บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ฝาแฝดหยาง-ฟง 1/1

ตั้งเริ่มก่อตั้งตระกูลจินและทำการค้าเกี่ยวกับผ้าไหม จนกระทั่งได้รับตำแหน่งตระกูลอันดับหนึ่ง ที่ได้รับการไว้วางพระราชหฤทัยจากฮ่องเต้ ในด้านการส่งผ้าไหมลวดลายต่าง ๆ ให้กับกองภูษา เพื่อใช้ในการตัดเย็บเป็นชุดฉลองพระองค์ นับแต่นั้นก็ไม่มีตระกูลใดสามารถโค่นล้มตระกูลจินได้

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อบุตรสาวตระกูลจินทั้งสองคน ได้เกี่ยวดองกับตระกูลขุนนางใหญ่อย่างตระกูลหยาง ที่มีแม่สามีเป็นถึงองค์หญิงใหญ่แล้ว ตระกูลฟงก็มิได้น้อยหน้าเพราะเป็นตระกูลแม่ทัพของแคว้นเป่ยชาง บุตรชายบุตรสาวล้วนมีความสามารถไม่เป็นรองผู้ใด

ภายหลังลูกสะใภ้ของสองตระกูลให้กำเนิดทายาท ซึ่งเป็นบุตรฝาแฝดยิ่งสร้างความอิจฉาต่อผู้คนอีกเท่าตัว เนื่องจากฝาแฝดจากตระกูลหยางเป็นแฝดหงส์มังกร จึงเป็นที่รักใคร่ของฮ่องเต้และรัชทายาท ยิ่งไปกว่านั้นฝาแฝดจากจวนแม่ทัพฟง ก็ได้รับพระเมตตาจากอานิสงส์ของฝาแฝดที่เป็นญาติผู้น้องไปด้วย

นอกจากนี้ฝาแฝดทั้งสี่ยังเป็นพระสหาย ที่องค์ชายเจิ้งหลงโอรสในพระชายาเอกของรัชทายาท แต่กลับเป็นศัตรูคู่กัดกับองค์ชายเฉิงหานและองค์หญิงเจิ้นอี้ ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งทั้งหมดเติบโต

เมื่อทั้งหมดอายุได้สิบหนาวนั้น เกิดเหตุการณ์ปะทะคารมที่ถือว่ารุนแรง เกินกว่าจะเป็นเรื่องล้อเล่นทั่วไป เนื่องจากองค์ชายเฉิงหานกับองค์หญิงเจิ้นอี้ มักจะเป็นฝ่ายหาเรื่องฝาแฝดสี่น้องเสมอ

“นี่ พวกเจ้าสองพี่น้องไม่รู้จักเข็ดหลาบหรืออย่างไร จะอิจฉาริษยาข้ากับพี่ชายไปถึงเมื่อใดกัน” หยางเฟิ่งเซียนที่ยืนประจันหน้าเอ่ยด้วยความระอาใจ

“หึ หยางเฟิ่งเซียนเจ้ากล้าพูดจาไม่มีมารยาทกับข้า ที่เป็นถึงองค์ชายของเชื้อพระวงศ์เชียวรึ”

“ทำไมน้องสาวของข้าจะพูดเช่นนี้ไม่ได้ ในเมื่อเป็นรับสั่งจากเสด็จปู่ที่ประทานอนุญาต ว่าข้ากับน้องสาวไม่จำเป็นต้องใช้คำชาศัพท์กับพวกเจ้า หรือแม้แต่องค์ชายองค์หญิงที่เป็นพระนัดดาเช่นพวกเจ้าสองคน”

ฟงเสวี่ยหลินย่อมปกป้องเข้าข้างญาติผู้น้องของตนเช่นกัน “ที่ญาติผู้น้องของกระหม่อมกล่าวนั้นถูกต้องแล้ว หากองค์ชายเฉิงหานกับองค์หญิงเจิ้นอี้ไม่พอใจ ก็เชิญไปทูลฟ้องฮ่องเต้เอาเองเถิด แล้วมาดูกันว่าใครกันแน่ที่จะถูกลงโทษพ่ะย่ะค่ะ”

“กรี๊ดด! พวกเจ้าบังอาจเกินไปแล้ว วันนี้ข้าจะให้คนสั่งสอนพวกเจ้าให้เข็ด” องค์หญิงเจิ้นอี้ไม่เคยแก้ไขนิสัยตนเอง เพราะมารดาที่เป็นอนุชายาไม่เคยสั่งสอนในทางที่ดี

แต่การทะเลาะวิวาทในครั้งนี้นั้น กลับมีท่านอ๋องสี่อย่างเป่ยชางเว่ยเฉวียน ทรงได้ยินคำพูดทุกคำอย่างชัดเจน และท่านอ๋องสี่ก็ทรงชื่นชมฝาแฝดผู้เป็นหลาน และฝาแฝดจากจวนตระกูลฟงอีกพระองค์

“หยุด! เกิดอันใดขึ้นระหว่างพวกเจ้า เหตุใดถึงได้ใช้วาจาโอหังคิดจะสั่งลงโทษผู้ใดตามใจชอบเช่นนี้”

เด็กทั้งเจ็ดคนเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดที่เข้ามาในศาลา ก็โน้มตัวทำความเคารพตามลำดับอาวุโสทันที

“ถวายบังคมเสด็จอาพ่ะย่ะค่ะ /เพคะ”

“ถวายบังคมท่านอ๋องสี่พ่ะย่ะค่ะ”

“อืม บอกกับเปิ่นหวางมาสิว่าครั้งนี้ทะเลาะกันเรื่องอันใดอีก ถึงได้ส่งเสียงดังถึงขั้นจะสั่งให้มีการลงโทษตามอำเภอใจ”

องค์ชายเฉิงหานชิงตอบก่อนผู้ใด “ทูลเสด็จอาเจ้าฝาแฝดสองคนนี้ ใช้วาจาไม่ให้ความเคารพกับหลาน ทั้งยังแอบอ้างรับสั่งของเสด็จปู่ หลานแค่จะสั่งสอนพวกมันให้หลาบจำพ่ะย่ะค่ะ”

“เหลวไหล! เจ้าก็โตแล้วนะเฉิงหาน เปิ่นหวางไม่เชื่อว่าพระดำรัสของเสด็จปู่เจ้า ที่มีให้กับพี่น้องตระกูลหยางเจ้าจะไม่รับรู้ ทั้ง ๆ ที่ผู้คนทั่ววังหลวงหรือแม้แต่นอกวัง ยังรู้ว่าสองคนนี้มีสิทธิ์เทียบเท่าเชื้อพระวงศ์

แต่เจ้ากับน้องสาวยังบังอาจไม่เชื่อฟัง กล้าหาเรื่องพวกเขาอยู่ร่ำไป เหตุใดไม่ยอมรับความจริงเสียบ้าง ว่าพวกเจ้าความสามารถไม่อาจเทียบพวกเขาได้ และควรปรับปรุงแก้ไขที่ตนเองมิใช่กล่าวโทษผู้อื่นเช่นนี้”

องค์ชายเจิ้งหลงไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต จึงขอให้ท่านอ๋องสี่อย่าโกรธเคืองการกระทำของพี่น้องต่างมารดา “เสด็จอาอย่าได้ทรงกริ้วกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้เลย ถึงเฉิงหานกับเจิ้นอี้จะสั่งนางกำนัลหรือขันทีให้ลงมือ พวกเขาย่อมไม่กล้าทำตามอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ

พวกหลานเองก็มิได้ถือโทษอันใด ที่ทั้งสองคนมักจะแสดงท่าทีเช่นนี้อยู่แล้ว จึงเป็นการโต้เถียงด้วยคำพูดตามประสาเท่านั้น เสด็จอาอย่าทรงเป็นกังวลให้ไม่สบายพระทัยเลยพ่ะย่ะค่ะ”

ท่านอ๋องสี่ถึงกับถอนพระทัยหนัก ๆ กับสิ่งที่พระนัดดาทั้งสองได้กระทำ ไม่ว่าการทะเลาะจะเกิดขึ้นสักกี่ครั้งก็ไม่เคยหลาบจำ

“เฮ้อ ยังคงเป็นเจิ้งหลงสินะ ที่เข้าใจสถานการณ์และไม่เก็บมาใส่ใจ เอาล่ะนี่ก็ถึงเวลาที่ทั้งสี่คนต้องกลับจวนแล้ว ป่านนี้รถม้าคงมารออยู่ที่หน้าประตูวังหลวงอยู่นาน พวกเจ้ารีบไปเถิดเรื่องวันนี้ก็ให้แล้วกันไป”

“ขอบพระทัยเสด็จอาหลานทูลลาพ่ะย่ะค่ะ /เพคะ”

“กระหม่อมสองคนทูลลาเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”

หยางเฟิ่งเซียนเดินออกไปด้วยท่าทางสง่างาม ส่วนพี่ชายทั้งสามก็มีท่าทางองอาจสมเป็นชายชาตรี แต่หยางเฟิ่งเซียนกลับหันมามองคู่อริอีกครั้ง ไม่เพียงเท่านั้นยังแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ทั้งสองอีกครั้ง ซึ่งไม่ลืมกล่าวคำทิ้งท้ายโดยไม่มีเสียงอีกว่า ‘พวกเจ้าโดนทำโทษแน่’

เพราะท่านอ๋องสี่ยืนหันหลังให้กับพี่น้องฝาแฝด จึงไม่เห็นการกระทำนั้นของหยางเฟิ่งเซียน เมื่อสองพี่น้องคิดจะฟ้องสิ่งที่นางทำ ก็พบกับสายตาดุ ๆ และมีคำสั่งให้กลับตำหนักไปเสีย แต่ในที่นี้ยังมีอีกคนที่เห็นคำล้อเลียนของญาติผู้น้อง ก็คือองค์ชายเจิ้งหลงที่เชื่อว่าคำพูดของหยางเฟิ่งเซียนย่อมเป็นจริงแน่นอน
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel