ปรารถนา ที่ 3-2 การปรากฏตัวของน้องสาวบุญธรรม
“ชื่อเอ๋อร์”
“ท่านแม่!”
ทันทีที่บิดาปล่อยนางลงจากอ้อมกอด นางก็วิ่งโผไปหามารดาที่เพิ่งก้าวลงจากรถม้าทั้งน้ำตา
เด็กหญิงกอดมารดาเอาไว้แน่นด้วยความคิดถึงสุดขั้วหัวใจ มือเล็กๆ กำเสื้อมารดาแน่นราวกับกลัวว่าหากเผลอปล่อยมือ มารดาจะจางหายไปตลอดก่อน ริมฝีปากเบะออก ดวงตาแดงก่ำ ปล่อยโฮสะอึกสะอื้นปริ่มว่าจะขาดใจ
หลังจากข้าแต่งงานออกจากจวนไปได้เพียงสามปี มารดาก็เสียชีวิตลงเพราะร่างกายอ่อนแอผ่ายผอม ซึ่งหมอไม่อาจบอกได้ว่ามารดาป่วยเป็นโรคอะไร
“ลูกสาวแม่ร้องไห้ขี้แยเป็นเด็กๆ เชียว”
“ข้ารักท่านแม่เจ้าค่ะ”
ด้วยความสูงของเด็กหญิงนางจึงแนบใบหน้าชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาลงที่อกของมารดา
เสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอของมารดา กลิ่นกายหอมหวานที่คุ้นเคย และเนื้อตัวที่อบอุ่นจนทำให้หัวใจนุ่มฟู ทำให้หลี่เยว่ชื่ออยากจะหยุดเวลาแห่งความสุขไว้เพียงเท่านี้ตลอดไป
/ลูกน้อยของแม่ เจ้าคิดถึงแม่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ชื่นใจแม่เสียจริง/
‘หลี่ห่าวหราน’ ฮูหยินแห่งสกุลหลี่วางฝ่ามือนุ่มลงบนศีรษะของบุตรสาวก่อนจะลูบไปมาแผ่วเบาด้วยความรัก
“ชื่อเอ๋อร์มานี่เถอะ พ่อมีใครบางคนอยากแนะนำให้เจ้ารู้จัก”
ทันทีที่บิดาเอ่ยขึ้นเยว่ชื่อก็รีบปาดน้ำตาออกจากใบหน้ากลมป้อม นางกำลังจะเป็น ‘พี่สาว’ จึงไม่อาจให้น้องสาวเห็นหยาดน้ำตา นางต้องเข้มแข็งและปกป้องดูแลน้องสาวที่แสนอาภัพ
“ฟังพ่อนะชื่อเอ๋อร์”
บิดาทรุดเข่ายอบกายลงเพื่อให้ใบหน้าของตนเสมอกับใบหน้าของบุตรสาว ยามเมื่อพูดคุยเรื่องสำคัญเขามักจะทำเช่นนี้เสมอ เพื่อให้สายตาของเขาและบุตรสาวอยู่ในระดับเดียวกัน
“อย่างที่ลูกรู้ว่าพ่อกับแม่ของเจ้าเดินทางไปร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของสหายคนสนิทของพ่อ สหายกงและภรรยาของเขามาด่วนจากไปอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุเช่นนี้ พ่อจึงได้อาสาอุปถัมภ์บุตรสาวเพียงคนเดียวของพวกเขา ต่อไปนี้ ‘กงลี่อิน’ จะกลายเป็นน้องสาวของลูกนะ”
เมื่อพูดจบประมุขหลี่ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปจูงมือเด็กหญิงที่ยังคงนั่งรออยู่บนรถม้าให้ก้าวลงมา
เด็กหญิงที่อายุน้อยกว่าเยว่ชื่อเพียงหนึ่งปี รูปร่างเล็กบอบบาง ผิวขาวจัด ดวงตากลมโต เป็นเด็กที่มีหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ไม่ว่าใครเห็นก็ย่อมรู้สึกชื่นชอบตั้งแต่แรกพบ
และนางเองก็เช่นกัน ไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้ นางก็รู้สึกประทับใจกับการได้พบน้องสาวบุญธรรมในครั้งแรก
/นี่นะเหรอบุตรสาวของประมุขหลี่ ก็ไม่เท่าไหร่นี่!/
เสียงความในใจของผู้มาใหม่ที่ดังออกมา ทำให้เยว่ชื่อถึงกับนิ่งงัน ดั่งเลือดในกายเหือดแห้ง ราวถูกน้ำจากธารน้ำแข็งราดลงตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าจนชาวูบไปทั้งสรรพางค์กาย
คะ...ความคิดแบบนั้นมันคืออะไรกัน
“คารวะคุณหนูหลี่เยว่ชื่อเจ้าค่ะ ข้าน้อยมีนามว่ากงลี่อิน จากนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะเจ้าคะ”
ในชาติก่อนนางต้องต้อนรับอีกฝ่ายอย่างอบอุ่น และขอให้อีกฝ่ายเรียกนางว่า ‘ท่านพี่’ อย่างสนิทสนมแทนที่จะเรียกนางว่า ‘คุณหนู’ ซึ่งเป็นคำห่างเหินและบ่งบอกถึงฐานะที่แตกต่าง
ทว่า...
สิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ ทำให้เยว่ชื่อรู้สึกราวกับริมฝีปากของนางหนักอึ้งจนขยับไม่ได้ ดวงตากลมโตเบิกโพลง หัวใจเต้นแรงจนสั่นไปทั้งร่าง หูอื้อ ตาพร่ามัวจนมองเห็นภาพเบื้องหน้าไม่คมชัด
/ชื่อเอ๋อร์นิ่งเงียบไปเช่นนี้ข้าไม่สบายใจเลย หากนางต้อนรับน้องอย่างอบอุ่นก็คงจะดีไม่น้อย เพราะถึงอย่างไรทั้งสองคนก็มีสายเลือดเดียวกัน ล้วนเป็นบุตรสาวของข้าทั้งคู่ หากสนิทสนมกันได้ข้าคงมีความสุขไร้กังวล อีกทั้งดวงวิญญาณของอาเฟยคงตายตาหลับที่ข้ารับบุตรสาวของเรามาดูแลเช่นนี้/
เปรี้ยง!
ราวกับมีสายฟ้าผ่าลงกลางใจ หลี่เยว่ชื่อผงะถอยหลังไปหลายก้าวอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ด้วยไม่รู้ว่าจะตกใจกับเรื่องใดก่อนดี
กงลี่อิน คือ น้องสาวต่างมารดา!
บิดาแอบนอกใจมารดา!
บิดาแอบคบชู้กับภรรยาของสหายสนิท!
นะ...นี่มันอะไรกัน!
หลี่เยว่ชื่อเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำและความสับสนที่บีบรัดจนลมหายใจขาดห้วง ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะดับวูบลง ได้ยินเพียงเสียงของมารดาที่ร้องตะโกนเรียกนางเสียงดังลั่น
“ชื่อเอ๋อร์!”
