ป้าเจียงก็เป็นเหมือนผู้มีพระคุณคอยช่วยเหลือนางมาตลอด จะให้คิดเกินราคาได้อย่างไรกัน

“ข้าไม่เอาคืน ข้าให้ไว้ซื้อของอร่อยให้หลานสาวข้าต่างหาก ไม่เอาๆ” ป้าเจียงโบกไม้โบกมือ ไม่ยอมรับเงินคืนเด็ดขาด

“แต่ท่านป้าเจ้าคะ ข้าเกรงใจ” ถึงอย่างไรเงินตั้งสามอีแปะก็ถือว่ามากเกินไปอยู่ดี

“ข้าให้หลานข้า เจ้าก็รับไปเถอะ ไม่คุยกับเจ้าแล้วข้ากลับล่ะ” เมื่อเห็นว่าถึงอย่างไรลี่อินก็จะคืนเงินให้ได้ ป้าเจียงจึงตัดบทหันหลังเดินกลับบ้านทันที

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้า” ลี่อินมองดูเงินห้าอีแปะในมือ เงินจำนวนนี้หากนางนำไปรวมกับของเก่าที่มีอยู่ ที่ได้จากการขายกล้วยรวมกันแล้วก็ได้ยี่สิบอีแปะพอดี ที่ดินผืนที่นางอยากได้ราคายี่สิบตำลึงเงิน

หญิงสาวถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีกพลางคิดว่า อีกกี่ชาติกันถึงจะมีเงินพอจะซื้อที่ดินได้ เฮ้อ...

“แมะ หม่ำๆ” ในระหว่างที่ท่านแม่มัวแต่ตกอยู่ในภวังค์ เสียงเล็กๆ ได้ดังแทรกขึ้นมา

“หืม... เสี่ยวเหลียนหิวแล้วหรือ พุงของเจ้ามีหลุมดำหรืออย่างไร เจ้าลูกหมี” มือเล็กป้อมที่เอาแต่กำชายกระโปรงท่านแม่ไม่ยอมปล่อย มิหนำซ้ำยังพยายามจะปีนขึ้นมาให้ท่านแม่อุ้มพาไปกินข้าวให้ได้ ทำให้ลี่อินต้องยอมแพ้ความหิวของเจ้าตัวน้อย

“หม่ำๆ”

“จ้าๆ เราไปกินข้าวต้มเผือกกันดีกว่า ลูกหมีแม่หิวแล้ว” หญิงสาวตอบเสี่ยวเหลียนน้อยอย่างอารมณ์ดี เพียงได้มองหน้าเสี่ยวเหลียนตัวน้อย มันก็ทำให้นางรู้สึกหายเหนื่อยจากการทำงานไปได้ทันที

ลี่อินอุ้มบุตรสาวเข้าไปในกระท่อมหลังน้อย รีบจัดการตักข้าวต้มเผือกที่อุ่นกำลังดีตักใส่ถ้วยใบเล็ก ส่วนเสี่ยวเหลียนทนหิวแทบไม่ไหวนั่งอ้าปากน้อยๆ รอการป้อนของท่านแม่ ราวกับลูกนกน้อยรอคอยอาหารที่แม่นกนำมาให้อย่างไรอย่างนั้น

หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุข มาใช้ชีวิตอยู่ที่แห่งนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน อย่างน้อยนางก็มีเสี่ยวเหลียนน้อยเป็นเพื่อน ไม่โดดเดี่ยวเช่นโลกเดิมที่จากมา แบบนี้สิการมีชีวิตอยู่ถึงดูมีความหมายขึ้นมาหน่อย ไม่ใช่ว่าอยู่เพียงลำพังจนไม่รู้จะดิ้นรนต่อสู้ไปเพื่อใคร

ตอนนี้ลี่อินมีสิ่งที่จะต้องดิ้นรนต่อสู้ในทุกๆ วันแล้ว นั่นก็คือเสี่ยวเหลียนเจ้าเด็กน้อยจอมกินจุ ที่นางทั้งรักทั้งหลงนี้ไงเล่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel