บท
ตั้งค่า

บทที่ 22 จัดการคู่แค้น 1/2

ฟงเหยาเหวินคิดคล้ายกับญาติผู้น้อง การเดินทางก่อนพวกนางสองคน ย่อมถึงที่หมายและวางแผนไว้ล่วงหน้าได้ “เอาตามที่เซียนเอ๋อร์บอกเถิด ถ้าไปถึงภูเขาผานหยูเยว่ก่อนสตรีสองคนนั่น พวกเราจะได้ซ่อนม้าและหาต้นไม้สูงเพื่อลอบโจมตีรถม้าทั้งสองได้สะดวก”

“ยังพอมีเวลาอีกหลายชั่วยาม พวกเราแยกย้ายกลับไปพักผ่อนสักหน่อย แล้วเจอกันปลายยามอิ๋นที่หน้าประตูเมือง” ฟงเสวี่ยหลินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง เพราะระยะทางที่ต้องไปนั้นใช้เวลาหลายชั่วยาม

“แล้วเจอกันขอรับ /เจ้าค่ะ”

เมื่อสี่พี่น้องเข้าใจแผนการแล้ว จึงกลับไปพักผ่อนอย่างที่ฟงเสวี่หลินเสนอมา เรื่องอาวุธย่อมไร้กังวลเพราะมีให้ใช้อยู่หลายอย่าง ส่วนม้าที่เป็นพาหนะของพวกเขา ล้วนเป็นม้าศึกพันธุ์ที่แข็งแรงและสามารถวิ่งได้ไกลนับร้อยลี้

ช่วงปลายยามอิ๋นมีคนทยอยมารออยู่หน้าประตูเมืองไม่น้อย บางคนคุ้นหน้าคุ้นตากับสี่พี่น้องจึงเอ่ยทักทายเช่นปกติ แต่มิได้พูดคุยอันใดมากไปกว่านั้น

จนกระทั่งประตูที่สูงใหญ่เริ่มเปิดกว้าง ม้าทั้งแปดตัวจากค่อย ๆ วิ่งเหยาะ ๆ ก็เริ่มเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นในพริบตา ซึ่งอีกหนึ่งเค่อต่อมารถม้าตระกูลเซิ่งและตระกูลหลีก็มาถึง เพื่อเดินทางออกจากเมืองหลวง

เนื่องจากเป็นม้าศึกที่แข็งแรง ทั้งแปดคนใช้เวลาในการเดินทางเพียงสองชั่วยาม ในที่สุดก็มาถึงเส้นทางก่อนถึงโค้งลงภูเขาผานหยูเยว่ ทุกคนช่วยกันสำรวจพื้นที่โดยรอบ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจว่าจะลงมือในระยะใดถึงจะเหมาะสม

ภายหลังหยางเฟิ่งเซียนเลือกได้แล้วว่า จะใช้ปืนยิ่งไปที่เพลารถม้าทั้งสองคัน และเสียงปืนย่อมทำให้ม้าตกใจวิ่งสะเปะสะปะ เหล่าพี่ชายย่อมแบ่งหน้าที่ในการดูลาดเลา ว่ารถม้าทั้งสองคันจะมาถึงยามใด พวกเขาจะช่วยส่งสัญญาณบอกญาติผู้น้องให้เตรียมตัว

หยางเฟิ่งเซียนให้หลี่เจินกับจ้าวหยู พาคนสนิทของญาติผู้พี่นำม้าไปซ่อนในที่ลับตา ส่วนพวกตนจะขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ โดยพี่ชายกับญาติผู้พี่กระจายไปตามต้นไม้ที่อยู่ห่างกันสองถึงสามจั้ง เป็นระยะที่สามารถมองเห็นสัญญาณได้พอดี

และแล้วเวลาที่หยางเฟิ่งเซียนรอคอยก็มาถึง หลังจากนางมาถึงผ่านไปครึ่งชั่วยามฟงเสวี่ยหลินเริ่มส่งสัญญาณเป็นคนแรก ตามมาด้วยฟงเหยาเหวินและหยางซิวเหรง ซึ่งยามนี้ในมือของหยางเฟิ่งเซียนกับพี่ชายฝาแฝด มีปืนยาวเตรียมพร้อมยิงรถม้าตามแผนที่วางไว้แล้ว

เมื่อรถม้ามาถึงบริเวณที่หยางเฟิ่งเซียนกำหนด เสียงจากปลายกระบอกปืนก็ดังสนั่นไปทั่วป่า

‘ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!’

กรี๊ดดด! ฮี้ ๆ ๆ “อ๊ายยย ช่วยด้วยยย พวกเจ้ารีบหยุดรถม้าสิ”

โครม! ฮี้ ๆ ๆ กุบกับ ๆ “แย่แล้วม้าตกใจเกินไปข้าบังคับมันไม่อยู่แล้ว”

“อ๊ายยย มันเกิดอะไรขึ้นกับรถม้าของข้ากันแน่ เจ้าพวกโง่รีบหาทางหยุดม้าเร็วเข้าสิ!”

