บทที่ 6 ขายอาหารวันแรก
สองวันต่อมาก็ถึงเวลาไปขายของวันแรกแล้ว ทุกคนตื่นพร้อมกันลู่ชิงกับฟางซินช่วยกันหมักเนื้อหมูและน่องไก่ ส่วนลู่เวินกับบุตรชายก็ช่วยกันยกเตาและอุปกรณ์ที่ใช้ทอดทุกอย่างขึ้นบนรถเข็นรออยู่นอกบ้าน
ลู่ชิงได้ตั้งกฎกับครอบครัวเอาไว้ว่าจะขายของหกวันและหยุดพักหนึ่งวัน เพราะไม่อยากให้ทุกคนเอาแต่คิดเรื่องทำงานหาเงิน ควรมีเวลาพักผ่อนบ้างแม้จะมีน้ำจากบ่อวิเศษให้ดื่ม แต่อย่างน้อยการพักผ่อนให้เต็มที่ก็เป็นผลดีต่อร่างกายมากกว่า เมื่อทุกอย่างพร้อมจึงปิดประตูบ้านและเดินเท้าไปในตำบลหย่งฝู พื้นที่ขายของที่ลู่เวินจองไว้ให้นั้นเป็นการจองแบบรายเดือน และมันก็อยู่บริเวณที่มีคนพลุกพล่านมาเดินจับจ่ายซื้อของยามเช้า
พอถึงบริเวณพื้นที่ของตนเองแล้วทุกคนทำตามหน้าที่ของตน ลู่เวินกับบุตรชายช่วยกันยกเตาและติดเตาไฟ ลู่ชิงกับมารดาช่วยกันจัดวางอุปกรณ์บนโต๊ะให้หยิบใช้สะดวก ยกถังไม้ที่ใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งแล้ววางไว้ข้างโต๊ะกับใบตอง ที่เช็ดทำความสะอาดสำหรับใช้ห่ออาหาร ซึ่งก็เอามาจากป่าชั้นนอกที่อยู่ด้านหลังบ้านของพวกเขา ยามนี้ลู่เวินได้ตั้งกระทะและใส่น้ำมันลงไปทั้งสามกระทะควบคุมไฟไม่ให้ร้อนมากเกินไป มีเก้าอี้สามตัววางชามขนาดใหญ่ ที่ใช้หมักเนื้อทั้งสองอย่าง
และแป้งสำหรับชุบก่อนนำลงไปทอด
ลู่ชิงจัดหน้าร้านเรียบร้อยแล้ว ด้านบิดากับพี่ใหญ่ก็เริ่มทอดหมูและไก่ กลิ่นหอมเริ่มลอยกระจายออกไปแตะจมูกผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ไม่ว่าใกล้หรือไกลมีหลายคนที่มองมายังร้านของพวกเขาเพื่อมองดูว่าทำอะไรขาย
จากนั้นไม่นานหมูทอดและสามชั้นทอดก็เสร็จ ท่านพ่อตักขึ้นวางสะเด็ดน้ำมันและหันไปทอดรอบใหม่ต่อทันที ทางด้านพี่รองก็ช่วยเอาเนื้อหมูมาเทใส่ถาดไม้ให้ เพราะมันร้อนจึงไม่อยากให้ท่านแม่กับน้องสาว จับของที่ร้อนเกินไปกลัวว่าจะลวกมือบาดเจ็บได้
ลู่ชิงจึงเตรียมตัวเรียกลูกค้าตอนนี้อาหารพร้อมขายแล้ว อีกไม่ถึงสองจิบชาน่องไก่ทอดก็จะสุกแล้วเช่นกัน การขายที่จะเอาแต่นั่งแล้วร้องเรียกลูกค้าเบา ๆ มันจะได้ผลได้อย่างไรกัน ต้องเสียงดังฟังชัดบรรยายความน่าทานของอาหาร เชิญชวนให้ลูกค้าอยากจะลองชิมเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อ แบบนี้ถึงจะได้ผลสำหรับการขายอาหาร
“สวัสดีตอนเช้าเจ้าค่า เอ้าเร่เข้ามา ๆ เจ้าค่า พี่ ป้า น้า อาทั้งหลาย วันนี้ที่ร้านค้าของครอบครัวข้า มีของอร่อยมาขายแล้วเจ้าค่ะ เข้ามาลองชิมกันดูก่อนได้หากรสชาติไม่อร่อยไม่ซื้อก็ไม่ว่ากันเจ้าค่ะ เร่เข้ามา ๆ ใครมาก่อนได้ชิมก่อนนะเจ้าคะ มีทั้งเนื้อหมูและเนื้อไก่เจ้าค่า” ลู่ชิงเริ่มส่งเสียงเชิญชวนชาวบ้าน ที่เดินผ่านไปมาแวะมาชิมอาหารที่ทำกับคำพูดที่ประทับใจเพื่อเรียกลูกค้าทันที และเสียงเจื้อยแจ้วนี้ของลู่ชิงก็เรียกความสนใจได้มากทีเดียว
มีคนไม่น้อยที่มองอย่างสนใจตั้งแต่ได้กลิ่นหอม ๆ ก่อนหน้านี้ พวกเขาจึงเดินเข้ามาสอบถามว่าอาหารทอดที่ทำอยู่นี้ มันแตกต่างจากเนื้อทอดทั่วไปตรงที่ใด และที่จะให้ลองชิมก่อนได้พูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่ บุรุษคนหนึ่งที่เดินเข้ามาก่อนเอ่ยกับลู่ชิงที่ทำหน้าที่รับลูกค้าเอง
“แม่นางน้อยที่เจ้าทอดอยู่ใช่เนื้อหมูหรือไม่ ที่เจ้าบอกว่าเป็นของอร่อยของเจ้าน่ะ” ชายคนนี้เปิดปากถามเป็นคนแรก เพราะเขาได้กลิ่นหอมตอนที่เดินผ่านร้านของเด็กสาว
“ท่านอาต้องลองชิมดูเจ้าค่ะ แล้วท่านช่วยบอกข้าหน่อยว่ามันอร่อยหรือไม่ ท่านสามารถพูดความจริงได้ไม่ต้องเกรงใจ หากไม่อร่อยหรือขาดรสชาติใดไปครอบครัวข้าจะได้นำไปปรับปรุงเจ้าค่ะ” ลู่ชิงหั่นเนื้อหมูออกเป็นชิ้นพอดีคำ และใช้ไม้จิ้มขึ้นมายื่นให้ชายคนนั้นได้ชิม
ชายคนนั้นรับเนื้อหมูทอดชิ้นเล็กมาชิม ครั้นพอลิ้นของเขาได้สัมผัสเนื้อหมูทอดก็ตาโต รีบเคี้ยวรีบกลืนแล้วพูดกับชิงเอ๋อร์อย่างตื่นเต้น เพราะมันมีรสชาติที่แตกต่างจากหมูทอดที่ตนเองเคยได้ชิมมาจริง ๆ
“อึก แม่นางน้อยเนื้อหมูทอดของเจ้าอร่อยมาก ข้าไม่เคยกินเนื้อหมูทอดที่อร่อยเช่นนี้มาก่อน เจ้าขายอย่างไรหรือ แล้วในถังนั่นคือสิ่งใดใช่เนื้อเหมือนกันหรือไม่ บนโต๊ะนี้ก็มีเนื้อถึงสองอย่าง เจ้ายังทำเนื้ออันใดมาทอดขายอีกหรือ” เขารู้สึกว่ากระเพาะของเขากำลังเรียกร้องหาเนื้อหมูทอด ที่สำคัญต้องซื้อกลับไปหลาย ๆ ห่อเผื่อคนที่จวนเช่นกัน
“ข้ามีเนื้อหมูทอด สามชั้นทอดและน่องไก่ทอด มีทั้งหมดสามอย่างเจ้าค่ะ เนื้อหมูทั้งสองอย่างข้าจะขายพร้อมข้าวเหนียวร้อน ๆ ในราคาห่อละสิบห้าอีแปะ ส่วนน่องไก่ทอดขายพร้อมข้าวเหนียวห่อละยี่สิบอีแปะเจ้าค่ะจะได้น่องไก่สองน่อง
แต่ถ้าซื้อเฉพาะเนื้อหมูและน่องไก่ จะขายเนื้อหมูอยู่ที่เหลียงละยี่สิบห้าอีแปะ และน่องไก่ขายเหลียงละสามสิบอีแปะเจ้าค่ะ พวกท่านอย่าคิดว่ามันแพงเกินไปเลย เพราะข้าใช้น้ำมันในการทอด ทุกท่านคงจะรู้ว่าน้ำมันนั้นมีราคาค่อนข้างแพง และเนื้อหมูก็ใช่ว่าจะราคาถูก ส่วนเนื้อไก่ก็หาได้แต่ต้องสั่งจากเมืองอื่น พวกท่านซื้อไปทำกับข้าวได้ คงจะรู้ถึงราคาของเนื้อดีจริงไหมเจ้าคะ ท่านอาสนใจซื้ออย่างไหนดีเจ้าคะ” ลู่ชิงอธิบายราคาขายด้วยเสียงที่ดังนิดหน่อย เผื่อคนด้านหลังได้ยินจะได้ตัดสินใจถูกว่าต้องการซื้อแบบไหน
“ข้าเอาเนื้อหมูกับสามชั้นพร้อมข้าวเหนียวอย่างละสองห่อ” เขาซื้อไปกินพร้อมข้าวสะดวกกว่าตั้งเยอะ และข้าวเหนียวที่ว่าก็เรียงเม็ดสวยน่ากิน อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมของข้าวอีกด้วย
“ท่านอารอสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ ท่านแม่ห่อข้าวกับเนื้อหมูและสามชั้นทอด ให้ท่านอาท่านนี้อย่างละสองห่อด้วยเจ้าค่ะ” ลู่ชิงหันไปหาฟางซินเพื่อตักข้าวเหนียว แล้วโปะด้วยหมูทอดสามชั้นทอดอย่างละสองห่อ สำหรับลูกค้าคนแรกของร้านในวันนี้
“นี่เจ้าค่ะท่านอาข้าวเหนียวหมูทอดสามชั้นทอด อย่างละสองห่อทั้งหมดหกสิบอีแปะเจ้าค่ะ” ข้ายื่นห่อข้าวไปให้พร้อมรับเงินกลับมาใส่กระปุกเป็นการประเดิมการขายในวันนี้
“แม่หนู ป้าเอาเนื้อหมูกับน่องไก่อย่างละห่อจ้ะ”
“แม่ค้า ข้าเอาทุกอย่าง ๆ ละสองห่อนะ”
“นางหนู ข้าเอาทุกอย่างเหมือนกันอย่างละห้าห่อ”
“ของข้าด้วยนะอย่างละห่อ อย่าเพิ่งขายให้ข้างหน้าจนหมดเล่า”
“ท้องข้าร้องประท้วงตั้งแต่ได้กลิ่นหอมของเนื้อหมูทอดแล้ว”
“กลิ่นเนื้อทอดนี่ช่างยั่วน้ำลายเสียเหลือเกิน ที่บ้านของข้าทำเหตุใดไม่มีกลิ่นหอมเช่นนี้บ้างนะ”
“นี่คงเป็นสูตรเฉพาะของตระกูลแม่ค้านะข้าว่า”
พอมีคนซื้อประเดิมและยืนยันว่าอร่อยคนอื่นก็รีบมาต่อแถวซื้อกันทันที ลู่ชิงกับมารดาช่วยกันห่อและคิดเงินเกือบไม่ทัน ด้านบิดากับพี่ใหญ่ก็ยืนทอดอยู่ด้านหลังยิ่งยุ่งกว่าคนขายอีก จะรีบร้อนมากเกินไปก็ไม่ได้ไม่เช่นนั้นเนื้อมันจะไม่สุกดี ลู่ชิงจึงให้ลูกค้าลงชื่อตามลำดับไว้พร้อมจ่ายมัดจำไว้ครึ่งหนึ่งก่อน เมื่อไปเดินซื้อของอย่างอื่นเสร็จแล้ว ก็ค่อยแวะรับและจ่ายเงินอีกครึ่งที่เหลือ แบบนี้ทำให้พอได้หายใจหายคอคล่องขึ้นมาบ้าง
ตอนนี้เข้ายามเฉินลูกค้าก็เบาบางลงไปเยอะแล้ว ของที่เตรียมมาพอสมควรก็ทอดหมด ท่านพ่อกับพี่ชายกำลังช่วยกันจัดการเก็บล้างกระทะกันอยู่ ลู่ชิงกับมารดาก็เริ่มเก็บของกันเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ยังมีเนื้อหมูกับสามชั้นเหลืออยู่ไม่มาก จึงรอดูว่าจะมีลูกค้ามาซื้ออีกหรือไม่ จนลู่ชิงหันไปเห็นว่ามีคนกำลังวิ่งมาทางนี้ การแต่งกายดูเหมือนคนในจวนใหญ่
“แฮ่ก ๆ ๆ แม่ค้า ๆ เนื้อหมูทอดของเจ้ายังพอมีเหลืออยู่หรือไม่ โอยเหนื่อยจริง ๆ อายุเยอะมันช่างลำบากยิ่งนัก” ดูท่าทางคงรีบวิ่งมาตลอดทางถึงได้เหนื่อยหอบ เพื่อมาถามซื้อหมูทอดของร้านนางหรือนี่
“ยังพอมีเหลืออยู่เจ้าค่ะท่านลุง ตอนนี้มีเนื้อหมูกับสามชั้นทอดเจ้าค่ะ แต่ว่าข้าวเหนียวหมดแล้วนะเจ้าคะ ท่านลุงยังจะรับอยู่หรือไม่”
“ข้าเอาเนื้อหมูกับสามชั้นทั้งหมดที่มีตอนนี้ เจ้าคิดรวมราคามาได้เลย” เขารีบวิ่งมาเพราะกลัวจะไม่ทันหากช้ากว่านี้คงโดนหักเงินเดือนเป็นแน่ คุณชายน้อยของจวนเห็นบ่าวไพร่ที่ซื้ออาหารร้านนี้ ไปนั่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อยจึงเดินข้าไปถามและได้ลองชิม ก็ติดใจร่ำร้องจะกินเสียให้ได้เมื่อถามพวกบ่าวว่าซื้อมาจากที่ใด เขาก็รีบวิ่งออกมาทันทีไม่ได้หยุดพักเลย
“นี่เจ้าค่ะท่านลุง เนื้อหมูและสามชั้นทอดของท่าน ทั้งหมดสี่เหลียงเป็นเงินหนึ่งร้อยอีแปะพอดีเจ้าค่ะ” ข้ายื่นห่อเนื้อหมูทอดไปให้ท่านลุงคนนั้นและรับเงินค่าอาหารมาพร้อมกัน
“ขอบใจเจ้ามากนะแม่ค้าที่ยังเหลือเนื้อไว้ให้ข้าได้มาซื้อ วันนี้ข้าคงไม่โดนหักเงินเดือนแล้วล่ะ ไว้คราวหน้าข้าจะมาอุดหนุนเจ้าใหม่ข้าไปก่อนล่ะนะ” เขารีบพูดและรีบวิ่งกลับจวนไปอย่างรวดเร็ว
“หมดเกลี้ยงแล้วเจ้าค่ะ พวกเราเก็บของกลับบ้านไปพักผ่อนกันเถิด จากนั้นค่อยมาเตรียมของขายกันใหม่นะเจ้าคะ” ลู่ชิงหันไปบอกทุกคนด้านหลังเมื่อลูกค้าคนสุดท้ายวิ่งออกไป ซึ่งตอนนี้เพิ่งจะกลางยามเฉินเท่านั้น แต่อาหารร้านนางกลับขายหมดเสียแล้ว ดูท่าคงต้องเพิ่มจำนวนเนื้อขึ้นอีกสักสองสามจิน เผื่อมีลูกค้าตื่นสายอยากกินกับเขาบ้าง
วันนี้เป็นการเริ่มกิจการได้ดี ทุกคนดูมีความสุขมากแม้จะเหนื่อยสักหน่อย แต่ทำงานเพียงสองชั่วยามก็ได้เงินไม่น้อยแล้ว ระหว่างทางเดินกลับบ้าน ก็พูดคุยกันด้วยเสียงหัวเราะไปตลอดทาง จนคนที่เดินทางสวนกันยังหันมามองพวกเราทั้งครอบครัว ก็คนมันมีความสุขถ้าไม่ให้ยิ้มแย้มหัวเราะ จะให้พวกเราทำหน้าอมทุกข์กันหรือไร แต่คนที่ดูจะมีความสุขและสนุกยิ่งกว่าใคร คงหนีไม่พ้นพี่ชายคนรองอย่างลู่เสียนที่หัวเราะเสียงดังกว่าใคร สงสัยจะชอบทำการค้ามากแน่ ๆ แบบนี้ได้ท่านพ่อเต็ม ๆ