PROLOGUE ยอมถูกเอาเปรียบ (1/2)
‘ตอนนี้หนี้ครัวเรือนกำลังพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์... ทำให้ธนาคารต้องยึดทรัพย์และยังมีหลายคนยื่นเป็นบุคคลล้มละลาย...’
ท้องฟ้าสีครามราวกับมหาสมุทรที่ยากจะหยั่งถึงเฉกเช่นจิตใจมนุษย์ เมื่อความมืดถูกปกคลุมไปทั่วทิศทาง ผู้ชายร่างสูงร้อยแปดสิบกว่าตามมาตรฐานชายไทยสวมแมส หมวกแก๊ปและแว่นดำอำพรางใบหน้า เขาหยุดยืนมองจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่บนตึกสูงที่แสดงbreaking newก่อนจะเปลี่ยนเป็นโฆษณายาต้านฮีตโดยพรีเซนเตอร์ชื่อดังครู่หนึ่งแล้วเดินเข้ามาในคอนโดมิเนียมสุดหรู สายตาเหลือบไปเห็นพนักงานกำลังขับไล่โอเมก้าขอทาน ผมดึงแมสขึ้นเพื่อปิดบังใบหน้ามากยิ่งขึ้น เขามองซ้ายแลขวา เดินหลบเลี่ยงผู้คนด้วยเหตุผลง่ายๆ กลัวกลิ่นฟีโรโมนจะออก เพราะแบบนี้แหละเขาถึงต้องมาที่นี่ในคืนนี้ ทั้งที่ท่าทางของเขาน่าสงสัยเอามากๆ ทว่านี่เป็นยามวิกาลจึงไม่เป็นจุดสังเกตเนื่องจากทุกคนมั่นใจในความปลอดภัยของคอนโดแห่งนี้ เขาจึงสามารถลอบเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้าลิฟต์มากดชั้นที่ต้องการพร้อมแนบคีย์การ์ดกับแถบคอนโทรล ลิฟต์ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปพร้อมกับจังหวะหัวใจที่เต้นแรง วูบวาบ เหงื่อซึมตามผิวหนังภาวนาให้ลิฟต์ถึงชั้นที่ต้องการเร็วๆ
เขาเดินมาหยุดหน้าห้อง แนบคีย์การ์ดกับแถบคอนโทรลของประตูอัตโนมัติพลางมองอย่างระแวงระวังแม้ชั้นนี้จะมีเพียงแค่สองห้องก็ตาม
“เชี่ย! มึงใครเนี่ย”
โอเมก้าหนุ่มชักสีหน้าไม่พอใจ เมื่อเห็นอาการแสร้งตกใจของอัลฟ่าตรงหน้า
“ตลกเหรอสัตว์”
ภีมดึงหมวกแก๊ป แมส และแว่นตาดำออกทันที เขาสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่หลังจากที่เมื่อครู่หายใจไม่ทั่วท้องเลย แต่พัฒน์กลับหัวเราะเป็นคำตอบ
“มึงคงถ่ายซีรีส์เยอะไปสินะ ถึงได้พรางตัวมาแบบนี้เนี่ย ไม่รู้หรือไงว่ามันน่าสงสัยกว่าเดิม”
อัลฟ่าผู้สูงศักดิ์อย่างมึงไม่มีวันเข้าใจโอเมก้าที่ต้องหลบซ่อนตัวอย่างกูหรอก ถึงแม้จะถูกเลื่อนชนชั้นเพราะเหตุผลพิเศษ แต่มันก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิดเลย... ผมทำได้แค่คิดอยู่ในใจไม่กล้าพูดออกไป
“มึงไม่เป็นกูไม่รู้หรอก ไปเอาน้ำมาดิ”
ภีมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆ พัฒน์ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผากค่อยๆ แห้งเหือดไปเมื่อได้รับลมเย็นๆ ที่พัดมาจากเครื่องปรับอากาศ
“เหนื่อยเหรอ มากอดๆ”
พัฒน์รวบร่างภีมที่ถึงแม้จะมีกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย แต่เขาก็ยังดูตัวเล็กอยู่ดีเมื่อเทียบกับคนตัวโตที่สูงถึงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรโอบร่างเขาจนแทบมิดอ้อมกอด
“รู้ว่าเหนื่อยก็ยังจะเล่นอีก ไปเอาน้ำมา!” ภีมขึ้นเสียงบิดเนื้อด้านหลังจนพัฒน์ยอมปล่อย ไม่ใช่เพราะเจ็บหรอก แค่อยากตามใจเมียเท่านั้นเอง
“เหนื่อยแบบนี้เป่าเป้ยจะไหวเหรอ” พัฒน์พูดหยอกล้อ แม้รู้ดีว่าจะทำให้ภีมโมโหแค่ไหนกับสรรพนามที่เขาใช้เรียก
“เป่าเป้ยพ่อง!”
พัฒน์หัวเราะในลำคอพลางรินน้ำใส่แก้ว เดินมายื่นให้สุดที่รักของเขา ก่อนจะนั่งลงบีบนวดไล่จากต้นแขนมายังต้นขา บีบตรงนั้นซ้ำๆ ซึ่งทำให้ภีมขนลุกซู่ยิ่งอยู่ในช่วงฮีตด้วยแล้วยิ่งต้องจิกเล็บกับฝ่ามือเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ เขาไม่อยากทำตัวเหมือนพวกติดสัด แต่คนข้างๆ กลับแกล้งเขาอยู่นั่นแหละ
“วันนี้เป็นไงบ้าง…” พัฒน์ถามเสียงหวาน
“ก็เหมือนเดิม…” สมเพชตัวเองเหมือนเดิม…
พอคิดถึงกลิ่นเฉพาะตัวของใครอีกคนแล้วเขาก็โผเข้ากอดพัฒน์ทันที
“กอดหน่อย…” อัลฟ่าหนุ่มคลี่ยิ้มเอ็นดูแล้วโอบกอดคนที่ตัวเล็กกว่าพลางลูบหัวเบาๆ เขารู้ดีว่าภีมเป็นอะไรโดยไม่ต้องถามสักคำ เขารู้สถานการณ์ของภีมทุกอย่าง
“ถึงจะเกลียดหมอนั่น แต่ก็ขอบใจมันนะที่ทำให้มึงต้องการกูแบบนี้”
ภีมกอดพัฒน์แน่นขึ้น สูดดมกลิ่นหอมจากตัวพัฒน์ทำให้เขาลืมกลิ่นเฉพาะตัวของคนอื่นไปได้ชั่วคราว... แม้จะรู้สึกผิดที่ใช้ความรักของพัฒน์เป็นข้อต่อรองทำลายชีวิตคนอื่น…
แถมพัฒน์ยังยอมเสียเปรียบ ทั้งที่โดยปกติเขาจะไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาเอาเปรียบง่ายๆ แต่เพราะเป็นภีม เขาจึงยอม… ยอมเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ตอนภีมฮีต ยอมแม้กระทั่งปิดเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นความลับ…ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสนิททั้งสองคน
ภีมอาจจะไม่รู้ว่าแฟนคลับคนแรกของตัวเองคือพัฒน์…
“ต้องการอะไรอีกมั้ยครับ”
ภีมดันคนตัวโตออก มองพัฒน์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยราคะ ขนลุกชันเป็นตอ จนทำให้คนถูกมองคลี่ยิ้มลูบหัวเขาเบาๆ รออีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยบางสิ่งที่อยากได้ยิน
“ต้องการมึง”
