CHAPTER 3 ซ้อมบทเลิฟซีนกับพัฒน์ (2/3)
“งั้นก็มาเริ่มกันเลย ในฉากพระนายจะนั่งดื่มเหล้ากัน จูบกัน แล้วไปเอากันในห้องน้ำของผับใช่มั้ย”
“ชะ ใช่” สิ้นเสียงอันสั่นเทาของผม พัฒน์เดินมานั่งที่เก้าอี้ทรงสูงตัวข้างๆ เขามองลึกเข้ามาในตาผมราวกับได้สวมบทเป็นพระเอกในเรื่องแล้ว ฝ่ามือหนายื่นมาสัมผัสแก้มของผมใช้นิ้วโป้งลูบไปมา ผมรู้สึกใจวาบหวิวอย่างบอกไม่ถูกคงเป็นเพราะไม่เคยตื่นเต้นขนาดนี้ ใบหน้าหล่อนั้นที่ค่อยๆ เข้ามาใกล้ทำให้ผมหัวใจเต้นแรงมากขึ้นและละสายตาจากเขาไม่ได้เลย ผมกำมือแน่นจนรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว ทว่าก็เอียงหน้ารับริมฝีปากที่ทาบทามลงมา มันทั้งนุ่มและอบอุ่นชวนให้ท้องไส้ปั่นป่วน อยู่ๆ ผมก็รู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังพุ่งพล่านอยู่ในร่างกาย ฝ่ามืออีกข้างขยับเข้ามาโอบเอวผมเอาไว้ ทุกสัมผัสของเขาทำผมแทบคลุ้มคลั่งเผลอตอบสนองความต้องการของตัวเองโดยการจูบตอบอย่างดูดดื่ม ต่างฝ่ายต่างแลกลิ้นและน้ำลายเยิ้มออกจากปาก ในขณะที่ผมกำลังเคลิบเคลิ้มกับจูบอันดูดดื่มนั่นมารู้ตัวอีกทีฝ่าเท้าก็ก้าวถอยหลังไปทีละก้าวราวกับถูกเขาไล่ต้อนจริงๆ
แผ่นหลังของผมแนบชิดกับผนังแล้วพัฒน์ก็ผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งแล้วเคลื่อนศีรษะลงมาที่ซอกคอ ผมเผลอสะดุ้งเล็กน้อยกับริมฝีปากอุ่นๆ ที่ไม่คุ้นเคย ในขณะที่สติของผมช่างเลือนลางแต่เหมือนพัฒน์จะยังคงอยู่ในบท เขาจับฝ่ามือของผมให้วางลงบนผมของเขา และผมก็รู้ได้ทันทีว่าควรทำอย่างไรต่อไป ผมสอดนิ้วเข้าไปในเส้นผมหนานุ่มนั้นก่อนจะขยำราวกับต้องการปลดปล่อยอารมณ์บางอย่าง ทว่าตอนนั้นเองผมกำลังสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ต้นขาและเป็นจังหวะเดียวกับที่พัฒน์ดันตัวเองออกจากตัวผมแล้วถอยห่างออกไปราวกับจะบอกว่าการซ้อมบทได้สิ้นสุดลงแค่นี้ กระนั้นผมกลับรู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้ลอยค้างกลางอากาศที่หนาวเหน็บ ติดอยู่ในภวังค์จึงต้องสลัดหัวแรงๆ เพื่อดึงตัวเองกลับมาสู่ความเป็นจริง แต่มันไม่ได้ผลเลยความต้องการกลับสูงขึ้นเลยจนต้องจิกมือจิกเท้าตัวเองเพื่อนสะกดกลั้นอารมณ์เพราะสีหน้าพัฒน์ไม่สู้ดีเลย
“มึงกำลังฮีต เดี๋ยวกูไปซื้อยาให้” พัฒน์พูดรัวเร็วก่อนจะเดินออกจากห้องไปในทันที ทิ้งให้ผมยืนอึ้งอยู่กับตัวเอง
ไม่จริงน่า... แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่ผลออกมาเป็นแบบนี้...
หลายวันต่อมา
“ไม่เห็นพัฒน์หลายวันแล้วนะ”
ผมเอ่ยถามนิวตันและอะตอมระหว่างทานข้าวกลางวันกันที่โรงอาหารคณะ ขณะที่วันนี้มีเรียนรวมแต่พัฒน์ก็ไม่ได้มาเรียน แถมยังติดต่อไม่ได้อีกต่างหาก ที่สำคัญพรุ่งนี้เป็นวันแคสติ้งซีรีส์ด้วย เขาจะไม่มาเหรอ
“ไม่รู้เป็นไรของมัน แปลกๆ ตั้งแต่วันก่อนล่ะ” นิวตันว่า ผมจึงเลิกคิ้ว
“แปลกยังไง”
“ก็…คืนที่เราไปฉลองเพราะได้คะแนนโฆษณาเต็มที่ผับใช่มั้ย วันนั้นมัน…”
ผมนึกไปถึงวันที่เราได้คะแนนวิชาการตลาดเต็ม วันนั้นนิวตันชวนพวกเราไปเที่ยวผับกันเพื่อฉลอง แต่ผมไม่ได้ไปเพราะอย่างที่รู้ๆ ว่าผมไม่มีเงินเยอะขนาดจะไปเที่ยวเล่นได้ จึงออกปากปฏิเสธ ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เห็นพัฒน์มาเรียนอีกเลย เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่านะ
“ทำไมเหรอ”
“คืนนั้นมีผู้หญิงมาขอต่อโต๊ะกับพวกเรา เราก็จอยๆ กันใช่มั้ย แล้วสาวหนึ่งในนั้นคงเมาและชอบมันมากเลยจูบมันเข้า ตอนแรกมันก็ไม่ได้อะไรนะ แต่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ มันก็ผลักออก แล้วดึงเธอกลับไปจูบใหม่ก่อนจะผลักออกอีกครั้ง ทำเอางงกันทั้งโต๊ะ”
“เหรอ…” ผมกำกระเป๋าในมือแน่นเมื่ออดนึกถึงเรื่องคืนนั้นที่ซ้อมบทกับเขาไม่ได้แล้วอยู่ๆ แรงบีบอัดที่หัวใจก็ทำเอาผมเจ็บ... ไม่รู้ว่าทำไม
“เออ มึงว่าแปลกมั้ยล่ะ”
“แปลก”
“แล้วก็อย่างที่เห็นหลังจากคืนนั้นก็ไม่เห็นมันอีกเลย ไม่รู้เป็นบ้าอะไร”
“เพราะมันทำตัวแปลกๆ เลยพยายามหลบหน้าพวกเราหรือเปล่า” อะตอมกล่าว
“หน้าอย่างมันอายเป็นด้วยเหรอ”
“ใครจะไปรู้นอกจากเจ้าตัว” นิวตันทำหน้าฉงนก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาข้อมือแล้วรีบยัดข้าวเข้าปาก
“ช่างเรื่องแม่งมันก่อน คาบเรียนต่อไปจะเริ่มล่ะ ขืนไปสายกูโดนเฉือนแน่”
เมื่อใกล้เวลาเริ่มเรียนคาบบ่าย เราสามคนจึงรีบตักข้าวเข้าปากโดยไม่พูดอะไรต่ออีก
เช้ารุ่งขึ้น
ผมยืนเงยหน้าขึ้นมองตึกสูงซึ่งเป็นตึกของบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ของประเทศสถานที่แคสติ้งซีรีส์ในวันนี้ ก่อนที่ผมจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกแรงใจ ก้าวเดินไปแลกบัตรเพื่อขึ้นตึก บรรยากาศเดิมๆ ได้กลับมาอีกครั้ง มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยที่มาแคสติ้งในวันนี้ แต่มีไม่กี่คนหรอกที่จะได้เป็นดาว ผมก้าวเข้าไปในลิฟต์พร้อมทุกคนเมื่อมันเปิดออก ทว่าในขณะที่กำลังจะกดปิดลิฟต์กลับมีเสียงหนึ่งแทรกขึ้น
“รอด้วยครับ!”
เมื่อเห็นชายร่างสูงคุ้นตาที่คิดว่าคงจะไม่ได้เจอเขาในวันนี้แล้ว แต่ตอนนี้กลับเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้า ทำเอาผมอดยิ้มกว้างออกมาไม่ได้
“พัฒน์”
เขาก้าวเข้ามายืนข้างๆ ผมแล้วประตูลิฟต์ก็ปิดลง
“คิดว่ามึงจะไม่มาซะแล้ว” ผมถามด้วยรอยยิ้มแต่คนตรงหน้ากลับทำหน้าเบื่อโลกซะเต็มประดา
“ตอนแรกก็ว่าจะไม่”
“แล้วทำไมถึงมาล่ะ” ผมเลิกคิ้วถามแต่เขากลับมองหน้าผมแล้วเบนสายตาไปทางอื่นราวกับต้องการปกปิดบางอย่าง
“ว่าง”
“กูดีใจนะที่มึงมา ไม่ได้เจอมึงตั้งหลายวัน คิดถึงนะเนี่ย” ผมพูดติดหัวเราะ ทว่าเขากลับจ้องหน้าผมนิ่งราวกับต้องการค้นหาบางอย่าง
“หน้ากูมีอะไรติดอยู่เหรอ” สิ้นคำถามนั้นเขาจึงเบนสายตาไปทางอื่นทันที "หรือได้กลิ่นจากตัวกู"
ประโยคนี้ผมกระซิบข้างหูมันเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองเป็นโอเมก้าผมก็ตัดสินใจที่จะเก็บมันเป็นความลับเพราะชนชั้นรากหญ้าอย่างเราไม่มีวงการไหนต้อนรับหรอก โดยเฉพาะวงการบันเทิง ถ้าผมอยากสำเร็จเรื่องนี้ต้องไม่มีใครรู้ ผมจึงอัดยาต้านฮีทมาหลายเม็ดแบบจัดเต็มเลย
“เปล่า แค่มองหมา” อ้าวไอ้นี่ อยู่ดีๆ ก็มาว่ากันเฉย เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยวเลย แต่ก็รู้ดีว่าทำแบบนั้นไม่ได้จึงจำต้องสงบปากสงบคำเอาไว้ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูลิฟต์เปิดที่ชั้น 27 พอดี ด้านล่างว่าคนเยอะแล้วด้านบนคนเยอะกว่า ผู้คนต่างนั่งรอพร้อมหมายเลขแปะที่หน้าอก ผมเดินตามคนอื่นๆ ไปจนเจอโต๊ะลงทะเบียน
“คนเยอะเหมือนกันแฮะ” พัฒน์มองไปรอบๆ ราวกับเพิ่งเคยมาแคสติ้งเป็นครั้งแรก
“ก็ปกตินะ เดี๋ยวคงจะทยอยกมากันอีก” เขาแค่พยักหน้าไม่ได้พูดตอบอะไรกลับมา
หลังจากลงทะเบียนได้หมายเลขประจำตัวมาแล้ว เราสองคนก็เดินมานั่งรอทีมงานเรียกแต่คงอีกสักพักใหญ่เลยล่ะ มีกลุ่มคนไม่น้อยที่ยกนิยายที่จะแคสติ้งวันนี้ขึ้นมาอ่านเพื่อทบทวน ผมก็เช่นกัน
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนมาถึงคิวของเราสองคนที่ต้องเข้าห้องแคสติ้ง ภายในเป็นห้องกว้างโล่งๆ มีเพียงโต๊ะตัวยาวกับกรรมการผู้ตัดสินอีกสามคนพร้อมป้ายชื่อวางไว้ด้านหน้า มีผู้จัด ผู้กำกับและนักเขียน พวกเราสี่คนถูกเรียกให้เข้ามายืนหน้าคณะกรรมการทั้งสามท่าน
“หมายเลข 0224 พัฒน์ธร เลือกมาหนึ่งฉากแล้วเริ่มแสดงได้เลย”
