ตัวการผู้เผยแพร่ข่าวลืออันน่าสะเทือนใจ 1.1
ตัวการผู้เผยแพร่ข่าวลืออันน่าสะเทือนใจ
นับเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว ที่หนิงเยี่ยนพาคนใต้อาณัติทั้งหมดที่มีเลือกหลีกหนีความวุ่นวายย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ ณ คฤหาสน์เชิงเขาท้าย¬หมู่บ้านหยู่เปิง เพื่อหวังให้เด็กน้อยอย่างหนิงฉี ได้ใช้ชีวิตอย่างราบรื่นและมีความสุขในทุกวัน
และดูเหมือนว่าเด็กชายตัวน้อยอย่างหนิงฉี จะสามารถปรับตัวเข้า¬กับหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะในวันนี้หลังเลิกเรียนกลับมา ในอ้อมแขนของเด็กชายตัวน้อย เต็มไปด้วยผักผลไม้ป่าและยังมีไข่¬ต้มรวมอยู่ด้วย
“วันนี้ก็ได้ของกินกลับมาอีกแล้วหรือ”
หนิงฉีชะงักฝีเท้าแล้วค่อย ๆ หันมองไปตามเสียงคำถามที่เอ่ยรั้งตนเอาไว้ เด็กชายจึงได้เห็นว่าภายในห้องโถงที่ควรจะว่างเปล่า กลับมีคน¬งามในชุดขาวแลดูบริสุทธิ์ผุดผ่อง ราวกับเทพเซียนบนสวรรค์มาปรากฏ¬โฉม นั่งจิบชาด้วยท่วงท่าสง่างามไร้ที่ติอยู่กลางห้อง
“ว่าอย่างไร เหตุใดถึงได้ถือของกินมากมายกลับมาได้” หนิงเยี่ยน ถามคำถามคล้ายเดิมออกไปอีกครั้งหนึ่ง พลางจ้องมองเด็กน้อยตรงหน้าด้วยสายตาอันคมกริบ
“ชาวบ้านในหมู่บ้านเป็นคนมอบให้ข้าขอรับ” เด็กชายเอ่ยตอบ ก่อนจะนำของกินทั้งหมดที่ได้มาวางลงไปบนโต๊ะ แล้วจึงค่อยผลักของกินเหล่านั้นไปยังเบื้องหน้าของหนิงเยี่ยน
“พวกเขาให้เจ้าทำไมกัน”
“คงเพราะคนในหมู่บ้านเห็นว่าข้าน่ารัก พวกเขาจึงรู้สึกเอ็นดูข้าเป็นพิเศษ ถึงได้มอบของมากมายให้ข้าเอากลับมากินที่บ้าน” หนิงฉีฉีกยิ้มกว้าง ตอบคำถามด้วยวาจาที่ลื่นไหลอย่างไร้พิรุธใด ๆ ให้จับผิด
“แน่ใจหรือ”
“ย่อมต้องแน่ใจสิ…ขอรับ”
แต่เมื่อถูกถามย้ำซ้ำ ๆ อีกครั้ง น้ำเสียงของเด็กน้อยที่เคยมั่นใจกลับค่อย ๆ แผ่วลง แต่เด็กชายยังคงทำใจดีสู้เสือ รักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ได้เช่นเดิม
“ในเมื่อแน่ใจ แล้วเหตุใดสิ่งที่ข้าได้ยินมา กลับกลายเป็นว่าที่พวก¬เขามอบของมากมายให้กับเจ้า ล้วนแต่เป็นเพราะพวกเขาสงสารเจ้าและมารดาที่ถูกเมียเอกของบิดาตามมาหาเรื่อง จนทำให้อาการเจ็บป่วยของมารดาที่แสนอ่อนแอของเจ้ากำเริบกลางดึก จนแทบรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้กันเล่า”
คำเอ่ยที่หนิงเยี่ยนเอ่ยออกมา ส่งผลให้รอยยิ้มกว้างที่ประดับอยู่บนใบหน้าของหนิงฉี สลายหายไปอย่างรวดเร็ว
“ข้าบอกเจ้าไว้ก่อนหน้าแล้วไม่ใช่หรือ ว่าอย่าได้แต่งเรื่องเท็จไป¬หลอกลวงผู้อื่นอีก”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะขอรับ ท่านลองดูนี่ก่อน”