“ว๊ากกก! เจ้าม้าพวกนี้ไม่เชื่อฟังแล้ว ขืนข้ายังอยู่บนรถม้าต้องตกเหวตายพร้อมคุณหนูแน่ ไม่อยู่แล้วโว้ยยย..” ตุบ อัก

เนื่องจากเสียงของอาวุธที่ดังสะท้อนไปทั่ว ม้าที่ตื่นตกใจไม่มีทางที่บ่าวไพร่จะบังคับกลับมาได้ และพวกมันวิ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความเร็ว เมื่อคิดจะเลี้ยวไปตามทางจึงเกิดแรงเหวี่ยง ทำให้เครื่องเทียมม้าเอียงไปตามแรงจนล้มกลิ้งหลายตลบ และร่วงลงไปด้านล่างหุบเหวข้างทาง

เพราะมัวแต่ตื่นตกใจไม่มีสติคิดหาทางเอาตัวรอด เซิ่งฟางเอินและหลีเยียนหรานที่อยู่ในรถม้า ทำได้เพียงแค่กรีดร้องเสียงหลงดิ่งลงไปก้นเหว จนเกิดเสียงกระแทกของรถม้าอยู่ด้านล่างจนเงียบหายไป

ตึ้ง! ตึ้ง! โพละ! โพละ!

“หึ หากพวกเจ้าแค่มีใจริษยาแต่ไม่ลงมือทำร้ายข้า คนอย่างหยางเฟิ่งเซียนย่อมไม่ทำร้ายผู้ใดกลับ เพราะยามใดที่ข้าลงมือไม่คิดปล่อยให้ผู้ใดรอด เพื่อกลับมาสร้างปัญหาให้ข้ากับคนรอบข้างอีก”

หยางซิวหรงที่เดินมายืนอยู่ข้างกายน้องสาว ย่อมมีจิตใจโหดเหี้ยมไม่แพ้กันกับเรื่องกำจัดคนคิดชั่ว “พวกนางสมควรได้รับสิ่งนี้แล้ว มีสตรีใดบ้างที่จะยืนหยัดอยู่กับความอัปยศได้ตลอดชีวิต”

“คิดจะให้เซียนเอ๋อร์ของพวกเราต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็น ช่างเป็นสตรีที่จิตใจชั่วร้ายหาที่ใดเปรียบ พวกเจ้าสมควรรับผลกรรมของตนแล้ว” ฟงเหยาเหวินเคยเห็นสตรีที่ถูกใส่ร้ายกับเรื่องเช่นนี้ พวกนางต่างฆ่าตัวตายหนีความอับอายทุกคน

ฟงเสวี่ยหลินเอ่ยเรื่องสตรีดอกบัวขาว รวมถึงบ่าวที่บังคับรถม้าของตระกูลหลีที่กระโดดหนีตายได้ทัน “สตรีเช่นนี้ยังมีอีกมากในเมืองหลวง พวกนางล้วนซ่อนความร้ายกาจไว้ภายใต้ใบหน้าที่อ่อนหวาน ส่วนสตรีที่เปิดเผยจริงใจกลับมีน้อยนัก เซียนเอ๋อร์เจ้าจะทำเช่นไรกับบ่าวของตระกูลหลีผู้นั้นหรือ”

“ไม่ต้องทำสิ่งใดเจ้าค่ะ ปล่อยให้กลับเข้าเมืองหลวงเช่นนั้นน่ะดีแล้ว เพราะบ่าวสองคนนี้สุดท้ายก็ต้องถูกฆ่าปิดปากอยู่ดี ไม่มีทางที่บิดาของพวกนางจะคิดใส่ใจหาตัวคนลงมือด้วยซ้ำเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นอีกครึ่งชั่วยามพวกเราค่อยกลับเข้าเมืองหลวง จะได้ไม่ดูผิดสังเกตจนเกินไปดีหรือไม่” หยางซิวหรงเอ่ยถามความเห็นกับทั้งสามคน

“ก็ดีนะ /ข้าก็ว่าดี /ย่อมฟังพี่ใหญ่เจ้าค่ะ”

ภายหลังพี่น้องฝาแฝดลงมือจัดการคู่แค้นเสร็จสิ้น จึงหาลำธารใกล้ ๆ นั่งรอเวลาเพื่อกลับเข้าเมืองหลวง แต่ใครจะคาดคิดว่าระหว่างรออยู่เงียบ ๆ กลับได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งคาดว่ามีไม่ต่ำกว่าห้าคนหยุดพักอยู่อีกด้านหนึ่ง

ที่สำคัญคนกลุ่มนี้ยังพูดถึงเรื่องสูตรการทอผ้าไหม โดยเจ้านายของคนทั้งห้าต้องการสูตรนี้ไปมอบให้ตระกูลของตน เพื่อให้การค้าของตระกูลมีกำไรและแบ่งกำไรที่ได้ มอบให้กับผู้ครองแคว้นที่ต้องการใช้ตำลึงเงิน ในการซื้อเสบียงจำนวนมากก่อนจะลงมือทำเรื่องใหญ่
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel