ข้าคือ เจ้าของหอเหว่ยซิน

182.0K · จบแล้ว
l3oonm@
91
บท
16.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

สายฝนที่กระหนำลงมาราวกับว่าสวรรค์กำลังพิโรธอยู่ ทำให้ร่างของสตรีที่กำลังสลบไสลไม่ได้สติ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองรอบด้าน ดวงตาสีดำสนิทหรี่ลงเมื่อน้ำฝนตกกระทบลงมา นางค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก “อูยยย จะ เจ็บ เจ็บชะมัด” นางคำรามออกมาเสียงเบา ความประหลาดใจเริ่มฉายชัดในแววตา เมื่อสภาพแวดล้อมที่เห็นไม่ชัดในตอนนี้ ไม่ใช่สถานที่ก่อนหน้าที่นางอยู่ เยี่ยนอิง คลานไปหลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่อยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งที่นางเพิ่งฟื้นเมื่อครู่ สายฟ้าที่ฟาดลงมา ส่งผลให้ทั่วบริเวณแสงวาบขึ้นมาเพียงชั่วอึดใจ “ที่ไหน ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย” นางเริ่มจะตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รอบด้านที่เป็นป่าเขา มิใช่สถานเริงรมย์ที่นางเป็นเจ้าของ นางจำได้ว่า ก่อนหน้านี้นางเข้าไปตรวจงานที่ร้านเช่นทุกวัน เสียงโวยวายของลูกค้าที่เข้ามาดื่มกินทำให้เยี่ยนอิงลุกออกจากห้องทำงานเพื่อไปดู นางคิดจะออกไปตำหนิผู้จัดการร้าน ว่าทำไมถึงปล่อยให้ลูกค้าก่อเรื่องได้ ปัง ปัง ปัง เสียงปืนสามนัดดังขึ้นภายในไนต์คลับสุดหรู ย่านใจกลางกรุงเซี่ยงไฮ้ ที่เยี่ยนอิงได้รับเป็นมรดกมาจากคุณพ่อของนาง ร่างของเยี่ยนอิงที่กำลังเดินพ้นประตูห้องทำงานออกมาได้เพียงไม่กี่ก้าว ทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้น เสียงความวุ่นวายดังอยู่ภายในหูของนาง พร้อมกับสติที่ค่อยๆ จะเลือนรางลงทุกที ตระกูลฟู่ของเยี่ยนอิง ครองกิจการในเมืองเซี่ยงไฮ้มากถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของธุรกิจการค้า แต่งานที่ให้ความสำคัญที่สุดเห็นจะเป็นไนต์คลับ ที่นางปรับปรุงจนขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ ด้วยระยะเวลาเพียงสองปีเท่านั้น เบื้องหลังตระกูลฟู่ ผู้ใดจะไม่รู้บ้างว่าคุณพ่อของเยี่ยนอิง เป็นถึงมาเฟียมีอิทธิพลในอันดับต้นๆ ของเซี่ยงไฮ้เลยก็ว่าได้ นางคิดให้ตายก็ไม่เข้าใจว่าลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจะพกอาวุธเข้ามาได้อย่างไร ในเมื่อหน้าร้านมีพนักงานตรวจค้นอาวุธก่อนจะปล่อยตัวเข้ามา คงไม่พ้นฝ่ายต้องข้ามที่ต้องการจะกำจัดนางอย่างแน่นอน หากเยี่ยนอิงรู้ตัวเสียก่อน นางคงไม่เดินออกมาดูโดยที่ไม่ถืออาวุธปืนติดตัวมาด้วย “บ้าจริง กล้าเอาฉันมาทิ้งในป่าเหรอ” นางกัดฟันคำรามออกมา เรื่องที่คิดไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน ในเมื่อเป็นไนต์คลับของนาง ลูกน้องที่มีหลายสิบคนอยู่ภายในร้าน ไม่มีทางปล่อยให้คนชิงตัวนางออกไปได้แน่ อย่างน้อยก็ต้องรีบพาตัวนำส่งโรงพยาบาลก่อน เยี่ยนอิง ปวดหัวจนคิดสิ่งใดไม่ออก นางมองหาที่หลบฝนที่ใหม่ หากยังนั่งอยู่ตรงนี้ต่อ นางได้ตายลงเพราะพิษไข้ หรือไม่ก็ต้องหนาวตาย นางค่อยๆ ประคองร่างที่บาดเจ็บ คลำทางเดินเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ จากแสงสายฟ้าที่ผ่าลงมาเป็นระยะ ทำให้มองเห็นถ้ำที่อยู่ไม่ไกลออกไป เยี่ยนอิงกัดฟันแข็งใจอีกครั้ง นางใช้พลังที่มีทั้งหมดเร่งฝีเท้าออกเดินไปที่ถ้ำตรงหน้าโดยเร็วที่สุด “เหนื่อยเป็นบ้า” ภายในถ้ำมืดสนิท แม้แต่แสงของฟ้าผ่าก็ส่องเข้ามาไม่ถึง เยี่ยนอิงจะถอดเสื้อผ้าออกเผื่อผึ่งลม นิ้วมือของนางก็ต้องชะงักค้างอยู่กับสาบเสื้อ สายตาของนางเลื่อนลงมาที่เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ ก่อนจะเห็นว่าฝ่ามือของนางตอนนี้เล็กราวกับเด็กสาวที่เพิ่งจะเติบโต “กรี๊ดดดดดด” นางกรีดร้องออกมาสุดเสียง พร้อมทั้งถอยตัวเข้าไปจนติดผนังถ้ำ “ปะ ปะ เป็นไปได้ยังไง” นี่ไม่ใช่ตัวนางแน่นอน

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณข้ามมิติระบบจีนโบราณนิยายย้อนยุคเทพสงครามอัจฉริยะแข็งแกร่ง

ฟู่เยี่ยนอิง

พอเข้ามาอยู่ในถ้ำ เยี่ยนอิงจึงได้ยินเสียงของนางที่เอ่ยพูดออกมา ยิ่งทำให้มั่นใจเพิ่มขึ้น ว่าอย่างไรก็ไม่ใช่ตัวนาง แล้วนางเข้ามาอยู่ในร่างของใคร แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน คำถามวิ่งพล่านภายในหัวไม่หยุด

นางนั่งกอดเข่าแน่นอยู่ในความมืด สายตาไม่อาจจะเห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวได้ ความกลัวเริ่มเข้ามาแทนที่ ชั่วระยะเวลาที่กำลังคิดว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับนางอยู่นั้น ภาพความทรงจำของผู้ใดก็ไม่รู้ไหลวนเข้าสู่หัวของนางราวกับน้ำป่าทะลักเข้ามา

ร่างเล็กทรุดลงไปนอนดิ้นอยู่ที่พื้นด้วยความเจ็บปวด มือทั้งสองข้างที่ปัดไปมา เพื่อหาที่ยึดเหนี่ยว ถูกหินงอกที่อยู่ตรงผนังถ้ำบาดจนเป็นแผลลึก เลือดไหลออกมาเป็นทางยาว แต่ทั้งหมด เยี่ยนอิงก็ยังไม่รู้สึกเจ็บเท่ากับหัวของนางที่ราวกับกำลังถูกแยกอยู่ในตอนนี้

นานเพียงใดไม่รู้ที่ภาพต่างๆ กว่าจะหยุดลง เยี่ยนอิงนางจึงได้รู้ว่า ร่างของเด็กสาวที่วิญญาณของนางเข้ามาสวมร่างแทนเจ้าของร่างเดิม มีชื่อเช่นเดียวกับนาง ทั้งยังเกิดในตระกูลฟู่ด้วยเช่นกัน

ฟู่เยี่ยนอิง เด็กสาววัยสิบห้าหนาว นางสูญเสียบิดามารดาไปเมื่อสามปีก่อน เหลือเพียงนางและน้องชายวัยสิบหนาวที่ต้องใช้ชีวิตกันเอง

หลังจากที่บิดามารดาเสียไปแล้ว ฟู่เยี่ยนอิงและ ฟู่ซานเซิน น้องชายของนาง ถูกท่านลุงใหญ่ พี่ชายของบิดารับไปเลี้ยง

แต่ความเป็นอยู่ของสองพี่น้องไม่ใคร่จะดีนัก ทั้งคู่เปรียบเสมือนทาสที่อยู่ในเรือนเสียมากกว่า คงมีเพียงแต่ท่านย่าของนางที่พอจะมีความเมตตาอยู่บ้าง

อาหารที่สองพี่น้องได้รับจากท่านลุงใหญ่และป้าสะใภ้ อย่าเรียกว่าอาหารเลย หากไม่เป็นน้ำข้าวที่มองแทบไม่เห็นเม็ดข้าว ก็เป็นเพียงหัวมันคนละหัว เช่นนี้เด็กทั้งสองจะไปอิ่มท้องได้อย่างไร ด้วยต้องทำงานหนักตลอดตั้งแต่ฟ้าเริ่มสว่าง

ท่านย่า ที่สงสารหลานทั้งสอง จึงได้แอบนำของกินมาแบ่งให้พวกเขาอยู่บ่อยครั้ง หากถูกป้าสะใภ้รู้เข้า ของกินเหล่านั้นนางก็จะยึดคืนกลับไป

แต่เมื่อสองเดือนก่อน เหมือนสวรรค์จะเริ่มสงสารสองพี่น้อง ลุงใหญ่ที่เสียพนันจนหมดตัว เป็นหนี้หอพนันอยู่อีกเกือบร้อยตำลึงเงิน กลับมาพร้อมคนของหอพนัน เพื่อจะขายเยี่ยนอิงไปเป็นนางคณิกา

พอเห็นใบหน้าของนางที่ละม้ายคล้ายผู้เป็นมารดา แม้ตัวจะผอมแห้งไปเสียหน่อย แต่หากนำกลับไปเลี้ยงดูเพียงไม่นาน คงจะเป็นตัวเรียกลูกค้าทำเงินได้อย่างดี

เยี่ยนอิงที่ถูกลากถูเพื่อไปขึ้นรถม้า ด้วยแรงที่มีอยู่นิด นางจะไปต้านแรงของบุรุษร่างใหญ่ได้อย่างไร

ฟู่ซานเซินที่ไม่อาจช่วยอะไรพี่สาวได้ เขาได้แต่ใช้เท้าเล็กๆ วิ่งไปที่เรือนของผู้นำหมู่บ้าน ขอร้องให้เขามาช่วยเยี่ยนอิงได้ทันเวลา

ท่านย่า ต่อให้รักบุตรชายคนโตมากเพียงใด ก็ยังมีความรู้ผิดชอบชั่วดี ที่ไม่ยอมให้ขายหลานสาวของตน นางจึงขอร้องให้ผู้นำหมู่บ้านทำเรื่องตัดขาดกับสองพี่น้อง ให้ไปใช้ชีวิตกันเองที่เรือนของบิดามารดาที่ทิ้งเอาไว้

“ย่าคงช่วยพวกเจ้าได้เพียงเท่านี้ อิงเออร์ เซินเออร์ จำไว้ ย่าเห็นพวกเจ้าอดตายยังดีเสียกว่าถูกขายออกไปที่หอโคมแดง” นางหูซื่อ มองหลานทั้งสองด้วยน้ำตาที่นองหน้า ก่อนจะเดินหนีกลับเข้าเรือนไป

ผู้นำหมู่บ้านทำเรื่องตัดขาดตามคำสั่งของผู้เป็นย่า สองพี่น้องจึงได้กลับมาใช้แซ่ฟู่ที่เป็นแซ่ของมารดา

บิดาของฟู่เยี่ยนอิง พบเจอมารดาระหว่างทางกลับจากเป็นผู้คุ้มกันสินค้า นางนอนสลบอยู่ที่ข้างทาง ด้วยความสงสารจึงได้พานางมารักษาตัว จึงได้รู้ว่าตัวนางไร้ความทรงจำเดิม

มีเพียงหยกขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือที่ห้อยอยู่ที่คอ สลักตัวอักษรฟู่ม่าน จึงได้เรียกนางมาฟู่ม่านนับตั้งแต่นั้นมา แม้จะออกตามหาญาติพี่น้องของนางแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับข่าวใดกลับมาเลย

อู๋หยวน จำต้องพาฟู่ม่านกลับมาที่หมู่บ้านกวนเฟิ้ง อยู่ที่เมืองเป่ยหนาน ทางตอนเหนือของแคว้น เรียกได้ว่าเป็นเมืองหน้าด่านของแคว้นต้าหลี่ ติดกับแคว้นต้าฉี

ในตอนแรกนางหงซื่อที่เป็นพี่สะใภ้ก็ไม่ยินยอมจะให้อู๋หยวนรับฟู่ม่านเป็นภรรยา ด้วยนางหาสตรีที่อยู่หมู่บ้านเดียวกับนางไว้ให้เขาแล้ว

ในเมื่ออู๋หยวนที่เป็นผู้หาเงินเข้าเรือนต้องการรับฟู่ม่านเข้าเรือน ทั้งมารดาของเขาก็มิได้ว่ากล่าวอันใด นางหงซื่อจำต้องยอมถอย หากนางยังดึงดัน อู๋หยวนก็จะเลิกส่งเงินกลับมาให้ที่เรือน ทั้งจะขอแยกบ้านอีกด้วย

เมื่อสามปีก่อน อู๋หยวนได้รับข่าวจากสหายเรื่องตระกูลฟู่ที่อยู่ในเมืองหลวง จึงคิดที่จะพาฟู่ม่านกลับไปตรวจสอบว่าใช่ตระกูลของนางหรือไม่ แต่ระหว่างทางพบโจรป่าเข้าเสียก่อน ต่อให้อู๋หยวนและสหายจะมีฝีมือในการต่อสู้ จำนวนคนที่น้อยกว่าสุดท้ายก็เอาชีวิตไปทิ้งไว้ทั้งหมด

ลุงใหญ่กับป้าสะใภ้โวยวายเสียจนชาวบ้านได้แต่ส่ายหัวอย่างเอือมระอา ด้วยหากไม่ขายฟู่ เยี่ยนอิงให้หอพนัน ตัวเขาจะนำเงินที่ไหนไปจ่ายคืน นางหูซื่อผู้เป็นมารดาจำต้องยอมให้บุตรชายแบ่งขายที่นาออกไป สองสามีภรรยาจึงได้ยอมปล่อย ฟู่เยี่ยนอิงและฟู่ซานเซินไปโดยง่าย

เพราะไม่มีสิ่งใดที่ติดตัวสองพี่น้องมาเลย นอกจากเสื้อผ้าชุดเก่าที่ดูราวกับเป็นผ้าเช็ดพื้น ชาวบ้านที่อู๋หยวนและฟู่ม่านเคยให้การช่วยเหลือ ต่างหยิบยื่นสิ่งของให้สองพี่น้องคนละเล็กน้อย

แม้ว่าบ้านที่บิดามารดาสร้างไว้จะมีขนาดไม่เล็กนัก แต่ข้าวของภายในล้วนแต่ถูกลุงใหญ่และป้าสะใภ้มาขนออกไปจนสิ้น ถึงอย่างนั้นทั้งสองคนก็ยังมีความสุขที่ได้หลุดออกจากขุมนรก สองพี่น้องต้องทนเป็นทาส ทำงานในเรือนทั้งหมด ทั้งยังต้องหาหญ้าเลี้ยงหมู ทำงานในสวนในไร่ เรียกได้ว่าทำงานตั้งแต่ลืมตาตื่นจนตาเกือบจะปิดเลยก็ว่าได้

นับจากนี้ต่อให้ไม่มีสิ่งใดกิน ฟู่เยี่ยนอิงก็จะดูแลน้องชายของนางให้ได้ สองพี่น้องใช้ชีวิตอยู่ในเรือนหลังเดิมของบิดามารดามาได้สองเดือนอย่างทุลักทุเล นอกจากขึ้นเขาเก็บผักป่า หัวมันมาประทังชีวิตแล้ว ฟู่เยี่ยนอิงยังออกไปรับงานในหมู่บ้านที่พอจะทำได้ เพื่อหาเงินมาซื้อข้าวสารหุงกิน

ชาวบ้านที่เห็นใจสองพี่น้อง ก็เรียกเข้ามาช่วยงาน หากไม่มีเงินก็มักจะให้เป็นข้าวสารหนึ่งกำมือ หรือไม่ก็ธัญพืชเล็กน้อย ให้พวกเขาไป

แต่ที่ฟู่เยี่ยนอิงต้องมานอนบาดเจ็บอยู่บนเขา ก็เพื่อขึ้นมาหาสมุนไพรไปขาย นางต้องการเงินพาน้องชายที่ล้มป่วยได้หลายวันแล้วเดินทางไปหาหมอในเมือง ด้วยหมอเท้าเปล่าไม่อาจจะรักษาโรคของซานเซินได้แล้ว

สุดท้ายฟู่เยี่ยนอิงก็มิอาจทำตามความตั้งใจไว้ได้ นางเสียชีวิตลงจากการตกเขา จนวิญญาณของเยี่ยนอิงที่อยู่อีกมิติหนึ่งเข้ามาแทนที่

เยี่ยนอิงชันตัวลุกขึ้นนั่ง นางจับไปที่อกข้างซ้ายของนาง ราวกับรับรู้ได้ว่าห้วงสุดท้ายของฟู่เยี่ยนอิงต้องการให้นางช่วยดูแลน้องชายที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวของนางให้ได้

“ในเมื่อฉันมาอยู่ในร่างของเธอแล้ว น้องชายของเธอก็คือน้องชายของฉัน ฉันจะปกป้องเขาเอง”

“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ” เสียงตอบรับที่แผ่วเบาลอยมาตามลม ทำให้เยี่ยนอิงที่กำลังจมอยู่ในความคิดของตนเองสะดุ้งขึ้นมาสุดตัว

“ไม่ ไม่ต้องโผล่ออกมา ฉันรับปากแล้ว” นางร้องห้ามออกไป ด้วยกลัววิญญาณของฟู่เยี่ยนอิงจะโผล่ออกมาให้นางได้เห็น

เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผล หยดลงบนพื้นภายในถ้ำ ทั่วทั้งถ้ำสว่างไสวราวกับตอนกลางวัน เยี่ยนอิงนางมองที่มือของนางที่ชุ่มไปด้วยเลือด ก่อนจะมองที่บาดแผลลึกอย่างตกใจ