หนิงฉีเห็นว่าหากปล่อยเรื่องราวให้บานปลายไปเช่นนี้ ตนเองจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน เด็กชายจึงรีบหยิบบางสิ่งที่อยู่ในอกเสื้อออกมา แล้ววางมันใส่มือของคนตรงหน้าทันที
หนิงเยี่ยนมองนิยายประโลมโลกอย่าง ‘โฉมงามอาภัพ ที่ถูกคนผิดยัดเยียดมาให้’ ด้วยความไม่เข้าใจ
“ลองเปิดเนื้อเรื่องที่ถูกพับไว้ด้านในดูสิขอรับ”
ฝ่ามือเรียวจึงค่อย ๆ เลื่อนเปิดดูหน้าที่ถูกคั่นเอาไว้ตามที่ถูกคะยั้นคะยอมา เรื่องราวในหน้านี้ ดำเนินมาถึงตอนที่เกอโฉมงามหอบลูกหนีตายมาตั้งหลัก ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง แต่ก็ยังมิวายถูกนางร้ายในเรื่องสืบ¬หาจนเจอ และตามมาทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
“ข้าก็แค่ตั้งใจเล่าเรื่องราวในนิยายเล่มนี้ให้พวกเขาฟังเท่านั้น เฮ้อ ไม่รู้เป็นไงมาไง ถึงกลายเป็นทำให้ชาวบ้านทั้งหลายเข้าใจผิด จนเรื่องที่ข้า¬เล่าออกมา กลายเป็นเรื่องของพวกเราไปเสียได้”
เขาก็แค่เล่าเรื่องที่อ่านมาในนิยายให้ชาวบ้านฟัง โดยไม่เอ่ยชื่อตัว¬ละครก็เท่านั้นเอง
บังเอิญว่าหลายวันก่อนหน้านี้ มีรถม้าคันหรูจากในเมืองมาเยือนยังคฤหาสน์เชิงเขา และกลางดึกภายในวันเดียวกันนั้น ก็ได้มีคนเห็นหมอหลิวถูกตามไปรักษาคนจริง ดังเรื่องที่ถูกเล่าลือออกมา อีกทั้งในวันนี้ยังได้มีหนึ่ง¬ในชาวบ้านตาดี ที่ดันไปเห็นรอยฟกช้ำปรากฏอยู่บนแขนเล็ก ๆ ของ ห¬นิงฉีเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ชาวบ้านถึงได้นำเอาเรื่องราวทั้งหมดมาผสมรวมกัน จนเกิดเป็นข่าวลือดังกล่าวขึ้นมา
“เข้าใจผิดยังงั้นหรือ เป็นเพราะข้าห้ามไม่ให้เจ้าเอ่ยคำโกหกแต่ง¬เรื่องอีกมากกว่า เจ้าถึงได้เล่นลิ้น จงใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้ออกมาคลุมเครือ เพื่อที่พวกเขาจะได้เข้าใจผิดแทน หนิงฉี เจ้านี่นับวันยิ่งเก่งกาจเสียจริงนะ”
นิยายต้นเรื่องถูกโยนลงบนโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง แม้หนิงฉีจะยังอยากยืนกรานไม่ยอมรับ แต่เขาก็เกรงกลัวว่าผลที่ตามมาจะยิ่งทวีความร้ายแรงมากไปกว่าเดิม ร่างเล็กจึงค่อย ๆ นั่งลงคุกเข่าตรงเบื้องหน้าของหนิงเยี่ยน จากนั้นก็เริ่มแผดเสียงร้องไห้อันน่าสะเทือนใจออกมา
“พี่เจ็ด ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่กล้าอีกแล้วขอรับ ฮึก ฮือ”
หนิงเยี่ยนปรายตามองไปยังน้องชายตัวดีของตนเล็กน้อย ก่อนจะรีบดึงสายตากลับคืนมา อย่างไม่นึกไยดีเด็กชายที่กำลัง
