บท
ตั้งค่า

ตอนที่6 แขกที่ถูกเชิญ

“พวกเจ้าทั้งหมดถอยออกไป10ก้าว”

คนของตำหนักคุณหนิงถอยหลังทันทีที่ได้ยินเย่วฮองเฮาออกคำสั่ง ต่างจากคนของตำหนักกุ้ยเฟยกลับมองหน้ากันไปมา เพราะสนมหลี่กุ้ยเฟยนายของตนได้สั่งไว้ ถึงนี่จะเป็นคำสั่งของเย่วฮองเฮาแต่เจ้านายของพวกนางได้รับปากไว้ว่าจะทูลขอความเป็นธรรมจากห้าวเทียนฮ่องเต้ให้ อย่าได้สนใจคำสั่งของเย่วฮองเฮาให้รับฟังคำสั่งจากหลี่กุ้ยเฟยเพียงคนเดียว และด้วยสภาพที่เย่วฮองเฮาออกจากตำหนักกุ้ยเฟยเมื่อวานนี้ ทำให้ทุกคนเชื่อว่าสนมหลี่กุ้ยเฟยต้องปกป้องพวกเขาได้เป็นแน่

หลี่ฟางซินเมื่อได้ยินคำสั่งของสตรีที่สูงศักดิ์กว่าก็ตกใจไม่น้อย เพราะคิดว่าสตรีผู้นี้จะต้องลงไม้ลงมือกับตนเป็นแน่ แต่ยังโชคดีที่นางได้กำชับคนของตนไว้ไม่ให้ออกห่างจากนางหากห้าวเทียนฮ่องเต้ยังไม่เสด็จมา

“พวกเจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก ไม่ได้ยินที่ฮองเฮารับสั่งหรืออย่างไร”

อี้หงตวาดใส่เหล่าขันทีและนางกำนัลของตำหนักกุ้ยเฟย เมื่อเห็นว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ทำตามคำสั่งของเย่วฮองเฮา

เย่วลี่อิงโบกมือให้นางกำนัลคนสนิทหยุดกล่าวไว้เพียงเท่านี้ หญิงสาวเจ้าของตำหนักคุนหนิงหันมองไปรอบๆ เมื่อเห็นท่าทางนางกำนัลและขันทีของตำหนักกุ้ยเฟยมีท่าทีแข็งขืนไม่เกรงกลัวตน แต่นางได้หาสนใจไม่ สตรีที่ขึ้นชื่อว่ามีอำนาจสูงสุดในวังหลังกลับเผยยิ้มอย่างมีเลศนัยแววตาชั่วร้ายแวววาบขึ้นมาทันที

เย่วลี่อิงเดินมาจับข้อมือของสนมใจกล้าที่บังอาจยุให้คนในตำหนักขัดคำสั่งของนาง ทำเอาหลี่ฟางซินผวายกมือขึ้นป้องหน้าตนเอง เย่วลี่อิงเห็นอาการหวาดวิตกของหลี่ฟางซินก็พลางยกยิ้มมุมปากขึ้นมาเบาๆ

หลี่ฟางซินเมื่อเห็นว่าเย่วลี่อิงไม่ได้ลงไม้ลงมือกับตนก็นึกประหลาดใจในการกระทำของสตรีที่อยู่ตรงหน้า แต่ทว่าไม่ทันที่หลี่ฟางซินจะคิดไตร่ตรองถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างถี่ถ้วนก็ถูกสตรีที่จับข้อมือไว้พาเดินไปตรงหน้าเหล่านางกำนัลและขันทีของตนเองเสียแล้ว

“หลี่กุ้ยเฟย เจ้าดูคนในตำหนักกุ้ยเฟยของเจ้าสิ”

เย่วลี่อิงใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้จับข้อมือของหลี่ฟางซินชี้กวาดไปยังเหล่าขันทีและนางกำนัลของสนมที่ยืนอยู่ด้านข้าง เพียงเจ้าของวังหลังอย่างเย่วฮองเฮาเดินเข้ามาใกล้เหล่าขันทีและนางกำนัล ต่างก็รู้สึกกดดันและหวั่นเกรงในอำนาจของเย่วฮองเฮาจนตัวสั่นเทาเหมือนลูกนก แต่ทว่าพวกเขาก็รู้ดีว่าในวังหลังบางครั้งตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดก็มิอาจสู้คนที่ฝ่าบาทโปรดปรานได้

หลี่ฟางซินมองใบหน้าและดวงตาของเย่วลี่อิง แต่กลับไม่สามารถคาดเดาความนึกคิดของเย่วลี่อิงได้เลย ว่าคิดทำการสิ่งใดอยู่ สิ่งที่นางคาดคิดไว้ไม่เป็นไปตามใจ บัดนี้บุรุษที่นางปรารถนาให้มาเยือนตำหนักก็มาถึงแล้ว แต่นางเองยังไม่สามารถทำให้สตรีที่อยู่ตรงหน้าลงมือกับนางได้

ครั้นเย่วลี่อิงเหลือบมองด้านข้างเห็นว่าบัดนี้คนที่สมควรมาก็มาตามที่ตนได้คิดไว้จนครบแล้ว ‘ข้าจะดูซิว่าข้าจะสามารถเปลี่ยนนิมิตครั้งนี้ได้หรือไม่’นางจึงไม่รอรีที่จะทำตามที่ตนได้วางอุบายไว้

“ข้าก็พอรู้อยู่ว่าตำแหน่งฮองเฮาของข้าไหนเลยจะสู้คนโปรดปรานเช่นเจ้าได้ และเป็นจริงดั่งเจ้าพูดไม่ผิด ตั้งแต่ข้าแต่งเข้ามาเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทจนถึงตอนนี้ที่พระองค์ได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ พระองค์ก็ไม่เคยให้ข้าปรนนิบัติพระองค์ดังเช่นสามีภรรยาในห้องหอเลยสักครั้ง เพราะข้าไม่เคยได้รับความรักจากฝ่าบาทเจ้าจึงคิดจะข่มเหงข้าสินะ”เสียงนางสั่นเครือ แต่น้ำเสียงกลับดังจนผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นได้ยินชัดเจน

หลี่ฟางซินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นท่าทางของเจ้าของเสียงที่แสดงออกมา แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเย่วลี่อิงก็จับแขนของหลี่ฟางซินให้ยกมือขึ้นสูงระดับใบหน้าของเย่วลี่อิง

“เพียะ” เสียงดังกังวาน

ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นหันมามองตามเสียงที่ดังอย่างพร้อมเพรียง รวมถึงแขกที่ถูกเชิญมาทั้งสองคนและแขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกหนึ่งคนด้วย ไม่ใช่แค่หลี่ฟางซินที่ส่งคนไปเชิญห้าวเทียนฮ่องเต้ แต่เย่วลี่อิงก็ส่งคนไปเชิญไทเฮามาเช่นกัน ส่วนเฟยห้าวหลานหรืออ๋องสามเพียงติดตามมารดามาเท่านั้น

เพียงพริบตาเดียวก็มีสายลมพัดผ่านเย่วลี่อิงเบาๆ นางเงยหน้าขึ้นก็เห็นบุรุษรูปงามรูปร่างองอาจใบหน้าเคร่งขรึมดวงตาทอประกายอย่างโหดเหี้ยม มายืนอยู่ด้านหน้า มือข้างหนึ่งของเขาโอบกอดสตรีบอบบางเอาไว้ ก่อนที่มืออีกข้างจะง้างตบใบหน้าของเย่วลี่อิง ด้วยแรงบุรุษหนุ่มที่ฝึกวรยุทธเพียงออกแรงน้อยนิดสตรีร่างบางอย่างเย่วลี่อิงก็กระเด็นกระดอนไปตามแรงมือ

หญิงชราสูงศักดิ์ที่มีเฟยห้าวหลานคอยประคองอยู่ เดินมาหาเย่วลี่อิงถึงกับตาเบิกกว้างเมื่อเห็นหญิงสาวกระเด็นไปนอนกับพื้น หญิงชรารีบเข้าไปดูเย่วลี่อิงทันทีก่อนจะสั่งให้นางกำนัลไปตามหมอหลวงมาดูลูกสะใภ้คนโปรดของตน เมื่อไทเฮาเห็นนางลุกขึ้นนั่ง มือข้างหนึ่งกุมแก้มไว้ดวงตาคลอไปด้วยน้ำใส ก็อดสงสารและเห็นใจเย่วลี่อิงไม่ได้ ถึงจะโกรธบุตรชายของตนแต่คนที่นางอยากลงทัณฑ์กลับเป็นสตรีที่อยู่ข้างกายเขาเสียมากกว่า

อี้หงพยุงนายของตนลุกขึ้น นี้เป็นครั้งแรกที่นางเห็นคุณหนูของนางถูกทำร้ายร่างกาย ถึงที่ผ่านมาห้าวเทียนฮ่องเต้จะทำร้ายจิตใจของคุณหนูของนางมาตลอดก็ตามแต่ก็ไม่เคยทำร้ายร่างกายเลยสักครั้ง นางอยากด่าทอผู้เป็นเจ้าเหนือหัวแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ได้แต่เก็บอารมณ์ความรู้สึกขุ่นเคืองอัดแน่นไว้ในใจ อี้หงไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ ทำได้เพียงปล่อยให้มันไหลออกมาเพื่อคลายความคับแค้นใจ

อี้หงรู้ดีว่าเย่วฮองเฮายอมทำทุกอย่างเพื่อห้าวเทียนฮ่องเต้ เพียงหวังว่าสักวันเขาจะมีใจให้นางบ้าง แต่เขาไม่เคยเห็นค่าของนาง ทั้งยังรังเกียจเดียดฉันท์ บางครั้งอี้หงเองยังไม่เข้าใจว่าเย่วฮองเฮา ทำไมถึงรักบุรุษผู้นี้ได้ขนาดนี้ คนที่ย่ำยีความรู้สึกของนางทุกครั้งที่เขาได้เจอนาง แต่อี้หงก็ทำอันใดไม่ได้ ได้แต่ภาวนาให้เย่วฮองเฮาตัดใจจากห้าวเทียนฮ่องเต้ได้เสียที ไม่เช่นนั้นก็ขอให้เย่วฮองเฮารักตนเองมากกว่าที่รักบุรุษหูตามืดบอดผู้นี้

“พวกเจ้าออกไปให้หมด” ห้าวเทียนฮ่องเต้ตวาดไล่เหล่าขันทีและนางกำนัล

“หยุดเดี๋ยวนี้” เสียงหญิงชราเอ่ยขึ้น

เหล่าขันทีและนางกำนัลที่กำลังคอบกายถอยหลังหยุดชะงัก ขาของพวกเขานิ่งค้างราวกับหินไม่กล้าแม้แต่จะขยับ ต่างก้มหน้าก้มตาด้วยความสั่นกลัว เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสแห่งวังหลวงกับเจ้าเหนือหัวต่างมีโทสะแผ่รัศมีอำมหิตออกมาทั้งคู่

“ฝ่าบาททรงสั่งให้ทุกคนออกไป เพื่อให้พวกเขาออกไปแพร่ข่าวที่ฝ่าบาททรงตบตีฮองเฮาของตนเพื่อสนมที่พระองค์รักหรือ”

คนบริเวณนั้นต่างพากันก้มหน้านิ่ง เพราะการได้ยินได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้มิใช่เรื่องดีสำหรับคนที่ได้เห็นสักเท่าไรนัก เหล่านางกำนัลขันทีต่างรู้สึกราวหายใจไม่ออกกระอักกระอ่วนกันทั่วหน้า

“เสด็จแม่กระหม่อมไม่ได้คิดเช่นนั้น กระหม่อมเพียงไม่อยากให้ใครรู้เห็นเรื่องราวเหล่านี้” เฟยห้าวเทียนพยายามพูดอย่างใจเย็น โดยเก็บซ่อนอารมณ์โกรธไว้

“อย่างนั้นฝ่าบาทก็ควรจะไล่ข้าราชบริพารเหล่านี้ออกไป ก่อนจะลงมือกับเย่วฮองเฮาสิ” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเดือดดาล

“...”

เฟยห้าวเทียนก้มหน้าหลบสายตามารดา เขารู้สึกว่าตนเองใจร้อนเกินไป จึงได้พลั้งมือทำร้ายเย่วลี่อิงด้วยความโกรธต่อหน้าข้าราชบริพาร เพราะหากเรื่องนี้แพร่ออกไปก็คงทำความยุ่งยากให้ตนเองไม่น้อย แต่เขาไม่ได้รู้สึกผิดที่ทำร้ายเย่วลี่อิง ต่อให้เขาฆ่านางตายคามือเขาก็เห็นว่าสมควรแล้ว

“ฝ่าบาททรงทำเยี่ยงนี้กับเย่วฮองเฮาได้อย่างไร”ไทเฮาหันมาตรัสกับบุตรชาย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel