บทที่ 10 ในที่สุดก็มีมิติเหมือนมารดา 1/2
[อะ แฮ่ม ต่อไปจีจี้จะอธิบายถึงสิ่งที่อยู่ด้านในแล้วนะเจ้าคะ กล่องเล็ก ๆ ทั้งสี่จีจี้ใช้หยกดำหายาก ในการทำเป็นแหวนให้คุณชายกับคุณหนูรวมถึงคุณชายฟงทั้งสอง โดยด้านในแหวนทั้งสี่วงได้ใส่สิ่งจำเป็นมากมายเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร ยารักษาโรค ยาพิษหรือยาถอนพิษชนิดต่าง ๆ อาวุธร้ายแรงที่มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ซึ่งนายหญิงเคยสอนพวกท่านใช้ทั้งหมดไปแล้ว]
“ว้าว พี่ใหญ่นี่มันยอดเยี่ยมมากจริง ๆ เจ้าค่ะ ต่อไปยามเดินทางไปทำการค้าต่างแคว้น พวกเราย่อมมีอาวุธที่ร้ายกาจจัดการศัตรูได้ทันที ขอบคุณท่านแม่ ขอบคุณจีจี้ข้าชอบสิ่งนี้มาก”
“น้องเล็กพูดถูก อาวุธร้ายกาจพวกนี้ค่อยใช้ในยามอันตราย จะให้คนอื่นเห็นง่าย ๆ ไม่ได้เป็นอันขาด เหมาะกับการพกพาไปทำการค้าที่สุดแล้วล่ะ ขอบคุณท่านแม่กับจีจี้นะขอรับ ลูกก็ชอบสิ่งนี้เหมือนน้องเล็ก”
ซูอันยกยิ้มพอใจกับท่าทางของบุตรทั้งสอง แต่นางรู้ว่าจีจี้มิได้มีเพียงเท่านี้ที่จะมอบให้บุตรของนาง “จีจี้ เอาออกมาให้หมดเสียในคราวเดียวไม่ดีกว่าหรือ เจ้าจะหมกเม็ดเอาไว้เพื่ออันใดกัน”
[ไอหยา ยังคงเป็นนายหญิงที่รู้ทันจีจี้เช่นเคย ใช่เลยเจ้าค่ะสิ่งที่เตรียมไว้มิได้มีเพียงเท่านี้ ยังมีกระพี่พกขนาดสองฉื่อให้คุณชาย วัสดุทำจากเหล็กชั้นดีประดับด้วยหยกม่วง ความคมของกระบี่พกแค่ออกแรงตวัดเพียงสองส่วน ก็สามารถเชือดคอให้ขาดลึกไปหลายชุ่น
ในส่วนของคุณหนูเป็นปิ่นปักผมทำจากเหล็กขาว เมื่อจับหัวปิ่นดึงออกมาจะเป็นมีดสั้นอันคมกริบเช่นกัน สามารถใช้ในการลอบทำร้ายหรือลอบสังหารได้ดี ยังมีอีกหนึ่งอย่างของคุณหนูนั่นก็คือแส้เหล็กอันบางเฉียบ มีน้ำหนักเบาปลายแส้ฝังใบมีดขนาดเล็กทุก ๆ สามปล้อง สามารถสร้างบาดแผลและตัดเส้นเอ็นได้ในพริบตาเจ้าค่ะ]
หยางเฟิ่งเซียนได้ฟังจีจี้พูดถึงอาวุธของตน ยิ่งชื่นชอบความรู้ใจนี้มากกว่าเดิมหลายเท่า “โอ้ยยย ท่านแม่เหตุใดจีจี้ถึงได้รู้ใจลูกเช่นนี้เจ้าคะ มีทั้งอาวุธต่อสู้ในระยะประชิด ไหนจะแส้เหล็กใช้ต่อสู้ในระยะไกล ล้วนใช้สังหารคนได้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว”
“กระบี่พกชิ้นนี้ความคมของมันไม่อาจดูเบาได้จริง ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์กับลูกและน้องเล็กทั้งสิ้นนะขอรับท่านแม่”
“พวกลูกชอบก็ดีแล้ว แต่ต้องใช้มันอย่างระมัดระวังด้วยล่ะ ในเมื่อพวกเจ้ารับปากแล้วว่าจะทำการค้าให้เจริญรุ่งเรือง ดังนั้นจงใช้สิ่งที่แม่มอบให้ปกป้องตนเองและการค้า
หากวันหนึ่งพวกเจ้าพบเจอเรื่องใหญ่เกินจะรับมือได้ อย่าลืมว่าข้างหลังพวกเจ้ายังมีพ่อและแม่ ที่พร้อมจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเสมอ อย่าได้อวดเก่งนั่นมิใช่ความคิดของคนฉลาด เข้าใจที่แม่พูดหรือไม่”
สองพี่น้องมองหน้ากันเป็นอันเข้าใจ ว่าสิ่งที่มารดาสั่งสอนนั้นเป็นสิ่งที่สมควรที่สุดแล้ว “ลูกกับน้องเล็กจดจำเอาไว้แล้วขอรับ พวกเราจะไม่อวดเก่งจนถูกมองว่า แก้ไขปัญหาด้วยวิธีอันโง่เขลาแน่นอนขอรับ”
หยางเฟิ่งเซียนนึกถึงเรื่องที่พูดคุยกับพี่ชายทั้งสามก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ “ลูกก็จดจำคำสอนของท่านแม่ไว้แล้วเจ้าค่ะ เอ่อ ท่านแม่เจ้าคะลูกมีเรื่องอยากปรึกษาสักเล็กน้อย เกี่ยวกับงานเลี้ยงของญาติผู้พี่เจ้าค่ะ”
ซูอันเห็นสีหน้าของบุตรสาวเปลี่ยนไป จึงสงสัยว่าเรื่องที่บุตรสาวอยากปรึกษาคืออะไรกันแน่ “เซียนเอ๋อร์อยากปรึกษาอันใดหรือ ลองบอกแม่มาเถิดจะได้ช่วยกันแก้ไขเสียแต่เนิ่น ๆ”
“ลูกคิดว่างานเลี้ยงของญาติผู้พี่ในวันมะรืน อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเป็นแน่ ซึ่งสาเหตุคงไม่พ้นความอิจฉาริษยาของคุณหนูทั้งหลาย หรือคนที่เกลียดชังลูกไม่ว่าจะเป็นเรื่องอันใดก็ตาม
ลูกจึงอยากถามความเห็นของท่านแม่ว่า พอจะมีเครื่องมือที่เราสามารถใช้สอดส่องผู้คนในงาน โดยไม่ทำให้พวกเขารู้สึกผิดสังเกตบ้างหรือไม่เจ้าคะ ลูกกับพวกพี่ชายจะได้ระวังตัว ไม่ตกเป็นผู้ถูกกระทำตามแผนสกปรกของคนเหล่านั้นให้อับอายเจ้าค่ะ”
[เรื่องง่าย ๆ เช่นนี้ยกให้เป็นหน้าที่ของจีจี้เองเจ้าค่ะนายหญิง]
ซูอันถึงกับถามจีจี้ทันทีเมื่อได้ยินว่าผู้ช่วยของตนมีวิธีจัดการ “หือ เจ้าคิดจะใช้สิ่งใดช่วยบุตรหลานของข้าหรือจีจี้ ไหนลองบอกพวกเรามาสิกับแผนการของเจ้าน่ะ”
[ง่ายมากเจ้าค่ะ จีจี้จะใช้กล้องวงจรปิดติดไว้ให้ทั่วทุกจุดในจวนตระกูลฟง ส่วนนายหญิงกับคุณชายและคุณหนู ก็ใส่หูฟังไว้รอจีจี้รายงานสถานการณ์ให้ทราบ หากมีกลุ่มคนคิดจะวางแผนกลั่นแกล้งคุณหนูอย่างไรล่ะเจ้าคะ]
ซูอันพยักหน้าช้า ๆ อย่างเห็นด้วยกับวิธีนี้ เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าจีจี้จะวางกล้องไว้ตรงจุดไหนบ้าง “ดีมากจีจี้ ข้าอนุญาตให้เจ้าทำตามแผนนี้ได้ทันทีที่ไปถึงตระกูลฟง ส่วนพวกลูกสองคนคอยรับอุปกรณ์จากแม่ ก่อนจะลงจากรถม้าเมื่อไปถึงที่นั่นก็แล้วกัน”
หยางเฟิ่งเซียนได้รับการช่วยเหลือก็สบายใจ เมื่อตนไม่ต้องคอยใช้สายตาสอดส่องไปทั่วงาน “ขอบคุณท่านแม่มากเจ้าค่ะ เจ้าด้วยนะจีจี้ เช่นนั้นตอนนี้ลูกขอไปทดลองใช้อาวุธใหม่สักหน่อยนะเจ้าคะ ครั้งต่อไปจะได้ใช้อย่างคล่องมือพี่ใหญ่ไปที่สนามฝึกกันเถิดเจ้าค่ะ”
และซูอันย่อมรู้ใจบุตรทั้งสองของตนเช่นกัน “ไปเถิด ระวังอย่าให้บาดเจ็บก็แล้วกัน ส่วนของญาติผู้พี่พวกเจ้าแม่จะเก็บไว้ และค่อยนำไปมอบให้ในงานเลี้ยงที่ตระกูลฟงเอง”
“ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะท่านแม่”
“ลูกขอตัวก่อนขอรับท่านแม่”
สองพี่น้องมีของวิเศษสวมไว้ที่นิ้วมืออย่างพอดี พร้อมกันนี้ยังถืออาวุธที่เพิ่งได้รับตรงไปยังลานฝึก เพื่อทดลองใช้ให้คล่องมือของตนโดยเร็ว ยามเผชิญหน้าศัตรูจะได้ไม่ติดขัดยามต่อสู้ ที่ฝาแฝดสองตระกูลมีนิสัยกล้าได้กล้าเสียเหมือนกัน ล้วนเป็นผลมาจากการสั่งสอนของซูอันทั้งสิ้น